เส้นทางการฝึกฝน l อาหารถวายพระ (๔) คุยกับอี๊เรื่องในจิตใจของการทำอาหาร


เมื่อได้อ่านความคิดของอี๊ในบันทึก "ผัดมาม่าและการก่ออิฐ" ทำให้อยากบอกเล่าเรื่องราวของการได้มองเข้าในใจของตนเองให้อี๊...ได้รับทราบ จึงมาต่อเป็นบันทึกนี้อีกหนึ่งบันทึกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเส้นทางการเดินทางแห่งภายในจิตใจเรา

____________________________________________________________________________________________________

ขอบพระคุณค่ะอี๊...

ความเห็นของอี๊...ทำให้กะปุ๋มปรารถนาที่อยากจะถอดบทเรียนสำหรับเส้นทางแห่งการฝึกฝนตนเองในเรื่องการทำอาหาร...

หากจะว่าไปแล้ว...เรื่องนี้ถือว่า "เป็นปม" ในตนเอง

แต่สำหรับกะปุ๋มมองว่า เรื่องการฝึกฝนตนเองเรื่องนี้ คือ หนทางแห่งการพิสูจน์นะคะอี๊... พิสูจน์ที่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำอาหารให้อร่อยถูกปากใครนะคะ หากแต่พิสูจน์ว่า... ใจของเรานั้นจะสามารถอดทนต่อความที่มากระทบได้มากน้อยเพียงใด

ท่ามกลางเสียงหัวเราะและคำพูดอันขบขัน...หากเป็นเมื่อก่อนเราคงจะอายและคงจะโกรธ... และคงจะเสียใจ แต่บนเส้นทางแห่งการฝึกฝนตนเองนี้ เราได้แต่บอกเราว่า "อดทน เสียสละ และตั้งใจ"...แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร นั่นน่ะเราได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว

อันเป็นความเต็มที่ที่เราใช้ "ใจ" ที่เรามีอยู่ทั้งสิ้นทั้งปวง

วันนี้...ค่ำคืนนี้ กะปุ๋ม...ทบทวนต่อตนเองว่า

ได้เรียนรู้อะไรบ้างล่ะ จากการได้ฝึกฝน รูปลักษณ์การจัดอาหาร อาจดูดี เพราะมีหลายเสียงบอกกล่าวชื่นชม นั่นน่ะก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า "ความชื่นชม" นั้นเป็นเช่นไร แต่ใจเราก็ไม่ได้เฉยชาต่อคำชื่นชมนั้นนะ ใจเราก็ดีใจอยู่พอที่จะนำเรื่องนี้มาเป็น "น้ำ"หล่อเลี้ยงใจ ==> "น้ำใจ" ได้บ้างในยามที่ใจมันเหือดแห้ง

แต่พอผู้คนได้ชิมอาหารเรา..อี๊...ทราบไหมว่า ใจเราเป็นอย่างไรบ้าง...

ใจเราก็รอลุ้นทุกคราว่า คนที่ทานอาหารของเรานั้นเขาเป็นสุขหรือทุกข์ หากว่ารสชาติอาหารที่เราทำนั้นทำให้เขาเป็นทุกข์ จากที่อาจจืดไป เค็มไป เผ็ดไป "ใจ" ของเรานี่ก็ปรารถนาที่อยากจะฝึกฝนใหม่... บางคราใจมันก็เหนื่อยล้าอยู่นะอี๊

ความเหนื่อยความล้าไม่ได้อยู่ที่เราทำอาหารนะคะ หากแต่อยู่ที่เราต้องต่อกร กับความทดท้อ และเสียใจ

แต่...เราก็ใช้ "น้ำใจ" จากคำชมในตอนแรกที่ว่าจัดอาหารได้ดีนั้น มาเป็นพลังใจ มาเป็นกำลังใจหล่อเลี้ยงใจเรา แล้วกะปุ๋มก็ยังมุ่งมั่นทำต่อ ข้อเสียของกะปุ๋มก็อาจจะเป็นความมุ่งมั่นนี่แหละ ในเมื่อใจของเรามันลงที่เรื่องไม่อยากให้ผู้คนแวดล้อมเราทานเนื้อสัตว์ เราจึงทำแต่อาหารไร้เนื้อสัตว์... แม้คนทานจะบอกว่าเขาชอบทานแบบนั้นแบบนี้...

แต่ใจเราก็ไม่ปรารถนาที่อยากจะทำร้ายเขา เพียงเพื่อสนองความอยาก ความอร่อย...

กะปุ๋ม..จะบอกใครเสมอว่า "อาหารนี้ที่กะปุ๋มทำนั้น คือ อาหารที่ไม่อร่อยที่สุดในโลก... ไม่ให้ทานแบบว่าไม่เอาอร่อย แต่ให้ทานเพื่อสุขภาพ"...

