ในชีวิตประจำวันของคนเรา ต้องฟังเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ทั้งเรื่องราวของตัวเองและผู้อื่น การฟังเป็นการสื่อสารที่ช่วยให้รับรู้เรื่องราวต่างๆ เกิดความเข้าใจเรื่องราว แล้วนำไปปฏิบัติหรือถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ฟังให้ผู้อื่นทราบได้ตรงตามเรื่องราวที่ได้ฟัง
การฟังกับการได้ยินมีความแตกต่างกัน การได้ยินเป็นการฟังเสียงของผู้พูด เมื่อเสียงผ่านหู กระดูกหูซึ่งอยู่ในช่องหู จะทำหน้าที่รับเสียงผ่านไปยังสมองเกิดการรับรู้ เป็นการได้ยินเสียง ยังไม่เป็นการฟัง เพราะยังไม่มีการตีความ แปลความเสียง ที่ได้ยินให้เกิดความเข้าใจและเกิดการสนองตอบเป็นการรับรู้เรื่องราวที่ได้ฟัง การฟังจะเกิดขึ้นได้ ผู้ฟังจะต้องมีสมาธิหรือมีจิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ฟัง นำประสบการณ์เดิมมาเชื่อมโยงกับเรื่องที่ฟัง เพื่อวิเคราะห์ ตีความ แปลความ และประเมินค่าสิ่งที่ได้ฟังเป็นการรับรู้เรื่องราว ดังนั้น การได้ยินอาจจะได้ยินเสียง แต่ไม่เกิดการรับรู้เพราะขาดการวิเคราะห์ ตีความ แปลความและประเมินค่าสิ่งที่ฟัง ทำให้เกิดการรับรู้เรื่องราว...
ซึ่งในชีวิตจริงของคนเรา จะใช้การฟังมากกว่าการพูด การอ่านและการเขียนเสมอ
๑. ฟังเพื่อเป็นเครื่องมือของการเรียน ผู้ที่เรียนหนังสือได้ดีต้องมีการฟังที่ดีด้วย
๒. การฟังช่วยให้ผู้ฟังพัฒนาความสามารถในการพูด การอ่านและการเขียนและยังช่วยพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาด้วย
๓. การฟังช่วยปูพื้นฐานความคิดที่ดีให้กับผู้ฟังด้วย
๔. การฟังช่วยให้ผู้ฟังมีมารยาทในการฟังด้วย
๑. การฟังทำให้เกิดความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง เช่นการฟังประกาศต่างๆ
๒. การฟังช่วยทำให้ผู้ฟังประพฤติดีปฏิบัติชอบ ทำให้สังคมเป็นสุข
การฟังจะต้องได้รับการฝึกฝนจึงจะทำให้มีสมรรถภาพการฟัง ขั้นแรกจะต้องฝึกฟังสิ่งที่ง่ายและสนุกสนานเพลิดเพลินก่อน แล้วจึงฝึกฟังเรื่องที่ยากและซับซ้อนขึ้น การฟังที่มีสมรรถภาพนั้น ผู้ฟัง จะต้องหมั่นเพิ่มเติมประสบการณ์จากการอ่านหนังสือต่างๆให้มีความรู้กว้างขวาง จะได้นำประสบการณ์จากการอ่านมาเป็นพื้นฐานในการฟัง จะช่วยให้ฟังได้เข้าใจง่ายขึ้น นอกจากนั้นควรศึกษาความรู้เกี่ยวกับภาษาโดยเฉพาะคำศัพท์ต่างๆ ควรรู้ความหมายตลอดจนต้องมีความเข้าใจสำนวนโวหาร จึงจะทำให้ฟังเรื่องราวต่างๆได้เข้าใจยิ่งขึ้น
๑. สร้างความสนใจและความต้องการที่จะฟัง
๒. ฟังด้วยความตั้งใจ
๓. จับใจความสำคัญของเรื่องและคิดวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องราวที่ฟัง
๔. จดบันทึกเรื่องที่ฟังเป็นหัวข้อหรือใจความสั้นๆ ที่เป็นประเดนสำคัญในขณะฟัง แล้วจึงนำไปเรียบเรียงใหม่ภายหลังเป็นการขยายใจความให้สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
มารยาทการฟังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ฟังเป็นผู้มีมารยาทในการเข้าสังคมแล้ว ยังทำให้การฟังมีประสิทธิภาพอีกด้วยไม่ว่าจะฟังคู่สนทนา หรือฟังการประชุม
- ฟังด้วยความตั้งใจและมีสมาธิในการฟัง
- แสดงความสนใจต่อเรื่องที่ฟังและต่อผู้พูด ตาควรมองผู้พูด ไม่คุยกับผู้อื่นเวลาฟัง
- ฟังด้วยความอดทน แม้จะมีความคิดเห็นขัดแย้ง
- ไม่พูดสอดแทรกขณะที่ฟัง ควรฟังให้จบก่อน ค่อยซักถาม หรือแสดงความคิดเห็น
- ไม่หัวเราะเสียงดัง หรือกระทืบเท้า เป่าปาก แสดงความพอใจ
- เมื่อจะซักถามต้องเลือกโอกาสที่ผู้พูดเปิดโอกาสให้ซักถาม
- ไม่แสดงกิริยาก้าวร้าว เบื่อหน่าย หรือลุกออกจากที่นั่งโดยไม่จำเป็นขณะฟังการพูด
- เมื่อฟังผู้ใหญ่พูดต้องอยู่ในอาการสำรวม
- ปรบมือให้เกียรติเมื่อพิธีกรแนะนำผู้พูด และปรบมือให้แก่ผู้พูด เมื่อผู้พูดพูดถูกใจ หรือพูดจบลง
- ระหว่างที่ผู้พูดกำลังพูด ผู้ฟังควรรักษาความสงบ ไม่ให้เสียงรบกวน หรือพูดคุยกัน และลุกเดินไปมาโดยไม่จำเป็น
- ไม่รบกวนผู้อื่นโดยเคาะโต๊ะ สั่นขา หรือรับประทานอาหาร ในที่ประชุม
- สำรวมกิริยาอาการแม้จะไม่สบอารมณ์ก็ไม่ส่งเสียงโห่ฮา
- การซักถามผู้พูดควรปฏิบัติดังนี้
- ซักถามเมื่อผู้พูดเปิดโอกาสให้ซักถาม
- ยกมือขึ้นขออนุญาต หรือแสดงความประสงค์ในการซักถาม
- ถามด้วยถ้อยคำสุภาพ
- ใช้คำถามสั้นๆเข้าใจง่าย
- ไม่ถามนอกเรื่อง
- ถามด้วยเสียงดัง ฟังชัด แต่ไม่ใช่ตะโกน ...
ขอบคุณมากคะ ได้ประโยขน์มากจริงคะ
ต่อไปจะได้ฟังได้อย่างมีความสุข
หายป่วยหรือยังคะ