จากขัดแย้ง..."แดง-เหลือง"
สู่...แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
โดย ประเวศ วะสี
|
1.ดื้อยา
จนเข้าไอซียู
ถ้า ว่าประเทศไทยป่วย ก็เป็นความป่วยที่ดื้อยามาก ทั้งๆ
ที่เรามีอะไรดีๆ มาก เช่น มีพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นสิ่งประเสริฐ
มีพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและทรงคุณวิเศษ
มีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันผู้ทรงทำเรื่องดีๆ สอนเรื่องดีๆ
มาตลอดรัชกาลอันยาวนาน มีคนไทยอีกมากหลายที่พยายามทำเพื่อบ้านเมือง
แต่ประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้
คือปัญหาความยากจนและการขาดความเป็นธรรม
ความยากจนไม่ได้เกิดจากขาดการพัฒนาแต่เกิดจากการขาดความเป็นธรรม
เมื่อพัฒนาไปบนพื้นฐานการขาดความเป็นธรรม
ความไม่เป็นธรรมยิ่งเพิ่มขึ้น
ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยยิ่งห่างมากขึ้น
การใช้ทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรมยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ทำให้มีความขัดแย้งและความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีทางออก
และความป่วยของประเทศทรุดหนักลงประดุจประเทศไทยเข้าไอซียู
คนไข้ที่เข้าไอซียูถ้าฟื้นไม่ได้ก็ตาย
2.ขาดวิธีคิดเรื่องโครงสร้าง
ตาม หลักธรรมชาติ โครงสร้างกำหนดคุณสมบัติ
แต่สังคมไทยขาดความคิดเชิงโครงสร้าง มักคิดเรื่องจิตใจโดดๆ
แล้วพยายามพัฒนาจิตใจ ซึ่งก็เป็นของดี แต่ไม่ได้ผลเชิงมหภาค
สังคมไทยก็ยังขาดศีลธรรมและขาดรุนแรงขึ้น
ท่านอาจารย์พุทธทาสพยายามตะโกนบอกอย่างแรงๆ ว่า
"ถ้าศีลธรรมไม่กลับคืนมา โลกาวินาศ" แต่ศีลธรรมก็ดิ่งไปลงเหวมากขึ้น
เพราะโครงสร้างของสังคมทำให้ศีลธรรมเสื่อม
ที่ว่าโครงสร้างกำหนดคุณสมบัตินั้น ที่เห็นได้ง่ายๆ ก็เช่น โต๊ะ เรือ
บ้าน ทั้งๆ ที่ทำด้วยไม้เหมือนกัน
ถ้าโครงสร้างมันเป็นโต๊ะมันก็มีคุณสมบัติเป็นที่วางของได้
ถ้าโครงสร้างเป็นเรือ มันก็มีคุณสมบัติลอยน้ำได้ ถ้าโครงสร้างเป็นบ้าน
มันก็มีคุณสมบัติเป็นที่อยู่อาศัยได้
ธาตุออกซิเจนกับธาตุเหล็กมี คุณสมบัติต่างกันลิบลับ ทั้งๆ
ที่ประกอบด้วยอนุภาคเหมือนๆ กันคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน
แต่โครงสร้างต่างกัน หรือน้ำประกอบด้วยไฮโดรเจนและออกซิเจน
แต่คุณสมบัติของน้ำเป็นของใหม่โดยสิ้นเชิง
ไม่เหมือนไฮโดรเจนหรือออกซิเจนแต่อย่างใดเลย
เพราะเมื่อไฮโดรเจนจับกับออกซิเจนเกิดโครงสร้างใหม่ขึ้น
จึงกล่าวว่าโครงสร้างกำหนดคุณสมบัติ
ในสังคมมีโครงสร้าง โครงสร้างของสังคมกำหนดคุณสมบัติของสังคม
โครงสร้างของสังคมไทยทำให้เศรษฐกิจไม่ดี การเมืองไม่ดี
และศีลธรรมไม่ดี ทั้งๆ ที่เรามีศาสนาที่ดี
และพระมหากษัตริย์ที่ดีในฐานะปัจเจกบุคคล เศรษฐกิจ การเมือง
และศีลธรรม จะยังคงไม่ดีต่อไป หรือรุนแรงมากขึ้นจนเกิดมิคสัญญี กลียุค
ตราบใดที่ยังไม่แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
3.อย่าเหมาเข่งเรื่อง แดง-เหลือง
การ เหมาเข่งว่าพวกแดงคือพวกทักษิณหรือพวกคิดล้มเจ้า
พวกเหลืองคือพวกอำมาตยาธิปไตยนิยมกษัตริย์
เป็นการลดทอนไปสู่การแบ่งขั้วมากเกินไป