บางคราเราเห็นคนที่เรารักและห่วงใยไม่ยอมทานอาหารที่เราทำ แต่ใจเราก็ไม่ย่อท้อนะอี๊ กะปุ๋มก็ยังคงมุ่งมั่นทำต่อไป แม้ว่าแรงเสียดสีเสียดทานจะมากเพียงใดก็ตาม แต่เราได้แต่บอกตนเองว่า "อดทน"... หากเราผ่าน..เราก็สามารถวางเรื่องเล่านี้ลงได้

เมื่อวาน (3 ธันวามคม พ.ศ.2552)

พระ...ผู้เป็นดั่งกัยาณมิตรท่านเดินทางมาจาก กทม. มาเพื่อมาร่วมงานศพพี่นก ทั้งๆ ที่ท่านก็เพิ่งเดินทางกลับมาจากเชียงใหม่ ช่วงกลางวันท่านไปทำภารกิจต่อ แต่ตกดึกท่านให้เฮียหมู (โยมอุปฐาก) ท่านพาขับรถมาที่ยโสธร...

ด้วยความมีเมตตาของท่าน...กะปุ๋มและเจ้าลูกศิษย์คนสนิทจึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะทำอาหารถวายท่าน เพราะท่านเมตตาที่จะมาฉันอาหารที่บ้าน ได้สนทนาธรรมกับโยมแม่และเครือญาติ ได้นำพาบุคคลผู้อันเป็นที่รักของกะปุ๋มได้ฟังธรรมะ ได้ใกล้ชิดพุทธศาสนามากขึ้น ได้เห็นได้เข้าใจถึงกระแสแห่งธรรมชาติมากขึ้น...

ไม่น่าเชื่อว่า "เมื่อเช้าวานนี้" กะปุ๋มจะสามารถทำอาหารได้หลายอย่างขนาดนี้

รสชาติอาหารเหรอ...ไม่ต้องถามถึงเลยค่ะ

ลาบ...เค็ม อาหารอย่างอื่นเผ็ดเกินเช่น ผักกระเพรา เห็ดอบหม้อดินทำพริกไทยหกใส่อย่างมาก มีพอทานได้ก็สลัดโยเกิร์ต-ผลไม้สดนี่แหละค่ะ และยิ่งพอมีกำลังใจขึ้นมาบ้างพระ-ผู้เป็นกัลยาณมิตรนั้นท่านฉันจนหมดบาตร และให้โอกาสอาใหญ่ - อาของกะปุ๋มได้ล้างบาตรให้ท่านด้วย...

นั่งดูพี่ชิว...พี่ชายที่เดินทางมาอย่างไร้เงื่อนไข เจ้าติ๋วลูกศิษย์ผู้มีใจสู้ ทานอาหารของกะปุ๋ม และที่สำคัญเฮียหมู...ผู้มีวัยหกสิบปี ที่ถวายตัวรับใช้ต่อพุทธศาสนานอนน้อย ทำงานหนัก ... ท่านทานอาหารของกะปุ๋มจนหมดกล่อง เฮียหมูนะจะเป็นคนพูดเสียงดัง พูดตรงไปตรงมา แต่ท่านทานอาหารของกะปุ๋มนะคะ ทีแรกคิดว่าท่านจะทักจะบอกเราเรื่องอาหาร แต่ปรากฏว่าท่านทานจนหมดเกลี้ยง และบอกว่า "วันนี้เป็นวันที่ท่านทานอาหารมากที่สุด"

อีกคนน้องสาวกะปุ๋ม - หมอดาว... กะปุ๋มเตรียมข้าวใส่กล่องให้เธอ ระหว่างที่จะเดินทางไปร่วมงานศพ แวะรับเธอที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว ทันทีที่ขึ้นรถเธอทานข้าวกล่องจนหมด แม้ว่ารสชาติอาหารจะบกพร่อง แต่การที่เราได้เห็นคนที่เราห่วงใยได้ทานอาหารเหล่านี้เราก็สุขใจ

น้ำคำและการกระทำเพียงแค่นี้ก็สามารถนำมาเป็น "น้ำหล่อเลี้ยงใจ" นี้ได้นะคะอี๊...

แต่...นั่นน่ะ ก่อนที่เราจะรอน้ำหล่อเลี้ยงใจเหล่านี้

เราก็ต้องเพียรพยายามสร้างน้ำ...ในใจให้มีเสมอ ไม่ให้เหือดแห้งจนหมดไป

"น้ำ" นั้นเราต้องหมั่นสร้างตลอดเวลา เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่า ใจเรานั้นมันจะแห้งขอดลงไปเมื่อไร...

วันนี้กะปุ๋มได้รู้ซึ้งเรื่องว่า "น้ำ + ใจ" = น้ำใจ อย่างซึ้งลงไปในใจ

ได้เข้าใจในธรรมข้อนี้อย่างไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้ว

 

หมายเลขบันทึก: 318001เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2009 02:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดร.กระปุ๋ม พี่เคยฟังพระเทศน์ เรื่อง อาหารถวายพระ

ท่านเทศน์ให้ฟังว่า

อาหารถวายพระเป็นอาหารที่ดีที่สุด ทำอย่างประณีต พิถีพิถัน เพราะการทำอาหารผู้ถวายได้ใส่ใจเข้าไปด้วย

เห็ดอบ อร่อยดีค่ะ เลยทานซะเกลี้ยงเลย

มีบุญนะเนี่ยได้ทานอาหารฝีมือพี่ปุ๋ม

ขอบพระคุณมาก ๆนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท