LC

เมื่อราวเดือนสิงหาคม(ก่อนเข้าร.พ.ด้วยไม้หล่นใส่เท้า กระดูกนิ้วโป้งเท้าซ้ายแตก เป็นแผลเปิด นอนร.พ. 7 วัน) ฉันรู้สึกเจ็บชายโครงขวา แปล๊บๆ ครั้งแรกจึงเดินไปที่คลินิกแพทย์ที่สนิทด้วย ไปนอนให้ตรวจ หมอบอกว่า ข้างในไม่เป็นไร กระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ กินยา N-SAID 2-3 วันก็หาย ถ้าไม่หายค่อยมาว่ากัน กระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบเกิดจากการที่เราใช้กำลังในการลากตู้ลากเตียง จัดของ แต่งบ้านอะไรพวกเนี้ย เป็นโรคแม่บ้าน เป็นกันเยอะ หลังจากกินยา อาการก็ดีขึ้น  พอไม่ได้กินยาก็รู้สึกเหมือนเดิม ปวดแปล๊บๆ เป็นมา1 เดือนแล้ว ชักสงสัยจึงไปพบหมอทางศัลยกรรม  หมอที่สนิท หลายคน ทุกคนบอกเหมือนกัน ตอนนี้เริ่มท้องอืดนิดหน่อย จึงสงสัยว่า  จะเป็นอย่างอื่นอีกได้ไหม พอดีไปคุยกับหมอท่านหนึ่งว่าตับเราจะเป็นอะไรไหม หมอบอกว่าเจาะดูการทำงานของตับ และตรวจหาAFP (หาดูเซลมะเร็ง)ก็เจาะเลือดดู ผลก็ปกติทุกอย่าง(มีเรื่องสุดเจ็บจากการเจาะเลือดอีก โดนไป 3 ครั้ง เขียวไปทั้งแขน...เดี๋ยวจะเล่าอีกค่ะ)จึงขอหมอทำอัลตร้าซาวน์ ตอนนี้ ต้องนัดอีก 1 เดือน คิวยาว พอถึงเวลาก็ไปตรวจ แพทย์เอ๊กซเรย์บอกผลว่าพบนิ่วในถุงน้ำดี ขนาด 1 ซม. อวัยวะอื่นปกติ

เราจะทำอย่างไรกับนิ่วในถุงน้ำดี  จึงไปปรึกษาแพทย์ที่ศัลยกรรม ทุกคนบอกต้องผ่าตัดอย่างเดียว ถ้ามีอาการ ถ้าไม่มีอาการ จะเก็บไว้ตลอดชีวิตก็ได้ อาการมันคือ ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ถ้าอักเสบ จะปวดมาก ผ่าออกตอนที่เราแข็งแรงจะดีกว่า ตกลงเราต้องผ่า การผ่ามี 2 แบบ คือผ่าที่ชายโครงขวาและแบบส่องกล้อง แพทย์บอกว่าหลังลอยกระทงผ่ากัน

เราจะผ่าแบบไหน จึงไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ ก็ตกลงผ่าแบบส่องกล้อง อ.หมอไตรรัตน์ ได้กรุณาผ่าให้โดยการส่องกล้อง ใช้เวลา 21 นาที ได้นิ่วมาเกือบ 20 เม็ด อาจารย์ได้นำใส่กระป๋องมาให้ดูด้วย และถ่าย VCD มาให้ดูหลังผ่าตัดปวดแผลเล็กน้อย นอนร.พ. ต่อ อีก 1 วัน ก็กลับบ้าน

อยากจะเล่าถึงความประทับใจที่ไปผ่าตัดที่ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่(สวนดอก) เราเป็นคนเชียงใหม่แต่มาทำงานที่พิษณุโลก เราอยากอยุ่ใกล้ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง พอเพื่อนที่ทำงานในสวนดอกว่าเราไม่สบาย ก็ติดต่อทุกอย่างให้หมดเลย เราได้แต่ส่ง FAX ผลอัลตร้าซาวน์ ไปให้ อาจารย์นัดไปพบวันที่ 10 พ.ย. 52 นอนร.พ. ตรวจเช็กร่างกาย เสร็จแล้ว ได้อยู่ห้องพิเศษ ชั้น 9 อย่างดี ตอนเย็นมีแพทย์มาเยี่ยม มาคุยด้วยว่ากลัวไหม และต้องเตรียมตัวอย่างไร (ทำความสะอาดบริเวณสะดือเยอะๆ) พอวันที่ 11 พ.ย. 52 ก่อนเข้าห้องผ่าตัด กินยาไป 3 เม็ด มียานอนหลับ 2 เม็ดและยาแก้ปวด 1  เม็ดเวลา 07.00 น.ก็เข้าห้องผ่าตัดเลย เราหลับตั้งแต่เปลี่ยนนอนเปลเลย พอเกือบ 9.00 น. มีอาจารย์มาที่เปลบอกว่า สวัสดีครับ ผมอาจารย์สุรพงษ์ จะดูแลในการดมยาตลอดการผ่าตัดของคุณ โห...เราสุดสบายใจ หลับต่อดีกว่า พอ อีกแป๊บ เห็นคนมาเข็นเปล ลืมตาขึ้นมา อ้าว เป็นอาจารย์หมอไตรจักร มาเข็นเราเอง โห ..สุดปลื้ม เรารีบหวัดดีเกือบไม่ทัน..ที่นี้ ไม่กลัวอะไรแล้ว  เข้าห้องผ่าตัด  เราจำได้ว่าตอบคำถามเพื่อนที่เป็นวิสัญญีไป 1 ประโยคว่าน.น. 54 กก. อาจารย์บอกว่าสูดหายใจลึกๆ แล้วมารู้สึกอีกทีก็ มานอนที่เดิม ผ่าเสร็จเรียบร้อย ได้ MO(มอร์ฟีน) มา 1 ครั้ง มาถึงห้องปุ๊บ เดินเข้าห้องน้ำได้เลย ปวดแผลนิดหน่อย แต่ปวดไหล่ขวามากถ้าเดินและเวลาไอ(ทราบทีหลังว่าเวลาผ่าตัดหมอจะอัดแก๊สให้ท้องป่องๆ จะได้ทำง่าย และแก๊สจะดันกระบังลมขึ้นไปถึงไหล่ขวา) วันรุ่งขึ้นก็กลับพิษณุโลก  วันจันทร์ก็ไปทำงานได้