คือ 1.น้ำข้าวที่เกิดจากการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ ซึ่งจะต้องใช้หม้อใส่ข้าวสารตั้งบนเตาถ่าน กระบวนการเริ่มต้นโดยล้างหรือซาวข้าวเพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ออก จนกระทั่งน้ำล้างข้าวใส แล้วจึงเติมน้ำปริมาณมากลงไป ต้มให้เดือด ในช่วงนี้ต้องหมั่นคนอย่าให้เมล็ดข้าวติดก้นหม้อ ต้มจนเมล็ดข้าวเริ่มแตกจนสุกนิ่มไปทั้งเมล็ด หรือเห็นเมล็ดข้าวยังมีไตขุ่นเป็นจุดเล็กๆ อยู่ภายใน จึงรินน้ำออก เรียกขั้นตอนนี้ว่า เช็ดน้ำข้าว ทั้งนี้ หม้อที่ใช้หุงข้าวแบบเช็ดน้ำนี้ต้องมีหูสองข้างและฝาหม้อต้องมีหูอยู่ตรง กึ่งกลาง เวลาเช็ดน้ำใช้ไม้ขัดฝาหม้อแทงขัดร้อยหูหม้อและฝาหม้อเอาไว้ จากนั้นเอียงหม้อเทน้ำข้าวออกจนหมด แล้วนําหม้อข้าวไปตั้งไฟอ่อนๆ เพื่อให้น้ำข้าวในหม้อแห้งสนิท เรียกว่า ดงข้าว จนข้าวสุกระอุดี เชื่อกันว่าน้ำข้าวเป็นอาหารอย่างดีสําหรับคนป่วยที่รู้สึกเบื่ออาหารเพราะ เกิดการเสียสมดุลของระบบย่อยอาหาร ส่วนคนปกติที่ไม่ป่วยก็สามารถทานน้ำข้าวได้เช่นกัน เพราะน้ำข้าวมีคุณค่าและสารอาหารมากมายเช่นเดียวกับข้าว อีกทั้งย่อยง่าย ไม่ทําให้ท้องอืด ท้องเสีย และร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอได้ทันที คนป่วยจึงสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น น้ำข้าวมีวิตามินอีสูง และมีคุณสมบัติเป็นยารสเย็นช่วยบำรุงร่างกาย รวมถึงแก้ร้อนในและใช้ถอนพิษผิดสำแดง และยังใช้แก้อาการปวดท้อง ท้องร่วง และช่วยขับปัสสาวะด้วย
โดยเฉพาะเด็กท้องเสีย น้ำข้าวช่วยได้มากเช่นกัน สูตรน้ำข้าวที่สามารถนำมาเป็นยาสำหรับเด็กท้องเสียมีดังนี้ น้ำข้าว 1 ถ้วย หรือ 8 ออนซ์ (240 ซีซี) เกลือ 2 หยิบนิ้วมือ (0.6 กรัม) น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะหรือช้อนแกง (6 กรัม) ผสมเข้าด้วยกันป้อนให้เด็กรับประทาน
และอีกสูตร คือ ข้าวสาร 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 1 ช้อนตักแกง เติมน้ำลงในหม้อข้าว 3 แก้ว (เต็มแก้ว) ซึ่งมีปริมาตรประมาณ 720 ซีซี นำไปต้มจนเดือดแล้วเคี่ยวต่อ ใช้เวลาทั้งสิ้นตั้งแต่เริ่มหุงประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที เมล็ดข้าวจะแตกและเปื่อย ลักษณะเหมือนโจ๊ก เติมเกลือลงไป 2 หยิบนิ้วมือ แล้วยกลง จะมีปริมาตรที่เหลือทั้งสิ้น 1 ถ้วย ประมาณ 8 ออนซ์ (240 ซีซี) ทิ้งไว้ให้เย็นและป้อนให้เด็กรับประทาน
2.น้ำข้าวที่เกิดจากการซาวข้าว
