นายพล Francisco Franco ผู้นำสเปน (ค.ศ. ๑๙๓๙ - ๑๙๗๕)
สเปน : สงครามกลางเมืองสเปน ค.ศ. ๑๙๓๖ - ๑๙๓๙ (The Civil War of 1936 – 1939)
สงครามกลางเมืองสเปนเป็นสงครามแห่งความหฤโหดที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๓๖ – ๑๙๓๙ โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาในสเปน ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมส่งผลให้สเปนเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากประชาธิปไตยไปเป็นระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ
สาเหตุโดยทั่วไป
๑. เป็นการต่อสู้ระหว่างลัทธิฟาสซิสต์ (Fascism) และคอมมิวนิสต์ (Communism)ในสเปน
๒. การจัดตั้งสาธารณรัฐที่ ๒ (The Second Republic of 1931 - 1936) ขึ้นมาเป็นการจัดตั้งเพื่อนำเอาเสปนเข้าไปสู่ระบอบการปกครองสาธารณรัฐในชนชั้นกรรมาชีพซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายขวา ซึ่งนำโดยพรรคอนุรักษนิยม ศาสนจักร Catholic ทหาร และผู้สูญเสียอำนาจ
๓. พรรคอนุรักษนิยมซึ่งนิยมกษัตริย์แพ้การเลือกตั้งในเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๓๖ ได้ก่อตั้งกลุ่มแนวร่วมประชาชน (Popular Fornt) มีนโยบายไม่ต้องการประนีประนอมกับฝ่ายสาธารณรัฐนิยม จึงหันไปร่วมมือกับกลุ่มปฏิวัติ
๔.ทหารไม่พอใจในนโยบายของรัฐบาลฝ่ายซ้ายของสาธารณรัฐที่ ๒ และต้องการกลับเข้ามามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง จึงเป็นแกนนำก่อการปฏิวัติ นโยบายที่ฝ่ายทหารไม่พอใจคือ
๔.๑ ต่อต้านกษัตริย์ ลดบทบาทของศาสนจักรเช่นการตัดบทบาททางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
๔.๒ ลดกำลังกองทหาร และลดบทบาททางการเมืองของทหาร
๔.๓ การขยายอิทธิพลของพรรคฝ่ายซ้ายและลัทธิคอมมิวนิสต์ในสเปน
๕. ศาสนจักร Catholic ไม่พอใจรัฐบาลที่ลดบทบาทของศาสนจักรทางสังคม หรือการควบคุมศาสนจักรโดยตรง ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อเกิดการปฏิวัติ ศาสนจักรจึงถือหางฝ่ายปฏิวัติ
๖. การปกครองของสาธารณรัฐที่ ๒ เกิดความวุ่นวายจากการปะทะกันของประชาชนฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา อันเนื่องมาจาก
๖.๑ เกิดการเปลี่ยนแปลรัฐบาลตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศชาติได้
๖.๒ ประชาชนเกิดความสับสนและเบื่อหน่ายการปกครองในระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย
สาเหตุปัจจุบัน
สืบเนื่องจากวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๓๖ นาย คาโว โซเตโล (Calvo Sotelo) หัวหน้าพรรคฝ่ายขวาถูกลอบสังหาร ดังนั้นในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๓๖ ทหารบกกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งเตรียมตัวก่อการปฏิวัติไว้ล่วงหน้าแล้ว) ที่นำโดยนายพลฟรานซิสโก ฟรังโก (Francisco Franco) ก่อการปฏิวัติขึ้นโดยใช้เหตุการณ์ลอบสังหารนี้มาเป็นข้ออ้าง
สงครามกลางเมืองเป็นการต่อสู่กันระหว่างฝ่ายปฏิวัติชาตินิยมที่นำโดยทหารกับฝ่ายรัฐบาลสาธารณรัฐ ซึ่งทั้ง ๒ ฝ่ายต่างก็มีขุมกำลังของตนเองและที่ได้รับการช่วยเหลือจากต่างชาติ จำแนกได้ดังนี้
ขุมกำลังฝ่ายปฏิวัติชาตินิยม (Nationalists)
- ทหารบกและทหารอากาศบางส่วน
- กองทหารต่างด้าว (Foreign Legent) ซึ่งเอาไว้ปราบกบฏมัวร์ใน Spanish Morocco
- กองทหารมัวร์ (Moorish Troops) จาก Spanish Morocco
ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
- ฮิตเลอร์ (เยอรมนี) ส่งกองทหาร ๑๐,๐๐๐ คน และเครื่องบินรบ ๑๐๐ ลำ
- มุโสลินี (อิตาลี) ส่งทหาร ๕๐,๐๐๐ พร้อมปืนใหญ่
ขุมกำลังฝ่ายสาธารณรัฐนิยม (Loyal to Republic)
- ทหารเรือจำนวนมาก ทหารอากาศบางส่วน
- กองกำลังทหารอาสา ได้แก่ สหภาพกรรมกร กลุ่มอาณาธิปไตย กลุ่มอาณาคิสต์ชาวคาตาลัน (Catalan) และชาวบาสก์ (ฺBasque)
ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
- โซเวียตรัสเซีย ส่งรถถัง เครื่องบิน ที่ปรึกษา และช่างเทคนิค
- กองทหารนานาชาติในยุโรป (International Brigde) ที่ต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์
สถานการณ์ของสงคราม
๑. ค.ศ. ๑๙๓๗ เป็นต้นมา ทั้งเยอรมนีและอิตาลีได้ส่งทหารเข้าช่วยเหลือกับฝ่ายปฏิวัติชาตินิยม ในขณะเดียวกันฝ่ายสาธารณรัฐนิยมได้รับความช่วยเหลือจากโซเวียตรัสเซีย แต่อังกฤษและฝรั่งเศสกลับขอร้องไม่ให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงสเปน
๒. ฝ่ายสาธารณรัฐนิยมได้ขอความช่วยเหลือจากอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผู้นำของทั้งสองประเทศไม่ได้ดำเนินการใด ๆ
๓. ค.ศ. ๑๙๓๘ เป็นต้นมา ความช่วยเหลือจากรัสเซียที่ส่งให้กับฝ่ายสาธารณรัฐนิยมได้ลดลง เพราะถูกสกัดกั้นจากเยอรมนีและอิตาลี
๔. เกิดความแตกแยกภายในรัฐบาลเองคือพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตที่นิยมสตาลิน (Stalinism) เกรงว่าฝ่ายรัฐบาลที่เคยนิยมสตาลลินจะหันไปนิยมทรอสกี้ (Trotskyites) จึงแยกตัวไปร่วมมือกับฝ่ายของนายพลฟรังโกรบกับฝ่ายรัฐบาล ผลที่ตามมาคือ
มกราคม ค.ศ. ๑๙๓๙ กองทัพปฏิวัติที่นำโดยนายพลฟรังโกเข้ายึดกรุงบาเซโลน่าได้
มีนาคม ค.ศ. ๑๙๓๙ กรุงมาดริดเกิดการจลาจลจากฝ่ายคอมมิวนิสต์กับฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์
๒๘ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๓๙ กองทัพปฏิวัติเดินทัพเข้าสู่กรุงมาดริด
๑ เมษายน ค.ศ. ๑๙๓๙ นายพลฟรังโกประกาศยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานาน ๓ ปี
ผลของสงคราม
๑. เป็นการล้มการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตยไปสู่ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ (Totalitarian Government) ทำให้สเปนใกล้ชิดกับประเทศฝ่ายอักษะ (Axis Powers)
๒. ชัยชนะของฝ่ายปฏิวัติชาตินิยมมีผลตามมาคือ
๒.๑. ยุติความวุ่นวายในสเปน
๒.๒ ผู้คนกว่า ๖๐๐,๐๐๐ ชีวิตต้องสูญเสียเพื่อแลกกับความสงบสุขในประเทศภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการเบ็ดเสร็จที่เข้มแข็ง
๓. ความแตกแยกทางสังคมยังคงอยู่ ความเสียหายที่สำคัญที่สุดคือเศรษฐกิจ บ้านเมืองพังพินาศ
๔. ทหารสามารถยึดอำนาจได้สำเร็จ เพราะทหารเป็นกลุ่มที่มีระเบียบวินัยและถืออาวุธ
๕. ฮิตเลอร์และมุโสลินีถือว่าชัยชนะของฝ่ายปฏิวัติชาตินิยมเป็นชัยชนะของฝ่ายอักษะและฝ่ายเผด็จการเบ็ดเสร็จ
๖. นายพลฟรานซิสโก ฟรังโกปกครองสเปนเป็นระยะเวลา ๓๖ ปี ตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๓๙ – ๑๙๗๕
วาทิน ศานติ์ สันติ : เรียบเรียง
อ่านดูเถิดท่านผู้มีปัญยาทั้งหลาย ความแตกแยกของสังคมส่งผลรุนแรงดั่งที่ได้เกิดมาแล้วในหลายประเทศ ขอจงจำไว้และใช้เป็นบทเรียน และขอภาวนาว่า "อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในประเทศของเราเลย
ด้วยความปราภนาดีจาก นักท่องอดีต