ทำให้ไม่เป็นความจริงและนำไปสู่ความรุนแรง
ในแต่ละสีมีความหลากหลาย เช่น ในพวกสีแดงมีคนจนที่ไม่มีทางออก
มีพวกที่รักทักษิณด้วยหัวใจ พวกรับจ้าง พวกได้ประโยชน์จากทักษิณ
พวกไม่ชอบสถาบัน ด้วยเหตุต่างๆ รวมทั้งพวกแดงอุดมการณ์
รวมทั้งอาจมีแดงที่ชอบสถาบันด้วยซ้ำไป
ถ้าเราวิเคราะห์แยกแยะโดยพยายามเข้าใจเหตุปัจจัย
ไม่เข้าไปสู่อารมณ์มากเกินไป ยิ่งถ้าเห็นทุกคนเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วย
ก็จะยิ่งเข้าใจ เห็นใจ และเข้าถึงความจริง
ในสังคมพหุลักษณ์ จะมีคนชอบสถาบันบ้าง ไม่ชอบสถาบันบ้าง เป็นธรรมดา
คนที่ไม่ชอบก็อาจมีเหตุผลต่างๆ กัน เช่น ความแค้นจากเหตุการณ์ 6
ตุลาคม หรือเพราะพฤติกรรมของคนบางคนในแวดวงราชสำนัก
คนที่เรียกว่าแดงอุดมการณ์นั้น
คิดเชิงโครงสร้างและเห็นว่าสถาบันเป็นปัจจัยให้ดำรงโครงสร้างเดิมที่ไม่
ยุติธรรม ยากต่อการแก้ไข
พวกฝ่ายเหลืองนั้นมีจุดร่วมที่ "เกลียดทักษิณ"
เพราะเห็นว่าทักษิณนั้นประกอบด้วยตัณหา มานะ ทิฐิ อย่างรุนแรง
จะพาบ้านเมืองไปสู่ความเสื่อมเสียศีลธรรมและความรุนแรง
ฝ่ายเหลืองนี้ใช่จะนิยมอำมาตยาธิปไตยไปเสียทั้งหมด
ที่เกลียดรัฐประหารก็มี
เป็นพวกที่คิดเชิงโครงสร้างเช่นเดียวกับฝ่ายแดงอุดมการณ์ก็มี
อาจเรียกว่าเป็นพวกเหลืองอุดมการณ์
4.จุดร่วมคือการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ใน เมื่อทั้งฝ่ายเหลืองและฝ่ายแดงก็มีผู้คิดเชิงโครงสร้าง
และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยพ้น
จากความติดขัดทางประวัติศาสตร์ไปสู่จุดลงตัวใหม่ได้
จึงควรมีความร่วมมือกันในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง คนไทยทุกกลุ่ม
ทุกองค์กร ทุกสถาบัน ควรคุยกันเรื่องการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ถ้าสีน้ำเงินหรือผู้นิยมกษัตริย์เข้าร่วมและสนับสนุนความเคลื่อนไหวแก้ปัญหา
เชิงโครงสร้างด้วย ก็จะเป็นคุณค่าแก่สถาบัน และแก่อนาคตของประเทศ
5.ร่วมสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุด
ประเทศ ไทยมีทรัพยากรต่างๆ มากมาย
เกินพอที่จะสร้างความสุขให้คนไทยทุกคน
ลองพิจารณาประเทศที่ขึ้นชื่อว่าน่าอยู่ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน
เดนมาร์ก นอร์เวย์ ประเทศไทยมีทรัพยากรมากกว่าประเทศเหล่านั้น
ทั้งในเรื่องที่ดิน ความหลากหลายทางชีวภาพ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม
เรายังมีทุนทางศาสนธรรมมากกว่า
คนไทยควรจะร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุด
ที่คนไทยทุกคนมีศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นคน มีความเสมอภาค
ภราดรภาพ มีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร
และในทุกเรื่อง
สามารถพัฒนาเศรษฐกิจ-จิตใจ-สังคม-วัฒนธรรม-สิ่งแวดล้อม-สุขภาพ-การศึกษา
-ประชาธิปไตย อย่างเชื่อมโยงเป็นบูรณาการทั้ง 8 ประการ
เมื่อมีการพัฒนาอย่างบูรณาการก็มีดุลยภาพ
เมื่อมีดุลยภาพก็มีความเป็นปกติและความยั่งยืน
วิกฤตการณ์เกิดจากการ พัฒนาอย่างขาดดุลยภาพ
การขาดดุลยภาพเกิดจากการพัฒนาอย่างแยกส่วน
การสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่คือการพัฒนาอย่างบูรณาการไปสู่ดุลยภาพ