แม้จะไม่ใช้การหุงข้าวแบบอดีตแล้ว แต่ทุกบ้านยังต้องล้างข้าวสารก่อนหุง น้ำซาวครั้งแรกอาจมีฝุ่นสกปรกมาก ให้ใช้น้ำซาวข้าวครั้งที่สอง ซึ่งน้ำข้าวชนิดนี้มีสรรพคุณคือเป็นยารสเย็นเช่นกัน ในยุคที่น้ำข้าวจากการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำหายาก ใช้น้ำซาวข้าวน่าจะสะดวกกว่า เชื่อว่าน้ำซาวข้าวขจัดรังแคได้ โดยนำน้ำซาวข้าวใส่กะละมัง ทิ้งให้ตกตะกอน จากนั้นรินน้ำออก ใช้น้ำที่ตกตะกอนสระผม 2 ครั้ง แล้วสระผมด้วยแชมพูอีกครั้ง ล้างน้ำให้สะอาด ว่ากันว่าผมจะนิ่มปราศจากรังแค วงการเครื่องสำอางยุคกลับสู่ธรรมชาตินำเอาน้ำซาวข้าวผสมกับมะกรูด หรือฝักส้มป่อย เป็นแชมพูสระผมแก้รังแค บำรุงหนังศีรษะ และช่วยรักษาเส้นผมด้วย
น้ำซาวข้าว เป็นน้ำที่ได้จากการล้างข้าวก่อนนำไปหุง ปกติจะล้างข้าวไม่เกิน 1-2 ครั้ง เพราะจะทำให้สูญเสียวิตามินที่มีอยู่ในเมล็ดข้าวอย่างเช่น วิตามินบี ซึ่งละลายได้ในน้ำน้ำซาวข้าวที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่ทราบหรือไม่ว่าน้ำซาวข้าวมีคุณประโยชน์ย่างอเนกอนันต์มากกว่าที่คิด เพราะน้ำซาวข้าว จะมีจำพวกวิตามินบี 3 หรือ Niacin ช่วยทำลายพิษหรือท็อกซินจากมลพิษ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด วิตามินบี 2 หรือ Riboflavin ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด อันเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดแข็งตัว ขจัด ไขมันชนิดอิ่มตัวในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังช่วยระงับอาการตาแฉะได้ จึงใช้เป็นส่วน ประกอบในยาหยอดตา วิตามินบี 1 หรือ เป็นต่อประโยชน์การทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อย หัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยในการ เจริญเติบโตของร่างกาย และมี ธาตุเหล็ก เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ในสมัยก่อนคนไทยนำ “น้ำซาวข้าว” ต้มใส่เกลือหรือน้ำตาลทรายดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ นอกจากคุณประโยชน์ต่อภายในของร่างกายแล้ว น้ำซาวข้าวยังสามารถนำมาสระผม ซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่เป็นรังแค นำมาชำระล้างใบหน้าก็จะช่วยขจัดความมัน รักษาสิวฝ้าทำให้หน้าขาวนวลนุ่ม ใช้ล้างผัก ผลไม้ ก็จะขจัดสารพิษตกค้างได้ใช้ล้างภาชนะที่ติดคราบไขมันได้อย่างสะอาด ใช้รดต้นไม้เป็นปุ๋ยอย่างดี ใช้ล้างเมือกคาวปลาไร้กลิ่นได้ชะงัก
น้ำซาวข้าว
เป็นน้ำที่ได้จากการล้างข้าวก่อนนำไปหุง ปกติจะล้างข้าวไม่เกิน 1-2
