โฆษณาน้ำดำยี่ห้อหนึ่ง เพิ่งออกอากาศไม่นาน ใช้พรีเซนเตอร์เป็นเด็กผู้ชายเป็นเด็กประถมในโรงเรียนชนบท ใสซื่อ น่ารัก เป็นธรรมชาติมาก เสียงเด็กชายเล่าเรื่องพ่อที่เป็นคนขับรถด้วยความภูมิใจ (ประกอบภาพรถบรรทุกน้ำอัดลม) พรรณนาว่านอกจากพ่อทำงานเพื่อครอบครัวแล้ว พ่อยังเป็นคน “ส่งความสุข” ให้แก่ทุกที่ที่พ่อไป
ดูเหมือนดี อบอุ่น แต่เราต้องไม่ตกหลุมพรางโฆษณา ว่ามีจุดมุ่งหมายคือ สร้างความรู้สึกที่ดีต่อน้ำอัดลม ปลูกฝังความเชื่อว่าน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้มีความสุข เด็กๆ ดูทุกวันก็คล้อยตาม พ่อแม่ดูทุกวันก็คล้อยตาม อีกหน่อยเด็กๆ จะดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำ แทนนม
เครื่องดื่มที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนคือน้ำสะอาด ไม่ใช่น้ำอัดลม
เด็กๆ ของเรา “เป็นทาส” อาหารขยะ แฟชั่น และมือถือ ฯลฯ กันจนยากเยียวยา และกำลังถูกหลอกให้เป็นทาสที่ภักดีของน้ำอัดลม....
น้ำอัดลมพยายามเข้าไปในโรงเรียนมาเรื่อยๆ กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรด้านโภชนาการเพื่อเด็กพยายามขัดขวาง แต่ไม่ค่อยสำเร็จ น้ำอัดลมยังเข้าไปวางขายได้ในโรงเรียนใหญ่ๆ ในกรุงเทพเกือบทุกโรง และ กำลังคืบคลานไปโรงเรียนเล็กๆ ในต่างจังหวัด
น้ำอัดลมครองใจวัยรุ่นเรียบร้อยแล้วด้วยการสร้างความเชื่อว่าเป็น “เครื่องดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่” และกำลังขยายตลาดลงไปที่เด็กประถม เล็กลงไปเรื่อยๆ อีกหน่อยอาจขยายฐานลงไปโรงเรียนอนุบาล
คงไม่ต้องพูดว่าทำไมเด็กๆ (และผู้ใหญ่ด้วย) จึงไม่ควรดื่มน้ำอัดลม เพราะคิดว่าผู้ใหญ่ทุกคน โดยเฉพาะครูและบุคลากรสาธารณสุข ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ใน G2K ย่อมรู้ดี
เราคงต้องช่วยกันคิดว่า เราจะต่อต้านการปลูกฝังความเชื่อนี้อย่างไร
ฉันอยากให้มีกฎหมายออกมาควบคุมไม่ให้น้ำอัดลมเข้าโรงเรียน (เคยอ่านมาว่ามีประเทศหนึ่งใกล้ๆ เรา รัฐบาลประกาศห้ามน้ำอัดลมเข้าไปขายในโรงเรียน) เหมือนกฎหมายห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ใครมีเพื่อนทำงานองค์กรเอกชน มีความคิดดีๆ มีเครือข่าย ช่วยบอกต่อ และ
กรุณาช่วยคิดด้วยค่ะ อย่ายอมให้เด็กๆ เป็นทาสน้ำอัดลม.
พฤหัส ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๒
* เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ว่าเราไม่ควรส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ดื่มน้ำอัดลม
เมื่อหลายปีก่อน มีบริษัทน้ำอัดลมเข้ามาประมูล...ตั้งซุ้มขาย-มอมเมาให้เด็กๆ ดื่มกันอย่างถ้วนหน้า....ในขณะที่น้ำดื่มสะอาด-บริสุทธิ์ ซื้อหาได้ยากยิ่งนัก โชคดีที่ตอนนี้ถูกกำจัดให้ออกไปจากโรงเรียนมัธยมฯ หลายๆ แห่งได้สำเร็จ น่าเป็นห่วงนะคะที่ดันกลับไประบาดในโรงเรียนของเด็กเล็กๆ แทน
* การโฆษณาชวนเชื่อนับว่าได้ผลเกินคาดจริงๆ ต้องช่วยกันรณรงค์โดยเร็วด่วนนะคะ
ยินดีที่มีแนวร่วมอีก ๑ ท่าน คือ อาจารย์ K.Pually
แต่งานนี้เห็นยากนะคะ