ศาสนา


สัญลักษณ์ของศาสนาต่างๆ

ศาสนา (อังกฤษ: religion) หมายถึง ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหนือธรรมชาติ ในหลักอภิปรัชญาว่าทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาดำรงอยู่และจะเป็นเช่นไรต่อไป มีหลักการ สถาบัน หรือประเพณี ที่เป็นที่เคารพโดยทั่วไป แล้วอาจกล่าวได้ว่า ศาสนาเป็นสิ่งที่ควบคุม และประสานความสัมพันธ์ของมนุษย์ ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข คือ ให้มีหลักการ ค่านิยม วัฒนธรรมร่วมกันและวิถีทางที่มนุษย์เลือกใช้ในการดำรงชีวิต ให้สังคมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยหลักจริยธรรม คุณธรรม ศิลธรรมที่เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

สำหรับประเทศไทย ประชาชนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ทุกศาสนา ศาสนาสำคัญ และมีคนนับถือมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์

นอกจากการนับถือศาสนาแล้ว ยังมีความเชื่อไม่นับถือศาสนาด้วย เรียก "อศาสนา" (อังกฤษ: irreligion) และผู้ไม่นับถือศาสนาเรียก "อศาสนิก" (อังกฤษ: irreligious person)

เนื้อหา

[ซ่อน]

[แก้] องค์ประกอบของศาสนา

  1. สิ่งเคารพสูงสุด
  2. ศาสดา
  3. คัมภีร์
  4. ผู้สืบทอด
  5. ศาสนสถาน
  6. สัญลักษณ์
  7. พิธีกรรม

[แก้] ความสำคัญของศาสนา

  1. บอกถึงหลักอภิปรัชญา ว่าโลกนี้เกิดขึ้นมาจากอะไร และจะเป็นเช่นไร
  2. สอนหลักคุณธรรมศีลธรรมจริยธรรมของมนุษย์ในการอยู่ร่วมกัน
  3. ให้รู้จักการดำเนินชิวิตเช่นไรจึงจะถูกต้อง
  4. มีเป้าหมายในชีวิต เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่เพียงแต่เกิดมาเพื่อกิน และเสพกามเท่านั้น
  5. หลักศรัทธา ว่าทำดีได้รางวัลคือขึ้นสวรรค์ ทำชั่วได้โทษคือตกนรก ทำให้แม้จะลับตาคนไร้กฎหมายก็ไม่ทำชั่วทำแต่ดี
  6. เป็นที่พึ่งทางใจ ในยามชีวิตประสบปัญหาสิ้นหวัง ไร้กำลังใจ หรือปลอบประโลม ผู้สูญเสีย บุคคลอันเป็นที่รัก
  7. เป็นบ่อเกิดแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี

[แก้] พัฒนาการของศาสนา

มีความเชื่อว่าศาสนานั้นเกิดมาจากความต้องการเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ นับแต่อดีดมนุษย์จะสงสัยว่าสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมต้องเกิดขึ้น จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เปลี่ยนแปลงแล้วจะเกิดผลอะไรต่อมาอีก จนนำมาสู่การค้นหาแนวทางต่างๆเพื่อตอบปัญหาเหล่านี้ จนนำมาเป็นความเชื่อและเลื่อมใส ตัวอย่างเช่นศาสนาพุทธ เกิดจากเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นความทุกข์ จึงทรงหาแนวทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยวิธีการต่างๆนานา จนทรงค้นพบอริยสัจ 4 ด้วยวิธีที่ เป็นการฝึกจิตด้วยสติจนถึงซึ่งความรู้แจ้ง ในสรรพสิ่ง และความดับความทุกข์ ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับสิ้นซึ่งกิเลส ทรงสอนให้มนุษย์ ให้ทำบุญ รักษาศีล และภาวนา เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการพ้นทุกข์ของมหาชน อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาในปัจจุบัน คำอธิบายของการเกิดขึ้นและพัฒนาการของศาสนา สามารถแบ่งได้เป็นสี่กลุ่ม

  • ศาสนาเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความกลัว ในธรรมชาติที่ตนเองไม่รู้ จนต้องวิงวอนและร้องขอในสิ่งที่อยากได้
  • ศาสนาเกิดจากความไม่รู้สงสัย ในอภิปรัชญาว่าโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และจะเป็นเช่นไรต่อไป
  • ศาสนาเกิดจากความต้องการที่จะสร้างความเชื่อขึ้นมา เพื่อช่วยควบคุมความประพฤติของคนในสังคม ให้สังคมสงบสุข
  • ศาสนาเกิดจากความต้องการที่จะพ้นจากความทุกข์ เช่นความอดอยาก โรคระบาด ความแก่ ความตาย การสูญเสีย

[แก้] ปรัชญาศาสนา

ศาสนาของโลกถ้าแบ่งตามลักษณะปรัชญาที่คล้ายคลึงกัน แบ่งได้ 2 ลักษณะ

ศาสนาที่ยึดถือพระเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด

กลุ่นศาสนาที่นิยมเรียกว่า ปรัชญาตะวันตก โดยถือตามอิทธิพลในการรับอารยธรรม ได้แก่ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนายูดาย(ยิว)ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาซิกข์ ศาสนาบาไฮ ศาสนาฮินดู ศาสนากลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือ

  • พระเจ้าคือสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาสูงสุด ที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ถ้าพระองค์ไม่ประสงค์
  • ศาสนิกต้องแสดงความรักหรือภัคดีต่อพระเจ้าด้วยการสรรเสริญ ปฏิบัติตามที่พระองค์ประสงค์ที่ได้ตรัสผ่านศาสนทูตของพระเจ้า
  • อาจขอให้ทรงไถ่บาป อ้อนวอนให้ทรงประทานสิ่งที่ดีแก่ชีวิต
  • เชื่อว่าทรงเป็นพระผู้สร้าง สร้างสรรพสิ่ง กำหนดสภาวการณ์ที่เป็นไปของโลก แต่ทรงปล่อยให้มนุษย์เลือกทางแห่งตนเอง โดยจะทรงช่วยเมื่อมนุษย์ลงมือกระทำ
  • ก่อนที่จะเชื่อให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เมื่อเชื่อแล้วอย่าสงสัย เพราะพระเจ้าจะทรงทดสอบจิตใจในศรัทธา
  • เมื่อถึงวันสิ้นโลกพระเจ้าจะทำลายทุกสิ่ง ที่พระองค์สร้างขึ้น และจะชุบชีวิตทุกคนให้ฟื้นคืนชีพมารับฟังคำพิพากษา ผู้เชื่อจะรอด และอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ ผู้ไม่เชื่อ จะถูกลงทัณฑ์ให้ตกนรกชั่วกาล
  • ให้วางใจในพระเจ้า รับพระองค์เข้าไว้ในใจจะพบแต่สันติสุข

ศาสนาที่มุ่งเข้าถึงความจริงสูงสุด

กลุ่มศาสนาที่นิยมเรียกว่าปรัชญาตะวันออก โดยถือตามอิทธิพลในการรับอารยธรรม ได้แก่ศาสนาพุทธทั้งเถรวาท นิกายเซนและวัชรยาน ศาสนาเชน ศาสนาพราหมณ์(แบบเก่า) ลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื๊อ ศาสนากลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือ

  • เชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองตามกฎธรรมชาติ สรรพสิ่งแท้จริงเป็นเพียงความว่างเปล่า
  • ความจริงแท้ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด และไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยหลักตรรกะหรือเหตุผล
  • การเข้าถึงความจริงแท้ทำได้ด้วยการบรรลุปัญญาญาณ จากการไม่ติดอยู่ในมายาของเหตุผล
  • เชื่อในการไม่สิ้นสุด เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด เชื่อในกฎแห่งกรรม
  • มีหลักคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ที่มักน้อยสันโดษพอเพียง ยึดถือหน้าที่ มีวันัยสูงไม่เห็นแก่ตัว แต่ไม่ยึดติดในสิ่งทั้งปวง มุ่งละกิเลส
  • เชื่อในตัวมนุษย์ว่าเข้าถึงความจริงได้ ทุกสิ่งเกิดจากการกระทำของตนเอง เชื่อในศาสตร์ลี้ลับ(เวทมนตร์ โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์)ว่ามีจริง
  • เชื่อว่าถ้าจิตวิญญาณเข้าถึงความจริงสูงสุดจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ทั้งสองกลุ่มมีความเชื่อที่ไม่เหมือนกันคือกลุ่มแรกยอมรับว่าองค์สูงสุดมีอยู่จริง เช่นศาสนาคริสต์และอิสลามเรียกองค์สูงสุดว่าพระเจ้า ผู้นับถือมีเป้าหมายเพื่อการเข้าไปรวมอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ส่วนกลุ่มหลังเช่นศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าหรือองค์สูงสุด แต่เชื่อในการมีอยู่ของเทพเจ้า (เหล่าพรหมา) ซึ่งเป็นเทวดาชั้นสูงสุดเรียกว่าพรหม แต่ต่างกันตรงที่ผู้ที่นับถือศาสนาศาสนาพุทธไม่มีเป้าหมายเพื่อการไปรวมอยู่กับพรหม แต่สามารถไปเกิดเป็นพรหมได้ เพราะการรวมอยู่หรือไปเกิดเป็นพรหม เมื่อหมดเหตุปัจจัยก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ อันมีต่ำสุดคือนรก สูงสุดคือพรหม อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทางที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้จึงมีทางเดียวเท่านั้นคือ นิพพาน

[แก้] ประเภทศาสนา

ศาสนาในโลกถึงแม้จะมีมาก แต่ถ้าจัดเป็นประเภทก็ได้เป็น 2 ประเภท คือ

[แก้] เทวนิยม

เชื่อว่ามีเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งหลาย หรือเรียกกันว่าพระเจ้า มีพระเจ้าสูงสุด เพียงพระองค์เดียว พระองค์เป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งและเชื่อกันว่าพระเจ้าอาจติดต่อมนุษย์ โดยผ่านศาสดาพยากรณ์หลายองค์ เช่น พระอัลเลาะห์ ทรงติดต่อกับท่านนบีมุฮัมหมัด พระยะโฮวาห์ ทรงติดต่อกับ ท่านโมเสส และพระเยซู ส่วนบางศาสนาก็นับถือพระเจ้า หรือเทพเจ้าหลายองค์ อย่าง ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เชื่อว่าพระเจ้าอวตารแยกเป็น3องค์ เป็นต้น ศาสนาแบบเทวนิยม ได้แก่

[แก้] อเทวนิยม

ศาสนาประเภทนี้ ไม่เชื่อในการมีอยู่จริงของพระเจ้า โดยเชื่อว่าโลกและสรรพสิ่งเกิดขึ้นเองตามกฎของธรรมชาติ เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย ศาสนาประเภทนี้ ได้แก่

[แก้] ศาสนาที่ตายแล้ว

ศาสนาในโลกอาจแบ่งเป็นศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่ ศาสนาที่ตายแล้ว และศาสนาที่สาบสูญ

  1. ศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่ คือศาสนาที่มีความเป็นสถาบันมีองค์กร มีผู้นับถือเป็นจำนวนมากพอประมาณ มีระบบคำสอน ได้แก่ศาสนาในโลกปัจจุบัน
  2. ศาสนาที่ตายแล้ว คือศาสนาที่เคยมีผู้นับถือ แต่ปัจจุบันแทบไม่มีคนนับถืออีกแล้ว แต่ยังมีหลักฐานให้เรารู้ว่าเคยมีศาสนานี้อยู่ในโลกมาก่อน
  3. ศาสนาที่สาบสูญ คือศาสนาที่เราไม่มีข้อมูลให้รู้ว่าเคยมีศาสนานี้อยู่ในโลกมาก่อน

ศาสนาที่ตายแล้ว

  • ศาสนาอียิปต์โบราณ
  • ศาสนาเปรูโบราณ
  • ศาสนาเม็กซิโกโบราณ
  • ศาสนามิถรา
  • ศาสนามาณิกิ
  • ศาสนาบาบิโลเนี่ยน
  • ศาสนาสุเมอเลี่ยน-อัคคาเดียน
  • ศาสนาฮิทไทท์
  • ศาสนากรีก
  • ศาสนาโรมัน
  • ศาสนาเซลติก
หมายเลขบันทึก: 335637เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2010 16:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท