ปี ๒๕๕๒ นี้นับเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต
ต้นปีผมยังคงเป็นนิสิตที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
คงไม่ต้องอธิบายถึงลักษณะนิสัยของนิสิตปริญญาตรีให้ทราบนะครับว่าเป็นอย่างไร
หลังจากนั้นไม่นาน (ยังไม่ได้อนุมัติจบการศึกษา)ก็ได้เข้าทำงานที่
คณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ตนเองเรียนอยู่
นับว่าเป็นการเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญ จากเรียนสู่งาน
ผมปรับตัวไม่ค่อยได้และที่สำคัญผมต้องใช้ชีวิตสองอย่างควบคู่กันเมื่อผมเลือกใช้ชีวิตแบบนิสิตอีกครั้งโดยการเรียนต่อ
ผมต้องใช้ชีวิตของคนทำงานและชีวิตนิสิต
ในขณะที่เพื่อนของผมเขายังคงสภาพชีวิตนิสิตต่อไป
เมื่อเรียนกับเพื่อนชีวิตนิสิตในตอนนี้แตกต่างจากเดิมมาก
เป็นชิวิตนิสิตวัยทำงาน แต่นั่นไปใช่ประเด็นสำคัญ
แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ ผมไม่สามารถปรับตัวได้ รู้สึกท้อ
และนำมาสู่การลาออกอีกครั้ง
ผมตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อเดือนกันยายนทำให้ชีวิตผมมีอิสระ
และเริ่มกับไปใช้ชีวิตนิสิตที่ไม่ใช่วัยทำงาน
แต่เมื่อผมว่างงานลงเป็นเพียงนิสิต ชีวิตจึงย้อนกลับไปอยู่ที่บ้าน
ผมใช้ชีวิตที่บ้านอยู่ประมาณสองสัปดาห์ก็รู้สึกว่า
มีสายตาจำนวนไม่น้อยที่มองผมอย่างน่าสงสาร(เรียนจบตั้งปริญญาตรี
ไม่มีงานทำ
ไม่รู้จักทำงาน)ผมไม่สามารถที่จะเดินทางชีวิตนิสิตอย่างที่ตั้งใจไว้ต่อไป
ผมตัดสินใจเข้าทำงานอีกครั้งและเดินทางไปอยู่ไกลจากบ้าน
และในหน้าที่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยทำ จากสายสนับสนุน
ผมได้เริ่มใช้ชีวิตในสายผู้สอนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกันชีวิตนิสิตก็ยังคงเป็นเครื่องพันธนาการผมไว้อยู่
แต่ด้วยภาระที่หนักของคำว่า "ครู" และ ภารหน้าที่ของ "ศิษย์"
ซึ่งเป็นสิ่งคู่กันและต้องดำเนินไปคู่กัน
ทำให้ผมไม่สามารถที่จะปรับสภาพดังกล่าวได้
หากแต่ต้องอาศัยคำแนะนำที่ดีและประสบการณ์จากผู้ที่เคยผ่านพ้นวัยนั้นมาก่อน
ช่วยกรุณาแนะนำในการปรับตัวเองให้สามารถใช้ชีวิตนี้ให้มีความสุขได้