ครั้ง เพราะจะทำให้สูญเสียวิตามินที่มีอยู่ในเมล็ดข้าวอย่างเช่น วิตามินบี ซึ่งละลายได้ในน้ำ น้ำซาวข้าวที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่ทราบหรือไม่ว่าน้ำซาวข้าวมีคุณประโยชน์ อย่างอเนกอนันต์มากกว่าที่คิด เพราะน้ำซาวข้าว จะมีจำพวกวิตามินบี 3 หรือ Niacin ช่วยทำลายพิษหรือท็อกซินจากมลพิษ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด วิตามินบี 2 หรือ Riboflavin ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด อันเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดแข็งตัว ขจัด ไขมันชนิดอิ่มตัวในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังช่วยระงับอาการตาแฉะได้ จึงใช้เป็นส่วน ประกอบในยาหยอดตา วิตามินบี 1 หรือ เป็นต่อประโยชน์การทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อย หัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยในการ เจริญเติบโตของร่างกาย และมี ธาตุเหล็ก เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ในสมัยก่อนคนไทยนำ “น้ำซาวข้าว” ต้มใส่เกลือหรือน้ำตาลทรายดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ นอกจากคุณประโยชน์ต่อภายในของร่างกายแล้ว น้ำซาวข้าวยังสามารถนำมาสระผม ซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่เป็นรังแค นำมาชำระล้างใบหน้าก็จะช่วยขจัดความ มัน รักษาสิวฝ้าทำให้หน้าขาวนวลนุ่ม ใช้ล้างผัก ผลไม้ ก็จะขจัดสารพิษตกค้างได้ ใช้ล้างภาชนะที่ติดคราบไขมันได้อย่างสะอาด ใช้รดต้นไม้เป็นปุ๋ยอย่างดี ใช้ล้างเมือก คาวปลาไร้กลิ่นได้ชะงัก |
|
ประโยชน์ต่างๆของน้ำซาวข้าว |
1. วิธีทำน้ำซาวข้าว |
วิธีทำน้ำซาวข้าวอย่างง่ายที่สุดคือ การหุงข้าวด้วยวิธีเช็ดน้ำแบบโบราณ โดยใช้หม้อหุงข้าวแบบสมัยก่อน (ในรูปภาพตัวอย่าง ไม่ใช้หม้อหุงข้าวอัตโนมัตสมัยใหม่) คือต้มข้าวเดือดแล้ว รินน้ำข้าวออก แล้วราไฟเพื่อดงข้าวให้สุก นำน้ำที่รินออกมาผสม เกลือเล็กน้อย แล้วดื่มจะได้รสชาติที่นุ่มนวล และที่สำคัญมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากจริงๆ |
2. น้ำซาวข้าวสามารถใช้ล้างผัก ผลไม้ ขจัดสารพิษตกค้างได้ |
สามารถใช้ล้างผัก ผลไม้ ขจัดสารพิษตกค้างได้ และยังใช้ล้างถ้วย ชาม ช้อน ส้อม ที่ติดคราบไขมันได้สะอาดดี นอกจากนี้ ยังใช้รดต้นมะลิ ออกดอกบานสะพรั่ง ใช้ล้างเมือกคาวปลาไร้กลิ่นเหม็นคาวปลาได้ชะงัก และสาวๆที่ผิวหน้ามัน กรองน้ำซาว ข้าวทิ้งไว้ให้ตกตะกอน ใช้ล้างหน้าขจัดความมัน และยังทำให้มือนุ่มอีกด้วย ดูจากสาวญี่ปุ่นสมัยก่อนที่ใช้มือแช่น้ำซาวข้าว ทำให้นุ่มนวล และตอนไหนที่เผลอกินพริกเผ็ดๆเข้าไปล่ะก็ อมน้ำซาวข้าวขะยุกๆกลั้วๆ สักพักแล้วบ้วนทิ้งหายเผ็ดเป็นปลิดทิ้ง ประโยชน์ของน้ำซาวข้าวมากมายจริงๆ อ่านแล้ว ต่อไปก็อย่าเผลอทิ้งล่ะ |
3. น้ำซาวข้าวช่วยรักษาสิวบนใบหน้า |
มีสรรพคุณ รักษาสิวฝ้าบนใบหน้า ทำให้หน้าขาวนวล นุ่มนิ่ม |
วิธีใช้ : นำน้ำซาวข้าวที่สะอาดมาชำระล้างใบหน้า ทุกเช้าและเย็น หรือทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จะทำให้ใบหน้าขาวนวล ลดการ เกิดสิวได้ |
4. น้ำซาวข้าวทำให้มือนุ่มได้ |
ถ้าสาวใดเข้าครัวทำอาหารอยู่เป็นประจำ เวลาซาวข้าว มือก็จะกระทบกับข้าวและน้ำที่ใช้ซาว รู้ไหมว่าน้ำซาวข้าวจะทำให้มือ ของคุณนุ่มขึ้น เหมือนในประเทศญี่ปุ่น ในสมัยก่อนบรรดาสาวๆ จะร่วมกันทำข้าว ปั้นข้าว เมื่ออายุมากขึ้นแต่มือทั้งสองยัง ขาวนวล เต่งตึงเหมือนสาวๆไม่มีผิด ฉะนั้นเวลาซาวข้าว ก็ใช้ทั้ง 2 มือ จะได้นุ่มทั้ง 2 มือ |
5. น้ำซาวข้าวแก้อาการคันศีรษะและผมมัน |
มีสูตรการทำดังนี้ |
ส่วนผสม มะกรูด 1 ลูก |
น้ำซาวข้าว พอประมาณ |
วิธีทำ |
1. นำผิวมะกรูดมาตำให้ละเอียด แล้วบีบน้ำมะกรูดลงไป |
2. เติมน้ำซาวข้าวอุ่นๆ พอประมาณ คนให้เข้ากันทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที |
3. กรองเอาแต่น้ำไปสระผม ระวังอย่าให้เข้าตา ใช้สระผมได้เป็นประจำเท่าที่ต้องการ จะรู้สึกเบาสบายศีรษะ และช่วยบำรุง หนังศีรษะ แก้อาการคันได้ชะงัดได้ |
ขอขอบคุณบทความจาก นิตยสารบันทึกคุณแม่ |
6. น้ำซาวข้าวล้างผักลดสารพิษอย่างไร |
ทุกวันนี้ผักผลไม้ที่วางขายกันอยู่ตามท้องตลาดส่วนมากนั้น
ใช้สารเคมีในกระบวนการปลูกเพื่อป้องกันและกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโต สารพิษเหล่านี้จึงตกค้างอยู่ในผักผลไม้ที่เราซื้อมารับประทาน มีวิธีง่ายๆอีกวิธีหนึ่งใน การล้างผักและผลไม้เพื่อช่วยลดสารพิษตกค้างด้วยการใช้น้ำซาวข้าว น้ำซาวข้าวนอกจากจะให้ประโยชน์ดังที่กล่าวมาหลายหัวข้อแล้ว และทราบหรือไม่ว่ายังสามารถนำมาล้างผักและผลไม้ ให้ปราศจากสารพิษได้ชะงัดนัก โดยน้ำซาวข้าวที่ใช้เป็นน้ำซาวข้าวที่ซาวครั้งที่สอง ส่วนวิธีการ เริ่มจากขั้นแรก ให้เด็ดใบผักลงแช่ในน้ำซาวข้าวประมาณ 5-15 นาที หลังจากที่แช่เพื่อให้ สารพิษที่ตกค้างอยู่ เจือจางลง แล้ว ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อให้เศษหินเศษทรายต่างๆหลุดออกไป เพียงเท่านี้ก็มั่นใจได้แล้วว่า ผักและ ผลไม้ที่จะนำมารับประทานปราศจากสารพิษตกค้าง…..ประโยชน์ของน้ำซาวข้าวมีมาก มายจริงๆ |
ข้อมูลจาก นิตยสารชีวจิต ฉบับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ณัฐชลัยย์ คงสะอาด |
7. ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของข้าว |
ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นและหาวิธีใช้ประโยชน์จากข้าวในรูปแบบหลากหลายเพิ่ม ขึ้น เช่น การนำข้าวมาผลิตเป็นไวน์ น้ำส้ม สายชู หรือแม้แต่เครื่องสำอาง จำพวกครีมนวดผม/สบู่ป้องกันผิวแตก/ผงขัดผิว นอกจากนั้นคนไทยสมัยอดีตยังนำเมล็ดข้าว และส่วนต่างๆ ที่ได้จากต้นข้าวมาใช้เป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บสารพัดชนิดอีกด้วย อาทิ |
ข้าวสาร : รักษาอาการท้องอืด ลมพิษ พยาธิลำไส้ |
ข้าวสุก : รักษาอาการท้องอืด ลมพิษ พยาธิลำไส้ |
ข้าวเหนียว : รักษาอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ อาการท้องร่วงท้องบิด แก้ผื่นบนหัวเด็ก อาการปวดเอว |
รากข้าวเหนียว : นำไปต้มน้ำกินช่วย กระตุ้นน้ำลาย และละลายเสมหะ บำรุงกระเพาะอาหาร แก้เหงื่อออกมาก |
ต้นอ่อนข้าวเหนียว : นำไปต้มน้ำกิน ช่วยให้ย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ และช่วยขับเสมหะ |
น้ำข้าว : ใช้ดื่มบรรเทาอาการร้อนและ กระหายน้ำ แก้อาเจียนเป็นเลือด ตาแดง เลือด กำเดาออกง่าย และช่วยขับเสมหะ |
ข้าวกล้อง : ใช้พอกฝีเพื่อเร่งหนองให้แตกเร็ว รักษาโรคไขข้อ แก้เหน็บชา |
รำข้าว : ใช้บำบัดโรคเหน็บชา แก้อาการสะอึก ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ช่วยย่อยและทำให้ เจริญอาหารใช้เป็นยาระบาย |
ฟางข้าว : ช่วยขับลม รักษาอาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องร่วง กระหายน้ำ ริดสีดวงทวาร ดีซ่าน และแผลที่เกิดจากไฟ หรือ น้ำร้อน |
น้ำซาวข้าว : บรรเทาอาการร้อนกระวนกระวาย กระหายน้ำ รักษาโรคอหิวาตกโรค ช่วย ย่อยอาหารและแก้พิษ |
ข้าวงอก : ใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร |
แป้งข้าวเจ้า : บรรเทาอาการอักเสบใน ไฟลามทุ่ง รักษาโรคผิวหนังที่โดนลวก และ อาการผื่นคันเล็ก ๆ น้อย ๆ |
ข้อมูลจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า |
ขอบคุณมากค่ะ รักข้าวไทย
ขอบคุณมากน่ะค่ะ สำหรับความคิดเห็น ข้าวไทยยังไงก็เป็นของคนไทย ถ้าคนไทยรักเเผ่นดิน เเละรู้จักอนุรักษ์ภูมิปัญญาของบรรพบุรษไว้ค่ะ
ขอบคุณมากมายนะคะ
สำหรับเรื่องดีๆๆอย่างนี้
พอดีว่าหนูจะทำโครงงาน
แล้วก็คิดถึงข้าวที่เป็นสัญลักษณ์ของคนไทย
หาไปหามาก็มาได้เรื่องของน้ำซาวข้าว
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดีๆอย่างนี้
สุดยอดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เช้านี้หุงข้าวจะทิ้งน้ำซาวข้าวเลยเข้ามาเปิดเวปดูว่าประโยชน์ของน้ำซาวข้าวมีอะไรบ้าง ก็เลยได้ข้อมูลดีๆจากเวปนี้นะคะ
น้ำซาวช้าวบางทีใช้ไม่หมดก็เอามาต้มทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเก็บใส่ตู้เย็นได้มั้ยคะ
ว่าไหมค่ะคนส่วนใหญ่เห็นว่านํ้าแช่ข้าวไม่มีประโยชน์
เยี่ยมจริงๆๆคับ
ว้าว บทความดีมากๆ เลย ได้รู้ถึงประโยชน์ของน้ำซาวข้าวอีกเยอะเลยค่ะ
ลักษณะน้ำซาวข้าว สีแบบไหน ที่ใช้รดต้นไม้ได้ครับ