อาณาจักรศรีวิชัย
ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓ อาณาจักรศรีวิชัย “ ดินแดนแห่งการพาณิชย์ทางทะเล” เริ่มโดดเด่นและรุ่งเรืองขึ้นด้วยความสามารถในการควบคุมปากแม่น้ำและบริเวณอ่าวต่างๆ ทางตอนใต้ของประเทศไทยไปจนถึงบริเวณเกาะสุมาตรา ทำให้สามารถควบคุมเส้นทางการค้าระหว่างอินเดียและจีน ซึ่งส่งผลให้อาณาจักรสามารถแผ่ขยายดินแดนออกไปได้ไกลตั้งแต่บริเวณนครศรีธรรมราชจนถึงบริเวณตอนเหนือของแหลมมลายูและบริเวณหมู่เกาะชวาทั้งหมด
จากสภาพภูมิประเทศซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเมืองท่าที่เอื้อต่อการติดต่อค้าขายกับชาวต่างแดน จึงสร้างความมั่งคั่งและอำนาจให้กับอาณาจักรในช่วงเวลาต่อมา และปรากฎข้อสนับสนุนความรุ่งเรืองของอาณาจักรนี้โดยนักภูมิศาสตร์ชาวอาหรับชื่อมะสุดี ซึ่งบันทึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๑๕๓๙ ว่า “ อาณาจักรแห่งมหาราชผู้เป็นเจ้าแห่งหมู่เกาะซาบัค ซึ่งมีกะลาห์ ศรีบูชา ( ศรีวิชัย ) และเกาะอื่นๆ ในทะเลจีนนั้น เขาเรียกราชาของเขาว่ามหาราช อาณาจักรของมหาราชนี้มีประชาชนมาก มีกองทัพใหญ่โต ไม่มีใครสามารถเดินทางโดยเรือที่เร็วที่สุดไปให้ครบหมู่เกาะที่มีประชาชนหนาแน่นเหล่านั้นให้ทั่วถึงภายใน ๒ ปี พระราชาทรงมีเครื่องหอมและไม้หอมนานาชนิด เช่น พิมเสน กานพลู ฝาง จันทน์ อบเชยและอื่นๆ”
เนื่องจากมีความสามารถทางด้านการค้าขาย จึงมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้ากันมากหลักฐานการขุดพบสื่อกลางหรือเงินตราในแถบอาณาจักรแห่งนี้พบว่ามี ๒ ประเภท ได้แก่ เงินดอกจันและเงินนโม
เงินดอกจัน มีลักษณะค่อนข้างกลมแบน ทำด้วยโลหะเงินและทองคำ ด้านหนี่งเป็นตรา ๔ แฉก ส่วนอีกด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตโบราณอ่านได้ว่า “ วร” พบเป็นจำนวนมากในบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดสงขลา
เงินนโม มีลักษณะค่อนข้างกลมแบน มีขนาดเล็ก ด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตโบราณคล้ายอักษร “ น” อีกด้านหนี่งมีรอยบากเป็นร่องตรงกลาง ทำจากแร่เงินผสมพลวงซึ่งเป็นแร่ที่หาได้ง่ายทางภาคใต้ พบเป็นจำนวนมากที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี
อาณาจักรศรีวิชัยยั่งยืนมาจนกระทั่งถูกอาณาจักรชวาเข้าโจมตี จึงหมดอำนาจลงใน พ.ศ. ๑๘๑๘ กระนั้น ความยิ่งใหญ่และความเจริญของอาณาจักรศรีวิชัยยังคงหลงเหลือให้เห็นจนถึงทุกวันนี้จากโบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ เช่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร รวมทั้งเงินดอกจันและเงินนโม ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงความรุ่งเรืองทางการค้าของอาณาจักรได้เป็นอย่างดี
(เงินตราสมัยศรีวิชัย)
ข้อมูล : เพื่อนนักศึกาภาควิชาประวัติศาสตร์
เรียบเรียง : วาทิน ศานติ์ สันติ
ไม่มีความเห็น