สวัสดีค่ะ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทุกท่าน วันนี้มีสาระดีๆ เกี่ยวกับการถนอมดวงตา มาฝากทุกท่านค่ะ เหตุเนื่องจาก ชุมชนของเราเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ และทุกท่านที่มาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สื่อกลางผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยกันทั้งนั้น น้องๆ ของข้าพเจ้าหลายๆ คน เจอปัญหาเหล่านี้ คือ การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน ช่วงเวลาหนึ่ง ย่อมทำให้เกิดการเมื่อยล้าในบริเวณรอบๆ จอประสาทตาค่ะ
จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมและถึงเวลาแล้วที่ทุกท่านควรเอาใจใส่และมีการดูแลดวงตา ดูแลสายตา หากต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
สิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงมีทั้งสิ้น 3 ประเด็นค่ะ คือ
ค่ะ และแล้ว ประเด็นที่ 1 นี้ ถ้าเป็นการดูหนังสือ ให้ดูในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ให้แสงส่องมาจากด้านหลังหรือด้านซ้าย และวางหนังสือห่างจากตาประมาณ 1 ฟุต ควรเลือกจอคอมพิวเตอร์ที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา เราสามารถทดสอบง่าย ๆ ได้โดยลองปิดสวิตซ์จอภาพ แล้วเอามือหรือแขนไปจ่อไว้ใกล้ๆ จอภาพ จอที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่ผิว คือไม่รู้สึกว่าขนลุก
ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในที่แสงสว่างเพียงพอ รวมไปถึงปรับความสว่างในที่ทำงาน ลดแสงสะท้อนรบกวน เพราะดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อดวงตาได้ง่ายและรวดเร็ว จะรู้สึกว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตารุนแรงมากขึ้น
ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18 – 24 นิ้ว (วัดง่าย ๆ ประมาณหนึ่งช่วงแขน และนั่งห่างจากจอ 50-70 เซนติเมตร ปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15 – 20 องศาค่ะ) ถ้าระยะห่างของจอภาพกับดวงตาไม่สัมพันธ์กันจะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย
ใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อาจจะช่วยได้ไม่มาก(ขึ้นอยู่กับคุณภาพสินค้า) แต่ก็น่าจะช่วยลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลงได้
สำหรับประเด็นถัดมา จะคล้ายๆ กับประเด็นแรกและมีผู้เชี่ยวชาญกล่าวค่ะ ว่าเวลาใช้คอมพิวเตอร์นั้น ร่างกายคนเรามักจดจ่อและมีสมาธิอยู่กับมัน โดยเฉพาะการเล่นเกมส์ สังเกตมั้ยคะ น้องๆ บางคนเล่นเกมส์ ไม่กระพริบตาเลย นั่นแหละการไม่กระพริบตาทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเกิดความตึงเครียด เหมือนกับการจ้อง เพ่ง และทำให้เมื่อยล้าได้ในที่สุด บางคน พอจ้องมองนานๆ รู้สึกตัวอีกที ถึงกับน้ำตาไหลไปแล้วก็มี กรณีที่เล่ามานี้ เกิดขึ้นกับการใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถแชทได้ยี่ห้อหนึ่งค่ะ
ข้อแนะนำ หากใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ใน 1 วัน ให้กระพริบตาบ่อยๆ ถี่ และทุก 15 นาที ให้ละสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และมองออกไปไกลๆ สู่วัตถุที่มีสีเขียวค่ะ เพราะวัตถุสีเขียวได้รับการพิสูจน์แล้วว่า คลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา และคลายความอ่อนล้าได้ดีที่สุดสำหรับเวลาก่อนเข้านอน ควรมีผ้าเย็นประคบเปลือกตา จะช่วยลดอาการปวดตาลงได้ (ทุกท่านสังเกตมั้ยคะว่าทำไมโรงเรียนจึงเรียกว่า กระดานดำ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นกระดานเขียว ก็เพื่อการลดความเมื่อยล้ารอบดวงตาของเด็กๆ และสีเขียวเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ค่ะ)
ในประเด็นสุดท้าย หนีไม่พ้นอาหารรักษาโรค ตามเคย อโรคยา ในวันนี้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตาที่สำคัญคือ วิตามินเอ และวิตามินบี โดยอาหารที่มีวิตามินเอ ได้แก่ ตับ ไข่แดง เนย น้ำมันตับปลา พืชใบเขียว เช่น ใบตำลึง ผักคะน้า ผักโขม ผักชะอม พืชที่มีสีเหลืองทุกชนิด เช่น ฟักทอง เมล็ดฟักทอง มะละกอสุก แครอท อาหารที่มีวิตามินบี ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ เนื้อหมู นม ตับ ไข่ ถั่ว และผักใบเขียว รวมทั้งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง จะช่วยบำรุงจอประสาทตาเสื่อมได้ เช่นผัก ผลไม้ ข้าวต่างๆ ถั่วต่างๆ บล็อกโคลี่ แครอท ฟักทอง
แต่เราต้องระวังค่ะ การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนปริมาณสูงๆ ต่อวัน ทำให้กระจกตาเสื่อมได้ในระยะยาว
เรามารักษาดวงตากันพร้อมๆ กับการเรียนรู้ใหม่ๆ ในแต่ละวันดีกว่าค่ะ
Designed By Wachi. Bowornki.
สวัสดีครับ คุณหมอแจ๋วแหวว
ขอบคุณที่นำสาระดีๆมาฝากนะค่ะ
แป้งก็เป็นคนหนึ่งที่เวลาจ้องคอมนานๆนี่แสบตามากเลยนะค่ะ
จานำไปปฏิบัติตามนะค่ะพี่แจ๋วแหวว
อูย...สรุปว่าต้องกิน
หุหุ อันนี้ชามถนัดนักแล
นี่เป็นกระทู้ที่ควรจะนำไปบอกต่อแก่ ดร. ที่ปรึกษาเราเป็นอย่างยิ่ง 555
A : อ้าว B ตานายเป็นอะไร
B : ตา ก็พ่อของแม่เราซิฟ่ะ ถามได้
A : ไม่ใช่ ลูกตาหน่ะ ลูกตา เป็นอะไร
B : ลูกตา ก็แม่ของฉันซิฟ่ะ เอ ไอ้นี่
A : เด๋ว ๆ ๆ ต่อยตาแตกเลยแก
B : !!!
เรื่องราวน่าสนใจมากคะ
จะแวะมาบ่อยๆ
ขอบคุณค่ะ ครูทราย
ยินดีให้คำปรึกษาภาวะ ปัญหาสุขภาพ และการบำบัดรักษาโรค
ทั้งอาหารโภชนาการ และยารักษาโรคค่ะ
j