ศ.นพ.เฉลียว ปิยะชน
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการแพทย์องค์รวม
จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ
(2). ปรับระดับจิต-มีเป้าหมาย
เมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยาอยู่ เกือบทุกบ่ายจะมีการเสวนาในหมู่อาจารย์ของภาควิชา คุยกันในเรื่องสัพเพเหระ ทำให้เสมือนเป็นพี่น้องกัน ชีวิตราชการวิชาการจึงดำเนินไปได้ด้วยดี บางครั้งบางคนมีปัญหาส่วนตัว เราก็ช่วยกันประคับประคองให้ตัดสินใจได้ ผมยังจำได้ว่าอาจารย์รุ่นลูกศิษย์เคยมาเตือน ทำให้สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ในหลายเรื่อง
ในชีวิตของเราหลายครั้งหลายครามีเหตุการณ์ค่อนข้างจะหนักหนาเกิดขึ้น หากเราได้รับการปรับระดับจิตใจ การเตือน คำแนะนำจากเพื่อน จะทำให้การปรับความคิด ปรับระดับจิตใจให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้
ยังจำได้ในเหตุการณ์ 16 ตุลาคม 2519 มีความรุนแรงของบ้านเมือง ขณะนั้นผมยังเป็นอาจารย์รุ่นเยาว์อยู่ที่คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนใจเรื่องการเมืองเช่นอาจารย์รุ่นราวคราวเดียวกันส่วนใหญ่ ได้มีอาจารย์ท่านหนึ่งพูดเปรย ๆ ว่า ควรทำหน้าที่ของอาจารย์ให้ดีก่อน หน้าที่ใครหน้าที่มัน ควรมาก่อน แล้วจึงเป็นเรื่องอื่น ๆ นี่ก็ตรงกับทัศนะที่ว่า เมื่อขึ้นเวทีแล้วนักมวยก็ต้องต่อยให้เต็มความสามารถตามกติกา ผมก็นำจิตสำนึกการระลึกรู้นี้มาใช้กับชีวิตหน้าที่การงาน นั่นคือเป็นอาจารย์ ก็ต้องทำตามบทบาท กติกา มีหน้าที่สอน วิจัย บริการสังคม บำรุงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม (นี่คือข้อกำหนดของการเป็นอาจารยื 4 อย่าง) ผมก็ทำตามนี้ สอน วิจัย ตีพิมพ์บทความในวารสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเป็นศาสตราจารย์คนแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ในระบบนี้เมื่อก่อนตำแหน่งทางวิชาการเลื่อนตามขั้นเงินเดือน) ผมคิดว่าเมื่อมีข้อกำหนดของการเป็นอาจารย์อยู่ ก็ต้องทำตามนั้น ไม่เช่นนั้น ก็ไม่ควรขึ้นเวที.
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านข้อคิดดีๆ ปี 2519 ดิฉันเป็นนักเรียนประถม 7
เด็กบ้านนอกไกลจากกรุงเทพฯ แต่จำได้ว่าเหตุการณ์มันวุ่นวาย
บางวิชาไม่ได้เรียน เพราะคุณครูหนุ่มๆไฟแรงบางท่าน มาร่วมกิจกรรมด้วย
ถูกที่สุดค่ะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณค่ะ ร่วมรำลึกอดีตที่ปรับระดับจิตใจไม่ทัน ผ่านมาแล้ว น่าเสียดาย
หน้าที่ของเราต้องทำให้ดีที่สุด