เมื่อคืนอ่านหนังสือเรื่อง การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาสุขภาวะ เปิดไปพบเรื่องของ การเผชิญความตายอย่างสงบ ซึ่งเครือข่ายพุธิกาจัดขึ้น มีท่านอาจารย์ พระไพศาล วิศาโล เป็นประธาน เครือข่ายนี้มีสมาชิกเป็นจำนวนมากมีการอบรมด้วย ซึ่งการอบรมมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประกอบการอบรม
สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว เรื่องการเผชิญความตายนอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว เป็นเรื่องของจิตใจ ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศหรือพื้นที่ หรือแม้แต่แตกต่างกันในแต่ละคนแต่ละครอบครัว ความรู้ของฝรั่งอาจอธิบายได้บางอย่าง แต่ที่ดีที่สุดคือการแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะจากผู้ที่เคยมีประสบการณ์อยู่ข้างเตียงผู้ที่เสียชีวิตมาก่อน กรณีนี้อาจจะถือได้ว่าความรู้นี้จำเป็นต้องจัดการจากการปฏิบัติจึงจะได้ความรู้ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
กิจกรรมที่ได้อ่านแล้วไม่อยากทำคือเรื่องของบทบาทสมมติ ถึงผู้ปฏิบัติจะได้เรียนรู้จากบทบาทสมมติแต่ก็คงมีกลัวกันางนะคะ แค่นึกถึงก็แย่แล้ว
ในการอบรมนี้มีอีกกิจกรรมที่ดีคือ การเขียนความในใจถึงผู้ล่วงลับเป็นการพยายามเติม สิ่งที่ค้างคาใจหรือ unfinish business มือใหม่เคยใช้คำถามนี้กับเด็กที่สูญเสียเพื่อนในเหตุการณ์สึนามิ เด็กก็ได้ระบายความในใจออกมาบ้างและหวังว่าปัจจุบันนี้น้องคนนั้นคงจะมีจิตใจทีเข้มแข็งขึ้นมาบ้างแล้ว
นอกจากนี้มีกิจกรรมเรื่อง การเขียนพินัยกรรม หากต้องตายวันนี้จะเขียนพินัยกรรมอย่างไร ห่วงอะไรบ้าง เป็นคำถามที่ดีมากนะคะ เพราะทำให้นึกถึงเรื่องที่ผัดวันประกันพรุ่งไว้และทำให้จัดลำดับความสำคัญของชีวิตได้ค่ะ
ขอขอบคุณผู้ที่ถ่ายทอดเรื่องนี้ลงในหนังสือการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาสุขภาวะ ...ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอน ทุกคนต้องตาย ถ้าเตรียมตัวได้เราจะได้ตายอย่างสงบ
สรุปว่าการจัดการความรู้เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต จิตใจของคนเรา ที่มีบริบทของศาสนา วัฒนธรรมแตกต่างกันนั้น การศึกษาจากประสบการณ์ด้วยจะเป็นวิธีการที่ดี
มือใหม่..
ไม่มีความเห็น