6.การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อพัฒนาไปสู่ดุลยภาพ
โครง สร้างที่ไม่เป็นธรรมนำไปสู่การเสียดุลยภาพ ความขัดแย้ง
และความรุนแรง
การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับความเป็นธรรมในทุกด้าน เช่น
(1) โครงสร้างทางจิตสำนึก วิธีคิด และจิตใจ
เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกที่สุด สังคมไทยเป็นสังคมชนชั้นมาแต่โบราณ
จึงขาดการเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
โดยเฉพาะของคนเล็กคนน้อย คนยากคนจน
การเคารพศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเป็นศีลธรรม
พื้นฐานทางสังคม ซึ่งเป็นรากฐานของสิ่งดีงามทั้งปวง เช่น ประชาธิปไตย
สิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรม
เมื่อประเทศไทยขาดศีลธรรมพื้นฐานนี้สิ่งดีงามทั้งปวงก็ไม่เกิดขึ้น
ความที่มันเป็นโครงสร้างทางจิตสำนึก วิธีคิด และจิตใจ
ความรังเกียจและอคติต่อชนชั้นล่างจึงเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างทั่วถึง
ที่เผลอๆ ไปพระก็อาจรังเกียจคนจนเสียด้วยซ้ำไป
สังเกตกันหรือเปล่าว่าหมามันเกลียดคนจนเพราะมันเอาอย่างคน
เราต้องสร้างจิตสำนึก วิธีคิด และจิตใจใหม่
ที่เคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
(2) โครงสร้างทางวัตถุ เช่น ถ้าประชาชนมาก่อน
ทางคนเดินต้องใหญ่กว่าทางรถวิ่ง ซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงาน
คุณภาพอากาศดี และสุขภาพประชาชนดีขึ้น
(3) การใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรม เช่น
การจัดสรรให้คนไทยมีที่ทำกินมากที่สุดจะทำให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ
การมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่จะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข
(4) ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ต้องมีมาตรการต่างๆ
ที่ไม่ทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากเกิน สภาพรวยกระจุกจนกระจาย
นำไปสู่ความขัดแย้งในบ้านเมืองและวิกฤตการณ์ที่ทำอย่างไรก็แก้ไม่ได้
(5) ระบบความยุติธรรม ที่ยุติธรรมต่อคนเล็กคนน้อย คนยากคนจน
(6) โครงสร้างทางสังคม สังคมไทยมีโครงสร้างทางดิ่ง
ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจข้างบนกับผู้ไม่มีอำนาจข้างล่าง
โครงสร้างแบบนี้จะมีการโกงกินมากและมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆ นานา
เศรษฐกิจจะไม่ดี การเมืองจะไม่ดี และศีลธรรมจะไม่ดี
และจะไม่มีวันดีตราบเท่าที่โครงสร้างยังเป็นทางดิ่ง
ต้องส่งเสริมให้ผู้คนสามารถรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่
ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง เกิดเป็นสังคมทางราบหรือประชาสังคม
ควรส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานก็ดี เกษตรกรก็ดี
รวมตัวกันเพื่อพัฒนาตัวเอง และมีเครื่องมือต่างๆ ของตัวเอง
ตลอดจนสามารถต่อรองผลประโยชน์ของอาชีพของตนได้
และมีส่วนในการกำหนดนโยบายของประเทศ
