ชาวเหนือมีการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลสุขภาพ
การรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ จากบรรพบุรุษ
และปฏิบัติสืบทอดกันมาได้อย่างสอดคล้องกับวิถีชีวิตของตนเอง
แม้ว่าการแพทย์แผนปัจจุบันจะมีความเจริญก้าวหน้าและมีสถานพยาบาลมากแล้วก็ตาม
บางครั้งมีการดูแลปฏิบัติตนตามความเชื่อถือดั้งเดิมควบคู่ไปกับการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน
สำหรับการแพทย์แผนโบราณในภาคเหนือนับว่ามีส่วนผสมผสานอยู่ในชีวิตประจำวันมาแต่เดิม
เพราะถือว่าการรู้จักดูแลสุขภาพ รู้จักใช้ยาสมุนไพรที่ใกล้มือ
และปฐมพยาบาลด้วยวิธี ง่าย ๆ เป็นการประหยัดและทั่วถึง
จากการสำรวจคัมภีร์ใบลานที่พบในวัดต่าง ๆ
เมื่อแยกหมวดหมู่แล้วจะเป็นตำรายาหลากหลายด้วยกัน
การรักษาโรคของแพทย์แผนโบราณในภาคเหนือจะมีการวิเคราะห์โรคและวิธีการรักษาต่าง
ๆ ได้แก่ ใช้ยารักษาตามอาการคนไข้ เช่น ยารสขมใช้รักษาอาการไข้
ยารสเผ็ดร้อนใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
และมีการแนะนำการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง
หรือใช้ยาปรับธาตุตามฤดูกาล หรือแนะนำอาหารตามธาตุของผู้ป่วย เช่น
ธาตุดินควรรับประทานผักผลไม้ที่มีรสฝาด เช่น ฝรั่งดิบ หัวปลี
ธาตุน้ำควรรับประทานผักผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะเขือเทศ มะนาว
มะม่วงดิบ ธาตุลมควรรับประทานผักผลไม้ที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น กะเพรา
ตะไคร้ ขิง ข่า และธาตุไฟควรรับประทานผักผลไม้ที่มีรสเย็น เช่น แตงโม
แตงกวา นอกจากนั้นโรคและอาการบางอย่างอาจรักษาด้วยการนวด เช่น ปวดหลัง
ปวดกล้ามเนื้อ อัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ คอเคล็ด ปวดหัวไหล่
ข้อเท้าเคล็ด และการอบสมุนไพรเพื่อบำบัดอาการปวดเมื่อยเวียนศีรษะ
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและบำรุงผิวพรรณ นอกจากรักษาด้วยยาแล้ว
ผู้ป่วยต้องระมัดระวังไม่รับประทานอาหารที่ถือว่าเป็นอาหารแสลง
ซึ่งได้แก่ ฝรั่ง แตงโม มันแกว กล้วยหอม กล้วยไข่ ขนุน
โดยเฉพาะคนเป็นไข้หวัดให้รับประทานมะขามป้อม สมอไทย
เป็นโรคตับให้รับประทานมะเฟือง สับปะรด ท้องเสียให้รับประทานฝรั่ง
ทับทิม ส่วนท้องผูกให้รับประทานมะขาม เป็นต้น
ภาคเหนือยึดถือสืบต่อกันมาว่า
การเก็บและการใช้สมุนไพรให้ได้คุณค่าสูงสุดต้องเก็บสมุนไพรจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ
หากเคลื่อนย้ายออกไปจากแหล่งกำเนิดจะทำให้สรรพคุณของตัวยาลดลง
และต้องใช้สมุนไพรให้ครบพระเจ้าทั้ง ๕ องค์
เพื่อให้ตัวยามีคุณค่าครบถ้วน ช่วงเวลาการเก็บสมุนไพร คือ
เก็บตามฤดูกาลที่สมุนไพรแต่ละชนิดเจริญเติบโต
และต้องเก็บตามชั่วยามที่เหมาะสมแบบไทย (๑ ชั่วยาม มี ๓ ชั่วโมง)
ซึ่งระบบนิเวศของพืชทำงานเต็มที่ เช่น
ฤดูร้อนต้องเก็บส่วนรากและแก่นของสมุนไพร ฤดูฝนต้องเก็บส่วนใบ ดอก
และผล ฤดูหนาวเก็บส่วนเปลือก ลำต้น กระพี้ และเนื้อไม้
การเก็บสมุนไพรให้ได้ผลด้านสรรพคุณทางยาเต็มที่
สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในกระบวนการทางธรรมชาติของการสังเคราะห์แสง
การปรุงอาหาร และการเก็บสะสมสารอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช
บางครั้งการเก็บพืชสมุนไพรยังอิงกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น
การเกิดจันทรุปราคา เป็นต้น
|
วิธีการรักษา |
....................................
ว้าว วววว
สมุนไพรรรร
คนไทย สุด ยอด ไป เลยย
ขอบคุณสำหรัความรู้
.....................................
wowww
สมุนไพรไทยนีเยี่ยมมากๆๆๆๆๆ
สู้ยาสมัยใหม่ได้สบายเลย
thank a lot