เมื่อวันเสาร์ 27 พฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา วันนั้นจ๊ะจ๋า
มีความรู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ได้รับข่าวสารบ้านเมืองเลย
และอยากใช้เวลาวันเสาร์ในการรับข่าวสารซักวัน
ว่าแล้ว.......บ่ายวันนั้นก็เลยเดินตรงดี่...........เข้าร้านหนังสือข้างทาง
เพื่อซื้อหนังสือพิมพ์ซักฉบับ เมื่อเลือกแล้วก็คิดว่า
กรุงเทพธุรกิจนี่แหละที่เลือกอ่าน.......เพราะหน้าแรก
เป็นข่าวดีที่ทำให้ตัดสินใจซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาอ่าน
ที่น่าสนใจเพราะเป็นข่าวของเหนือหัวของชาวไทยทุกคน นั่นคือข่าว
UN
ถวายรางวัลในหลวงกษัตริย์นักพัฒนา
มีเนื้อข่าวว่า....ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 นายโคฟี อันนัน
เลขาธิการองค์การสหประชาชาคิ ได้เดินทางเข้าเฝ้าฯ
พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทูนเกล้าฯ ถวายรางวัล "ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์"
ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชสมบัติครบ 60 ปี
พร้อมกันนั้นนายโคฟี อันนันได้กล่าวสุนทรพนจ์เชิดชูในหลวง
พระมหากษัตริย์นักพัฒนา
จุดประกายแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาแนวใหม่สู่นานาประเทศ
และเป็นครั้งแรกที่ยูเอ็นจัดทำรางวัลเกียรติยศ.......
ซึ่งแนวทางสำคัญๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชทานแก่ชาวชนชาวไทยในการดำรงชีวิต และการพัฒนา ได้แก่
ประการแรก
การรู้จักประมาณตนในการครองชีพ เดินทางสายกลาง หรือ มัชฌิมาปฏิปทา
เพื่อบรรลุยุทธศาสตร์การพัฒนาแห่งชาติที่มีดุลยภาพ
และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในยุคโลกาภิวัตน์
ซึ่งแนวทางนี้ปรากฏผลให้เห็นอย่างชัดเจนภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินเมื่อปี
2540 ประการที่สอง
ประชาชนต้องมีความอุตสาหะ
อดทนในการเผชิญกับความทุกข์ยากและสิ่งท้าทายต่อความมั่นคงของมนุษย์
โดยต้องรู้จักพึ่งพาตนเองเป็นอันดับแรก ประการที่สาม ประชาชนควรรักษาปัจเจกชน
และเสียสละเพื่อช่วยเหลือชุมชน ตลอดจนประเทศชาติ
เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีร่วมกัน และประการที่สี่
ประชาชนควรยึดมั่นในความเป็นไทย อันเป็นชาติที่เต็มไปด้วยมรดกวัฒนธรรม
และร่ำรวยไปด้วยภูมิปัญญา
เราควรรู้จักนำความรู้เหล่านั้นไปดำเนินชีวิตให้เกิดประโยชน์
ทั้งหมดก็คือ ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงที่ใช้เป็นวิถีในการดำเนินชีวิต
อันจะช่วยลดความกระหายในความร่ำรวย การใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อ
โดยแนวคิดนี้ช่วยเสริมสร้างศีลธรรมอันดีให้กับประเทศชาติ
และสนับสนุนความซื่อสัตย์ คุณธรรม
การที่พระองค์ได้รับเทินพรเกียรติทั่งทั้งสากลให้เป็นพระมหากษัตริย์ผู้มีวิริยะอุตสาหะ
และกษัตริย์นักพัฒนานั้นสะท้อนให่เห็นว่าพระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
และเป็นภูมิพลังต่อการพัฒนาคนบนแผ่นดินไทยอย่างแท้จริง
จากแนวทางทั้ง 4 ประการ
บวกกับสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศไทยที่พร้อมในด้านเกษตรกรรมอย่างมาก
จ๊ะจ๋าคิดว่าการที่เรามุ่งเน้นในด้านอุตสาหกรรมมากเกินไปอาจจะไม่เป็นหนทางที่ถูกต้องนัก
และอยากให้ทุกคนหันมาสนใจในเศรษฐกิจพอเพียงตามกระแสพระราชดำรัสของในหลวงของเรา
