ชาราฟ อัล-ตูซี
Sharaf Al-Tusi
ค.ศ.1135 1213
ชาราฟ อัล-ตูซี (Sharaf al-Tusi) มีชื่อจริงว่า ชาราฟุดดีน อัล-มุซัฟฟาร์ อิบนุ มุฮัมมัด อิบนุ อัล-มุซัฟฟาร์ อัล-ตูซี (Sharaf al-Din Al-Muzaffar ibn Muhammad ibn Al-Muzaffar al-Tusi) เป็นชาวเมืองตุซ (Tus ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิหร่าน) แคว้น โคระส่าน (Khorasan) เขาย้ายไปสอนหนังสืออยู่หลายเมืองมาก ทั้งดามัสกัส อเลปโป (Aleppo) โมซุล (Mosul อยู่ในอิรักปัจจุบัน)
ที่โมซุล ลูกศิษย์คนหนึ่งของอัล-ตูซี คือ กมาลุดดีน อิบนุ ยูนุซ (Kamal al-Din ibn Yunus) ซึ่งต่อมากมาลุดดีนก็ไปสอนคณิตศาสตร์ให้กับ นัสรุดดีน อัล-ตูซี (Nasir al-Din al-Tusi) ผู้กลายเป็นหนึ่งในปราชญ์มุสลิมที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น
ผลงานของ อัล-ตูซี ถือว่าสำคัญในการพัฒนาวิชาคณิตศาสตร์ ซาร์ตัน (Sarton) ระบุว่า นักคณิตศาสตร์มุสลิมยุคกลางผู้หนึ่งบันทึกไว้ว่า:
ใน งานชิ้นนี้ ฉันอยากสรุปความวิเศษของพีชคณิต ซึ่งประยุกต์จากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ชาราฟ อัล-ดิน อัล-มุซัฟฟาร อิบนุ มุฮัมหมัด อิบนุ อัล-มุซัฟฟาร อัล-ตูซี ฉันได้ลดความยาวลง และตัดตารางของอัล-ตูซีที่เขาใช้คำนวณออกเสีย
ในหนังสือ ตำราพีชคณิต (Treatise on equations) ของเขา อัล-ตูซี เป็นคนแรกที่คำนวณสมการกำลังสามที่ไม่ใช้วิธีคำนวณตามแบบที่สอนกันในสำนักพีชคณิตของ อัล-การาจี (al-Karaji's school of algebra) ซึ่ง ราเชด เขียนไว้ว่า:
... เป็นการใช้วิธีการอีกแบบของพีชคณิต มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาเส้นโค้งโดยใช้สมการ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของ เรขาคณิตพีชคณิต (algebraic geometry)
ใน ตำราของเขา สมการกำลังสามถูกแบ่งเป็น 25 แบบต่างๆ กัน ตอนแรก อัล-ตูซีกล่าวถึงสมการกำลังสอง 12 แบบ จากนั้นเขาไปที่สมการกำลังสาม 8 แบบซึ่งผลเป็นบวกเสมอ จากนั้นอีก 5 แบบที่อาจไม่มีผลเป็นบวก
วิธี การที่อัล-ตูซีใช้ถือได้ว่าเยี่ยมยอดทีเดียว เราจะแสดงให้ดูว่าเขาได้ทดสอบสมการหนึ่งใน 5 แบบ ซึ่งโดยเงื่อนไขเหมือนกันจะได้ผลลัพธ์เป็นสมการ x3 + a = bx, ซึ่ง a, b มีค่าเป็นบวก
เรา จะใช้วิธีการของพีชคณิตสมัยใหม่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ในขณะที่ อัล-ตูซี อธิบายด้วยคำพูด เอาละ ทีนี้เป็นความเห็นข้อแรกของเขาที่ว่า
ถ้า t เป็นผลลัพธ์ของสมการนี้
ดังนั้น t3 + a = bt
และในเมื่อ a > 0, t3 < bt
ดังนั้น t < b1/2
จากนั้น อัล-ตูซี ระบุว่า bx - x3 = a
และเขาหาได้ค่าสูงสุดของ y = bx - x3
โดยพื้นฐานแล้วการใช้ derivative มาแสดง อัล-ตูซี พบว่าค่าสูงสุดอยู่ที่ x = (b/3)1/2
และจากนั้นพบค่าสูงสุดของ y ที่ 2(b/3)3/2 โดยแทนค่า x = (b/3)1/2 กลับไปใน y = bx - x3 ก็จะได้สมการ bx - x3 = a และจะได้ผลถ้า a 2(b/3)3/2
จากนั้น อัล-ตูซีอนุมานว่าสมการมีรากเป็นบวกถ้า
D = b3/27 - a2/4 0
เมื่อ D เป็น discriminant ของสมการ
เขายังอธิบายต่อไปถึงสิ่งที่ทุกวันนี้เรียกกันว่า วิธีการ Ruffini-Horner ที่ ใช้ในการประมาณการรากของสมการกำลังสาม แม้วิธีการนี้จะเป็นที่รู้จักของนักคณิตศาสตร์มุสลิมในการหารากที่ 9 ของจำนวนเต็มก่อนหน้านี้แล้ว แต่อัล-ตูซีเป็นคนแรกที่ประยุกต์ให้ใช้สำหรับแก้สมการทั่วไปแบบนี้ได้
ที่มา: http://jwilson.coe.uga.edu/emt668/EMT668.Folders.F97/Waggener/Papers/arabtrig.html
http://www-history.mcs.st-andrews.ac.uk/Biographies/Mansur.html
http://www.bookrags.com/sciences/sciencehistory/sharaf-al-din-al-tusi-scit-02123.html
เป็นกำลังใจและขอให้ร่วมสร้างสรรค์เรื่องราวดีๆต่อไปครับ
ญาซากัลลอฮฺ ครับอาจารย์ฟูอัด สำหรับกำลังใจดีๆ อินซาอัลลอฮฺ พยายามจะส้รางสรรค์สิ่งที่ดีๆ
ไปเอามาจากไหน หรือแปลเอง
ขอบคุณสำหรับขอสงสัยน่ะครับ ข้อมูลที่ได้นำมา
เป็นข้อมูลที่ผ่านการแปลแล้วครับ ไม่ได้แปลเอง
ที่มาของข้อมูลก็ตามเว็บไซต์ที่ระบุ แต่เนื้อหาต้นฉบับ
ไม่ได้เป็นภาษาไทย
แล้วคุณเอาภาษาไทยมาจากไหน ใครแปล
ขอบคุณมากครับสำหรับการติชม
แปลโดย อัล-ฮิลาล ตามเว็บไซต์นี้น่ะครับ
http://www.musliminventionsthailand.com/main/index.php หรือ
http://www.musliminventionsthailand.com/main/thirdpage.php?style=preview&spv=25&tpv=72
หวังว่าท่านคงจะพอใจกับคำตอบน่ะครับ และผมหวังว่าคงจะไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกน่ะครับ
สนใจเรื่องราวก็ตามเว็บไซต์ที่ได้ระบุน่ะครับ ขอบคุณมากครับ
มุสลิมเราเก่งจังเลย