เรื่องของผม ภาค 1


            กระผมก็เป็นคนหนึ่งที่เดินทางตามระบบการศึกษาเมืองไทย ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม และสุดท้ายเส้นทางที่รั้วมหาลัย และที่รั้วของ ม.บู แห่งนี้

            เมื่อก่อนกระผมไม่เคยรู้จักค่ายอาสาฯอะไรทั้งสิ้น ตอนอยู่ปีหนึ่งก็เหมือนกัน ชมรมอาสาฯนั้นไม่เคยรู้จัก ตอนเปิดโลกกิจกรรมนั้นผมคงมองผ่านๆไป จำได้ว่าผมสมัครชมรมนวัตกรรมและชมรมพุทธไปสองชมรม กิจกรรมที่ทำตอนปีหนึ่งก็คือสำมะเลเทเมากันตามหาดบ้าง เล่นดนตรีแก้เซ็งบ้าง ฯลฯ สรุปแล้วชีวิตไม่ค่อยมีสาระอะไรเลยตอนปี 1

            ตอนขึ้นปีสองใหม่ๆ พี่เจียซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสี่ขณะนั้น พี่แกเป็นพี่หอผมตอนผมอยู่ปี 1 ปีนั้นแกก็เป็นพี่หออีก ไม่รู้ว่าแกกะอยู่หอฟรีจนจบเลยหรือไง ผมก็สมัครเป็นพี่หอด้วยเหมือนกัน เลยได้รู้จักและสนิทกัน ซึ่งแกก็ชักชวนผมกับเพื่อนชื่ออนอัว ไปทำค่ายอาสา ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเป็นค่ายอะไรของแก ผมเคยไปเป็นพี่เลี้ยงค่ายที่สบายๆ พักรีสอร์ท อาหารหรูและอร่อย ได้เบี้ยเลี้ยง ได้เที่ยว เด็กๆก็น่ารัก ผมก็คิดว่ามันคงจะคล้ายๆกัน ผมจึงอยากทำ แต่พบได้เข้าไปสัมผัสแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย

            วันนั้น หลังจากประชุมพี่หอที่หอ 14 เสร็จ พี่เจียก็ชวนเข้าไปที่ชมรมอาสา ตอนแรกก็นึกว่าจะอยู่ไกล ที่แท้อยู่ใกล้ๆ อยู่หน้าหอ 14 นี้เอง ซึ่งผมก็เคยผ่านหลายครั้ง แต่ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นมาก่อน

            กระผมและอนอัวเดินตามพี่เจียเข้าประตูด้านหลังของชมรม เห็นสภาพชมรมครั้งแรกก็เป็นเหมือนห้องเก็บของดีๆนี่เอง และเห็นคนนั่งอยู่ในชมรมจำนวนหนึ่ง คาดว่ากำลังประชุม ผมและอนอัวนั่งรวมในวงนั้น พี่เจียก็แนะนำทันที ซึ่งมีแต่รุ่นพี่ปีสามปีสี่ทั้งนั้น ที่จำได้ก็มีพี่ทราย พี่รุ้ง พี่ตูน พี่เอก พี่เย่ พี่อ๊อด พี่กอล์ฟ พี่เอ็ม พี่เล็ก ผมก็เขินๆตื่นเต้นพอประมาณ ได้ทราบว่าเขากำลังประชุมค่ายเพื่อนใหม่กันอยู่  ผมก็ยังไม่รู้ว่าค่ายเพื่อนใหม่คือค่ายอะไรกัน ประชุมกันไปประชุมกันมา พี่เจียก็เสนอให้ผมเป็นปฏิคมอย่างหน้าตาเฉย  พี่เจียก็เชียร์ดีจัง บอกว่ารับๆไปเถอะ มันไม่ยาก เดี๋ยวพี่จะสอนให้ ผมก็เลยต้องเป็นอย่างงงๆ ส่วนอนอัวเพื่อนผมก็ได้เป็นประชาสัมพันธ์ เอาเป็นว่าใครมานั่งในตอนนั้น เป็นต้องได้ทำสักตำแหน่งแน่ๆ พี่เจียบอกว่า คนที่จะมาทำค่ายไม่ค่อยมี น้องๆก็ไม่มีใครเข้ามา บางค่ายพี่ๆหนึ่งคนเป็นมากกว่าหนึ่งตำแหน่ง พอผมเข้ามา ก็มีแต่เพื่อนคณะเดียวกันทั้งนั้น

            ผมมาเจอไอ้ต้า ซึ่งเป็นเพื่อนคณะเดียวกันและเคยอยู่หอเดียวกันตอนปี1 พี่เจียบอกว่ามันเคยไปค่ายมาแล้วตอนซัมเมอร์ เห็นมันทำงานดีเลยดึงให้มันมาเป็นคณะกรรมการ ในตำแหน่งโครงงานหลัก

ตอนนั้นชมรมจะประชุมทุกวันพุธ ประมาณสองทุ่ม วันไหนไม่มีประชุม ชมรมก็ปิดเงียบ ผมได้เรียนรู้อะไรๆเกี่ยวกับชมรมจากพี่เจีย รวมถึงวิชาควงกระบองไฟ ที่ทำให้สามารถหาเงินกินขนมได้ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากแก ต้องขอบคุณแกอย่างมาก ถ้าไม่มีแกวันนั้นก็คงไม่มีกระผมในชมรมวันนี้

            งานปฏิคมที่ผมรับมา ผมก็เริ่มถามว่าต้องทำอะไรบ้าง พี่เจียก็อธิบายให้ฟัง แล้วบอกให้ผมไปดูบอร์ดหน้าที่ของคณะกรรมการค่าย แปะไว้ที่ชมรม ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า ผมก็ได้ไปดูแล้วก็เริ่มติดต่อสั่งน้ำที่แคนทีน เตรียมภาชนะ แก้ว เหยือก ฯลฯ

            ค่ายนี้พี่เจียเป็นประธานค่าย แกก็ทำการประชุมเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ ค่ายนั้นไปจัดกันที่แถวๆอ.บ่อทอง ชลบุรี และในช่วงนั้น แบบเสื้อยืดชมรมที่ผมออกแบบได้รับการโหวด จำได้ว่าโหวดสีเสื้อกันจนได้เสื้อสีส้มแป๊ด ใส่แล้วต้องนิมนต์กันเลย

            ผมไม่รู้ว่าบรรยากาศค่ายเป็นไง ไม่รู้รูปแบบในค่ายว่ามีอะไรบ้าง เพราะผมไม่เคยไป ผมเตรียมของปฏิคมไว้เรียบร้อย แต่วันไปค่ายจริงๆ ผมไม่ได้ไป เพราะติดเล่นดนตรีงานเกียร์ไนท์ ตอนแรกผมก็ลำบากใจมาก ต้องตัดสินใจเลือกอย่างทิ้งอย่าง ในที่สุดผมก็เลือกดนตรี คิดว่าในค่ายคงไม่มีอะไรมากมายหรอก ฝากไอ้อัวมันทำแทนละกัน ผมก็ได้แค่ไปส่ง วันที่ไปนั้น รถออกที่หน้าชมรม คนแปลกหน้าก็มากันเยอะแยะประมาณหกสิบเจ็ดสิบคน พี่ๆ ก็ตีกลองร้องเพลงและเล่นมุขผ่านโทรโข่งอย่างสนุกสนาน สมัยนั้นพี่กอล์ฟและพี่คมเป็นตัวฮาของชมรม

            สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมได้เล่นดนตรีสมใจ แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่ทิ้งความรับผิดชอบของตัวเองแล้วไปฝากไว้กับเพื่อน เมื่อค่ายเสร็จคนก็กลับมา ผมก็ไปรอรับที่ชมรม รถบัสวิ่งมาถึงคนก็ทยอยกันลง และส่วนหนึ่งไปขนของเก็บ รูสึกว่าเขาสนุกสนานกันมาก คนแปลกหน้าที่เห็นก่อนขึ้นรถวันนั้น วันนี้เขาต่างคุยกันสนุกดี เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว ผมถามไอ้อัวว่าเป็นไงบ้าง มันบอกว่า มึงทำไมไม่ไปวะ กูทำแทนมึงทุกอย่าง พี่เจียก็บอกว่ามึงพลาดแล้ว ไอ้ต้าก็บอกว่าเหนื่อยแต่สนุกดี ผมรู้สึกผิดอย่างมากที่ไม่ไปค่าย เห็นไอ้อัว ไอ้ต้า พี่เจีย คุยกับคนแปลกหน้าอย่างสนุกสนาน กระผมเองไม่รู้จักใครเลย ได้แต่มองพวกเขาคุยกันแต่เรื่องในค่ายแล้วก็หัวเราะ ผมก็เนียนหัวเราะไปกับเขาด้วยทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย

            แลไปดูสมุดค่าย ทุกเล่มต้องมีชื่อผมและข้อความของผม (สมัยนั้นยังไม่ฮิตติดรูป) ในหน้าคณะกรรมการค่าย เพราะว่าผมเป็นปฏิคม แต่ไม่มีสมุดค่ายเล่มไหนที่เป็นของผมเลย เพราะผมไม่ได้ไปค่าย ผมคิดว่า ค่ายหน้าคงจะไม่พลาดอีกแล้ว

            เมื่อค่ายนี้จบไป ค่ายหน้าก็เริ่มต้น เป็นค่ายตุลา ซึ่งมีพี่รุ้งซึ่งเป็นประธานชมรม มาเป็นประธานค่าย

    "เรื่องราวมันยาวไป ตอนนี้ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ติดตามต่ิอภาค2"

คำสำคัญ (Tags): #ภาค1
หมายเลขบันทึก: 329939เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2010 23:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

*** มาเยี่ยมบันทึก ที่น่าสนใจค่ะ

*** ขอบคุณนะคะ ...จะติดตามตอนต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท