วันที่เศร้าที่สุดของชีวิตเหมือนกับเป็นวันที่เรานั้น "ไร้ความหวัง"
การมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดายช่างสร้างความว้าเหว่ให้กับจิตใจอย่างเหลือคณานับ
การที่ร่างกายทุกข์นั้นไม่เจ็บปวดเหมือนกับจิตใจที่ทุกข์
การใช้ชีวิตอย่างว้าเหว่ ครั้นต้องมาประกอบกับการผิดหวังแล้วเราจะหวังว่าชีวิตในลมหายใจหน้านั้นจักเป็นเช่นไร
การเดินบนทางเดินที่โดดเดี่ยวนั้นเหงา การเดินทางบนทางเดินที่มืดนั้นไร้พลัง เพราะไม่เห็นแสงแห่งความหวังที่ก้าวเดิน
ลมหายใจที่แผ่วบาง ย่อมส่งสารไปยังร่างกายที่ห่อเหี่ยว
ดวงจิตนี้แสนเศร้านักเนื่องด้วยเพราะ "ผิดหวัง"
หวังว่าหยาดเหงื่อที่ รด หลั่ง ริน ชะโลมรินลงบนผืนดินนั้นจักได้รับคำชื่นชม
แต่ครั้นเมื่อความหวังนั้นต้องมลาย ถูกทำลายจนย่อยยับ ราบคาบ พนาสูร ดวงจิตนี้ชักร้อนรุ่ม พร้อมกลุ้มรุมด้วยความทุกข์
การยึดติดอยู่กับโลกธรรมก็เป็นเช่นนี้แล
เมื่อมีความหวังแล้วไม่พร้อมยอมรับกับความผิดหวัง จิตใจก็ต้องพังทลายลงไปมิต่างอะไรกับต้นไม้ที่มิสามารถลู่ตามลมแห่งโลกที่มากระทบได้
ต้นไม้ใดรู้จักปรับ จักเปลี่ยน พัฒนาลำต้นให้แข็งแกร่ง ในอนาคตก็จักสามารถมีแรงยืนหยัดสู้ลมพายุที่โหมกระหน่ำได้
ต้นไม้ใดอ่อนแอ ท้อแท้ ไม่ปรับตัว มิปรับจิต ก็รังแต่รอเวลาที่ลมทั้งหลายจักมาพิชิตให้โค่นล้มลง
แต่ทว่า เวลาแห่งการพัฒนาความแข็งแกร่งนั้นช่างยาวนาน และดวงจิตในช่วงแห่งเวลานั้นย่อมทุรน ทุราย
แต่ถ้าหากเรามิย่อมทุกข์ในวันนี้แล้วเราจะหนีทุกข์ไปในวันใดอีกเล่า
วันนี้ถ้าหากเราย่อมให้ต้นไม้ซึ่งเปรียบประหนึ่งร่างกาย ร่างนี้ ล้ม หาย ตายไป เพราะด้วยไร้แรงที่จะสู้ด้วยการพัฒนาจิตใจตนเองแล้วไซร้ ชาติใด และร่างกายร่างใดเล่าที่เราจะนำมาสู้เพื่อให้จิตนี้พ้นจากทุกข์อย่างแท้จริงได้...
คนเราคงหนีไม่พ้นที่จะเจอกับความผิดหวังเข้าสักครั้ง
แต่ในบางทีเรายังไม่ทันได้ตั้งตัว
นี่มันก้อเลวร้ายเหมือนกันนะค่ะ
ยังไงก้อสู้ต่อไปค่ะ
ชีวิตของเรามีคุณค่า การผิดหวัง การสมหวัง การแพ้ การชนะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภูมิคุ้มกันกับชีวิตให้มีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น เป็นกำลังใจครับ
เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่ "คนเราคงหนีไม่พ้นที่จะเจอกับความผิดหวังเข้าสักครั้ง"
เมื่อใดมีความหวัง เราก็ต้องพร้อมที่จักยอมรับกับความผิดหวัง
เมื่อความหวังเป็นเหตุ ความผิดหวังย่อมเป็นผล
เมื่อเราตัดได้เสียซึ่งเหต เรานั้นยังไม่มีความผิดหวังให้เป็นผล...
ความผืดหวัง ไม่ใช่ว่าจะสิ้นหวัง...ทุกปัญหามีทางแก้ ค่อยๆคิด..อย่าสิ้นหวังและกำลังใจ...หาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ได้..สู้ๆนะคะ เอาใจช่วยค่ะ....
ภูมิคุ้มกันชีวิต คงจะเปรียบได้ดั่ง "เซรุ่ม" ของงูที่ใช้ถอนพิษงู
พิษแห่งอสรพิษที่ร้ายกาจนั้นยังสามารถนำมาใช้เป็นภูมิคุ้มกันเมื่อครั้นที่ชีวิตพบกับอันตราย
แต่ใครเล่าจะกล้าเอาความทุกข์มาเกาะเกี่ยวยึดถือไว้ในจิตใจเมื่อสู้กับความทุกข์
แต่ใครเล่าจะกล้าเอาความผิดหวังมาเป็น "เซรุ่ม" เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชีวิต
ปฏิกิริยาแห่งจิตเมื่อครั้นที่ความทุกข์จากความผิดหวังกำลังประเด ประดังเข้าสู่จิตใจนั้น เป็นช่วงเวลาของชีวิตที่เรียกว่าหัวเลี้ยวและหัวต่อ
ถ้าชีวิตผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ เซรุ่มนี้ย่อมเป็นประโยชน์
หากชีวิตมีดวงจิตที่ท้อแท้ เซรุ่มนี้ย่อมเป็นโทษอย่างมากเท่าทวีคูณ
บัณฑิตทั้งหลาย เมื่อทุกข์ย่อมไม่ทิ้งธรรม ถึงตายก็ขอให้ตายไปพร้อมธรรม เหตุด้วยแห่งธรรมนั้นจักติดตามทุกชาติไป...
ความผิดหวัง สอนให้รู้จัก "การสิ้นหวัง"
การมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวังทำให้ไม่จีรังถึงอนาคต
อดีตเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว อนาคตนั้นก็ยังไม่มาถึง ชีวิตนี้ก็ยังคงต้องมีรำพึง หากมีหวัง มีความหวัง ทุกครั้งไป
ถ้าชีวิตนี้สิ้นหวัง ชีวิตคงจะหลุดไปเสียได้จากวัฏฏะเหตุแห่งความหวัง และมีผลตามมาคือความผิดหวัง
การดำเนินชีวิตอย่างสิ้นหวัง เป็นอย่างไรหนอ ขอปฏิบัติดู...
ทุกคนพร้อมเป็นกำลังใจให้ ...เพื่อนร่วมโลกที่พร้อมจะรับฟังมีอีกเยอะ..ไม่อยากให้อยู่อย่างสิ้นหวังเลย...
.....จะปีใหม่แล้ว....คิดแต่สิ่งที่ดีๆนะคะ
...โชคดีค่ะ...
ชีวิตของเราเหมือนเหรียญบาท อาจเจอหัวซึ่งหมายถึงความโชคดี หรือสมหวัง และอาจเจอก้อยซึ่งหมายถึงความผิดหวัง...แต่เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้อยู่กับเราอย่างจีรังไม่ว่าหัวก้อย...สลับหมุนเวียนกันไป...แต่ชีวิตของเราต้องไม่สิ้นหวังค่ะ ความผิดหวังเปรียบเสมือนยาบำรุงกำลังใจค่ะ....ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นตามเวลา และอุปสรรคที่พบเจอ
สุขสันต์วันปีใหม่นะค่ะ
กำลังใจ...
หากแม้นคนทั้งโลกมีกำลังใจให้ฉัน แต่ตัวฉันเองขาดแคลนกำลังใจให้ตนเอง
เพราะยามนี้ทุกข์ สุดแสนที่จะสุข อยากจะหนีไปหาสุข ก็เพราะเพียงแค่คิดว่าหากหนีได้จักคลายทุกข์สักชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หนีเหรอ หนีทุกข์ จะหนีไปไหน ทุกข์นั้นก็ยังอยู่ในจิตในใจของเราเอง
หนีอยู่ หรือหนีตาย จะหนีไปไหน เกิดภพชาติใด ๆ ทุกข์นั้นก็ยังอยู่ในจิตในใจของเราเอง
ยามทุกข์เช่นนี้ มันแสนสุดที่จะเกินทน
ยามทุกข์ยามขื่นขม มันตรอมขม ว้าเหว่ ระเห่ใจ
เรี่ยวแรง กำลังแห่งชีวิตนั้นขาดหายและเบาบาง
ความมืดปกคลุมซึ่งหนทาง จิตอ้างว้าง สับสน และเดียวดาย...
ชีวิตเรา ณ วันนี้จะออกหัวหรือก้อยหนอ
ออกหัวก็ทุกข์ ออกก้อยก็สุข
ออกหัวก็สมหวัง ออกก้อยก็สมหวัง
ถ้าหากจะทำให้เหรียญนั้นตั้งอยู่ตรงกลางได้จักทำอย่างไร
ความสมดุลแห่งจิตที่เปรียบดั่งพื้นของโต๊ะ ซึ่งรองด้วยขาโต๊ะทั้งสี่นั้นจะต้องไม่เอียงไปซ้ายหรือขวา เราจะปรับสภาพแวดล้อมทางสังคมให้เป็นไปได้อย่างไรนั้นหรือ...?
ชีวิตเราก็แต่ปัญหาเข้ามารุมเร้าไม่เว้นแต่ละวัน
การทำงานแต่ละก้าว ก็คอยแต่คราวที่จะพลาดถูกเหยียบย่ำ
การมีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของบุคคลต่าง ๆ นั้นก็เป็นเช่นนี้
เขาพอใจเราก็สุข เขาไม่พอใจเราก็ทุกข์
ความเหน็ดเหนื่อยที่ทุ่มเทลงแรงไป ช่างไร้ค่าในสายตาของฉันเอง
ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ฉันจะสู้ทำต่อไปเพื่ออะไร ในเมื่อจิตใจฉันนั้นไม่สามารถให้กำลังใจแก่ตนเอง...
ฉันเกลียดความสุข เพราะมันมักหลอกให้ฉันสนุกชั่วข้ามคืน
ฉันเกลียดความทุกข์ เพราะมันมักรีดเร้นความสุข ที่หลอกให้ฉันสนุกแม้นวันคืน
ปีใหม่นี้... ฉันก็ยังขอเกลียดความสุขเหมือนเดิม แต่ก็ขอเปลี่ยนแปลงการเกลียดชังความทุกข์ ให้กลายเป็นความสนุกที่ทุกข์ทั้งชีวิต
ความเศร้า ความขื่นขม ความระทมใจ คงจะแผดเผาดวงจิตของฉันให้ไหม้ไปเป็นจุล
ถ้าความทุกข์เจ้าทำได้ก็ขอให้เจ้าทำเถิด ฉันขอดับสลายไปพร้อมกับเจ้า
ถ้าความทุกข์เจ้าทำได้ก็ขอให้เจ้าทำเถิด ฉันไม่ขอหลงเตลิดไปกับสุขที่ฉาบทา
เกลียดสุขทำไมครับ อารมณ์ของภาวะเกลียดคือ "ความทุข์" นะครับ
เกลียดความทุกข์ ก็ทุกข์นั่นอีกครับ
มนุษย์เราไม่สามารถหนีพ้นจากความทุกข์และความสุขได้หรอกครับ
ก็เห็นหน้าชื่นตาบานกันทุกคน ไม่มีใครอมทุกข์ได้นานครับ
เกลียดสุข เพราะหมดสุขต้องพบทุกข์
เมื่อก่อนเคยเกลียดทุกข์ ตอนนี้กับรักทุกข์ ใช้ความทุกข์เป็นเพื่อน เป็นมิตรแท้