เพราะโดยแท้จริงแล้ว เราควรมองว่าสภาพที่แท้จริงของประเทศ
เป็นอย่างไร ซึ่งด้านเกษตรกรรมของเราก็ดีเด่นไม่แพ้ชาติไหน
ยิ่งชาวต่างประเทศเห็นความสำคัญในเศรษฐกิจพอเพียง
ยิ่งทำให้จ๊ะจ๋าเห็นว่าเราน่าจะให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตนในความเป็นอยู่โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง
มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น กินอยู่อย่างพอเพียง
ไม่ฟุ้งเฟ้อตามกระแสนิยม
หัดเดินตลาดแทนการเดินในซุปเปอร์มาร์เกตในห้างสรรพสินค้า
เดินชมธรรมชาติ วัดวาอาราม แทนการเดินเที่ยวห้าง
ซื้อของในตลาดราคาถูก ซึ่งพอได้ทำแล้วรู้สึกว่า
เราได้ประโยชน์อย่างมาก ได้เห็นฟากฝั่งคลอง ได้เห็นผู้คน
ได้ต่อรองราคา ได้เห็นวิถีชิวิตของผู้คน
เพราะคนไทยมีนิสัยยิ้มแย้ม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทย
ทำให้โด่งดังไปทั่วโลก เรามีเอกลักษณ์ที่น่าหวงแหนอยู่มาก
ทำไมเราไม่ให้ความสนใจในสิ่งที่เรามี เราเป็นละคะ
ขอบคุณคุณหมอวัลลภมากคะที่มีข้อแนะนำที่ดี.... แต่จ๊ะจ๋าคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมก่อนนะคะ แต่ไม่นานเกินรอ ..เพราะพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนควรรับทราบและควรปฏิบัติตาม ก็เรารักในหลวงของเรานี่คะ พ่อของชาวไทยทุกคน
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ ผมอยากให้คุณจ๊ะจ๋านำเรื่องพระบรมราโชวาท ในหัวข้อต่างๆของพระองค์ท่านมาเปรียบเทียบกับทางพระพุทธศาสนาให้เราได้อ่านกันมั้งครับ เพราะจะได้เป็นการสอนศาสนาไปด้วยในตัวและจะได้เข้าใจในพระบรมราโชวาทมากยิ่งๆขึ้นไปไงครับ
ขอบคุณครับ
แนวทางที่ทรงพระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยนั้น เป็นสี่งที่มีมาแต่อดีต พระองค์ทรงเตือนสติเราอยู่ในขณะนี้ว่าพื้นฐานชีวีตของเราแท้จริงคืออะไร ทรงใช้ชีวิตอยู่เพื่อประชาชนจริงๆ พวกเราควรนำแนวทางที่ทรงพระราชทานมาปฏิบัติสืบต่อไป
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ขอบคุณครับกับบทความดีๆที่มีมาให้ร่วมแสดงความคิดเห็น
เป็นความโชคดีของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยเรา มีพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นนักพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทรงพระราชทานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้คนไทยนำไปปรับใช้กับการดำรงชีวิตในยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งแนวทางนี้ผมคิดว่าสอดคล้องกับหลักพุทธศาสนาในหลายแง่หลายมุมเป็นอย่างยิ่ง เช่น สันโดษ ขันติ อิทธิบาท 4 อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวผมมีความกระตือรือร้นที่จะน้อมนำแนวทางที่พระราชทานนี้มาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันของผม การได้เห็นอารยธรรมตะวันตกในขณะที่ผมกำลังศึกษาที่อเมริกาขณะนี้ ผนวกกับการนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์มาปรับใช้แล้วละก็ ผมคิดว่าจะทำให้ตัวผมเองได้พัฒนาเพิ่มขึ้น ผมจึงเห็นด้วยกับคุณหมอวัลลภที่จะได้เห็นการรวบรวมแนวคิดที่ทรงพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามนุษย์ เพื่อให้คนไทยสามารถนำมาให้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ขอบคุณ จ๊ะจ๋าที่นำบทความที่มีประโยชน์เช่นนี้มาถ่ายทอด