(7) โครงสร้างทางการเมืองการปกครอง ต้องกระจายอำนาจไปสู่ชุมชนท้องถิ่น
ให้ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งทุกด้าน
และสามารถพัฒนาให้สอดคล้องกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม
รวมทั้งมีความสามารถในการนำประเด็นเชิงนโยบายที่เกิดในชุมชนท้องถิ่นไปสู่
นโยบายระดับชาติ
(8) ความเป็นธรรมทางสุขภาพ ลูกคนจนยังตายมากกว่าลูกคนรวยสามเท่า
คนจนยังเจ็บป่วยและตายโดยไม่จำเป็น แม้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
จะขจัดความเดือดร้อนของคนจนในการรักษาพยาบาลไปได้มาก
(9) ระบบการศึกษาที่ช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ไม่ใช่การศึกษาที่ท่องวิชาไปเรื่อยๆ
โดยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
(10) ระบบการสื่อสาร เพื่อความเป็นธรรม
ระบบการสื่อสารเป็นเครื่องมือของรัฐและเงินเป็นส่วนใหญ่
ยังไม่ได้สื่อสารเพื่อความป็นธรรมแก่ประชาชนคนยากจน
ทั้ง 10 ประการเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น
ปัญหาเชิงโครงสร้างมีอีกลึกซึ้ง กลุ่ม องค์กร และสถาบันต่างๆ
ควรนำเรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างมาพูดคุยกันให้เกิดความชัดเจนถึงขั้นเอาไปลง
มือปฏิบัติได้
คณะกรรมาธิการของรัฐสภาทุกชุดควรมีระเบียบวาระร่วมในเรื่องการแก้ปัญหาเชิง
โครงสร้าง
รัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านควรมีระเบียบวาระเรื่องการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
มหาวิทยาลัย
และสื่อมวลชนควรยกการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างขึ้นมาศึกษาค้นคว้าสื่อสารกัน
ให้การคิดเชิงโครงสร้างและการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นปกติวิสัยของสังคม
ไทย
ตามปกติการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ยาก
นอกจากมีความรุนแรงเกิดขึ้น เช่น การปฏิวัติ การแพ้สงคราม
ยามวิกฤตสุดสุด เป็นโอกาสที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ในยามที่ประเทศไทยมีความขัดแย้งสุดสุด จนมาถึงชายขอบมิคสัญญีกลียุค
หวังว่าทุกฝ่ายจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยร่วมกันแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
การ แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นจุดร่วมที่ทุกสี ทุกฝ่ายจะร่วมกันได้
เพื่อให้ประเทศไทยรอดจากมิคสัญญีกลียุคไปสู่จุดลงตัวใหม่ที่เปิดโอกาสให้
ประเทศไทยพัฒนาไปสู่ยุคศรีอาริยะได้
เมื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ได้
การพัฒนาจิตใจตามหลักศาสนาก็เกิดง่ายขึ้น
ความเป็นธรรมทางสังคมก็เหมือนศีล เมื่อสังคมมีศีล สมาธิ ปัญญา
ก็เกิดง่ายขึ้น สังคมที่มีศีล สมาธิ ปัญญา
คือสังคมศรีอาริยะ
อ่านเรื่องยากที่ขัดแย้งกันแต่ก็ทำให้เย็นได้เพราะมีเหตุผลและก็เกิดปัญญาอีกด้วย
นมัสการพระคุณเจ้า
มองว่าทั้งแดง ทั้งเหลือง ต่างก็มาจากความคิดหลากแง่มุม ความคิดหลักตรงกันกับสีใด ก็เข้าร่วมกับสีนั้น
อย่างที่ในบทความว่า ฝ่ายเหลืองบางกลุ่มก็มีความคิดตรงกับฝ่ายแดง แต่ความคิดหลักคงขัดแย้งจึงเลือกที่จะรวมกับฝ่ายเหลือง
อีกนานไหมเจ้าคะ เราจึงจะพบทางออก
นมัสการพระคุณเจ้า
ความคิดเห็นทางการเมือง เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ไม่ว่าทั้งแดง และ เหลือง ประชาธิปไตยจะเบ่งบานถ้าทุกคนรู้จัก สิทธิ และหน้าที่และดำรงตนเป็นพลเมืองที่ดี แต่หากเมื่อใดต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมรับกติกา ความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้น ประชาธิปไตยของไทยต่อให้มีรัฐธรรมนูญอีกซัก 100 ฉบับก็แก้ไขได้ยาก หากคนไทยยังไม่พร้อมที่จะเปิดอ่าน หรือเรียนรู้ด้วยตนเอง เราก็ไปตามพวกพ้องน้องพี่ ระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย ยังน่าเป็นห่วง...ผลต่างตอบแทน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยังมีให้เห็นพระคุณเจ้าฯ ....เมื่อไหร่ที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็ง (เป็นคนดีจริง ๆ) เมื่อนั้น การเมืองไทยคงเปลี่ยนไปอีกเยอะ...แต่คงอีกนานนนนนนนนนนเจ้าค่ะ
นมัสการด้วยความเคารพ
ขอบคุณและอนุโมทนาสำหรับทุกมุมมอง
สีก็คือสี ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง หรือสีน้ำเงิน เมื่อมองสีสามารถตีความได้อย่างน้อยสองอย่างคือ (๑) ในเชิงอัตวิสัย สีมีคุณค่าในตัวของมันเอง ถึงแม้ใครจะไม่ให้ค่าหรือตีความก็ตาม และ (๒) ในเชิงปรวิสัย สีไม่ได้มีคุณค่าในตัวของมันเอง มันจะมีค่าหรือไ่ม่มีค่าขึ้นอยู่กับการให้ค่าของมนุษย์
เราโชคดี หรือโชคร้ายก็ไ่ม่รู้ที่ได้เกิดในเมืองไทย และได้เห็นเทศกาลการเล่น หรือการแข็งขัน "กีฬาสี" มาหลายปีแล้ว
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
ผมว่าไม่ว่าจะสีใดก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้ธงไตรรงค์ ทุกสีก็ล้วนแต่เป็นคนไทยเหมือนกัน ความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมมนุษย์ เพียงแต่อย่าเอาความคิดที่แตกต่างนั้นมาเป็นความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็แล้วกัน เพราะไม่ว่าจะโจมตีฆ่าฟันกันอย่างไรเราก็หนีความจริงไม่พ้นว่าเราก็คนไทยเหมือนกัน ทุกคนล้วนเป็นญาติพี่น้อง เป็นเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เอาความเห็นที่แตกต่างกันมาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญจะดีกว่า สาธุครับ.....
อาจารย์พระมหาประเสริฐครับ
ขอบคุณครับสำหรับมุมมองที่ดีและมีคุณค่า และหวังว่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ที่แวะเวียนมาแลกเปลี่ยนกัน
ขอบคุณและอนุโมทนาสำหรับทุกมุมมอง
สีก็คือสี ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง หรือสีน้ำเงิน เมื่อมองสีสามารถตีความได้อย่างน้อยสองอย่างคือ (๑) ในเชิงอัตวิสัย สีมีคุณค่าในตัวของมันเอง ถึงแม้ใครจะไม่ให้ค่าหรือตีความก็ตาม และ (๒) ในเชิงปรวิสัย สีไม่ได้มีคุณค่าในตัวของมันเอง มันจะมีค่าหรือไ่ม่มีค่าขึ้นอยู่กับการให้ค่าของมนุษย์
เราโชคดี หรือโชคร้ายก็ไ่ม่รู้ที่ได้เกิดในเมืองไทย และได้เห็นเทศกาลการเล่น หรือการแข็งขัน "กีฬาสี" มาหลายปีแล้ว
นมัสการพระคุณเจ้า
นับว่าเป็นประโยชน์ที่ให้แนวคิดสำหรับประชาชน
โยมชัยวัฒน์ ขอบใจมากที่เข้ามาให้กำลังใจ