สุนทรียโสเหร่ l "การหล่อเลี้ยงชีวิต" ด้วยเสียงหัวเราะและความเบิกบานใจ"


วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒

เป็นอีกวันที่ข้าพเจ้าได้ฝึกฝนการละตัวละตน และพิจารณาเหตุที่นำพาไปสู่ประโยชน์อย่างมากสุดในห้วงเวลาดังกล่าว เดิมทีจะเป็นวันที่ข้าพเจ้ากำหนดเป็นวันแห่งการงานการทำวิจัยอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ... และเป็นวันที่กำหนดภาวนาผ่านการงานบ้าง ผ่านวิถีธรรมชาติบ้าง แล้วแต่แห่งห้วงเหตุนำพามา

แต่ในวันนี้ข้าพเจ้ามีนัดหมายกับเหล่า "กัลยาณมิตร" ในการมารวมตัวและตั้งวง "สุทรียโสเหร่" กันอีกครั้ง ณ วัดป่าหนองไคร้... จ.ยโสธร

เหมือนมีสองงานซ้อนกันที่ต้องมาทำหน้าที่

งานแรกคือ..."สุนทรียโสเหร่"

งานที่สอง คือ การมาประเมินสภาวะแห่งจิตแห่งใจของสมาชิกใหม่...ที่เดินเข้ามาที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดป่าหนองไคร้ ด้วยตัวด้วยใจของเขาเอง...

ดังนั้นการมาทำหน้าที่ ณ ที่นี้จึงเป็นแห่งการงาน ... ที่น้อมนำมาสู่การฝึกฝนละตัวละตนได้ไปในตัว... ละตัวละตนอย่างไรล่ะ?

ละตัวละตนก็คือ...แทนที่จำนั่งทำงานวิจัย อันเป็นเนื้องานส่วนตนเสียมากกว่า แม้ว่าผลการวิจัยจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนหมู่มาก แต่ด้วยเนื้อนั้นเหมือนทำไปสนองตอบโลกธรรมแปด ผลของงานแลกมาด้วย "ตรา" ทางสังคม แต่การไปทำการงาน ณ วันนี้เป็นการไปทำเพื่อผู้อื่นทั้งสิ้น ขณะเดียวกันตนเองก็ได้ผลพลอยได้ไปด้วย... ตอนเย็นค่อยกลับมาทำวิจัยในส่วนงานของตนต่อก็ได้...

ข้าพเจ้าไปถึงที่หมาย...ได้ตัวน้องตั้ม ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งสมาชิก อาสามาช่วยดูแลเล็กๆ น้อยๆ... ระหว่างที่รอท่านอื่นๆ มาถึง การได้พูดคุยกับตั้มนั้น เป็นเรื่องที่ดีทำให้รู้จักตั้มมากขึ้น ... ไม่นาน "กัลยาณมิตร" ก็มาถึง...

ผู้นำพา "พระอาจารย์ต้อ"...เสนอว่า

น่าจะชวนเด็กๆ สมาชิกศูนย์มาล้อมวงคุยกันด้วย...

ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่เป็นอะไรที่ไร้รูปแบบอย่างแท้เลย ท่านบอกว่าการโสเหร่ไร้ซึ่งนิยาม และเป็นการโสเหร่ที่นำพากันไปในทางบวก ทางที่จรรโลงใจ เติมความชุ่มฉ่ำทางจิตใจ ... นี่แหละคือ "สุนทรียะ"... ดังนั้น วันนี้จึงเป็นดั่ง "สุนทรียโสเหร่" อีกครั้งที่นำมาซึ่งความประทับใจ และเบิกบานใจของผู้ที่มานั่งล้อมวง

การละออกซึ่งความคาดหวัง...

หากแต่น้อมนำมาด้วย "ใจ"... ใจที่ใสใส... ไร้การปรุงแต่งทางความคิด และอารมณ์

ข้าพเจ้าใช้โอกาสนี้น้อมนำน้องสาวและพี่สาว ==> หมอดาวและพี่นก ร่วมฝึกฝนในตนต่อการทำการงาน "จิตอาสา" ไปในตัวด้วยการอุทิศตนทำภารกิจที่ทำเพื่อผู้อื่นอย่างไร้รูปแบบ และกรอบ ทำเพียงเพื่อทำ ทำไปในเงื่อนไขเดียวคือ ขอบเขตความสามารถและศักยภาพของเรานั้นทำได้ พิจารณาแล้วทำได้ ไม่ผิด หากจะผิดก็ไม่มาก ผิดที่ว่านั่นน่ะคือ การผิดกฏเกณฑ์ หากแต่เจตนาของการทำ ทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นนี่น่ะ...พึงน้อมนำทำ

การให้เด็กๆ ได้เล่าเรื่องราว ได้พูด ได้แสดงความเป็นตัวตนในทางบวก...

ทำให้เมล็ดพันธุ์นี้ของพวกเขาเหล่านี้เข้มแข็งขึ้น โดยมีพี่พี่ ต่างให้ใจ ใช้ใจ ในการฟัง...

วันนี้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่า

"เสน่ห์ของธรรมชาติ" นั้นยังคงตราตรึงประทับอยู่ในใจของข้าพเจ้าเสมอ

นี่น่ะนะ ที่เรียกว่า... อาการของ "ความเชื่อมั่นในศรัทธา" อันเป็นศรัทธาที่ตนเองมีอยู่ทุกลมหายใจเข้าและออก...

 

Note ; มีเรื่องเล่าต่อ ... แต่ตอนนี้ตีห้าแล้วไปเตรียมกับข้าวให้แม่ไปใส่บาตรก่อน..

หมายเลขบันทึก: 313796เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2009 05:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ร่วมเรียนรู้..."สุนทรียโสเหร่" และ "ละตัวละตน"

ด้วยค่ะ

หากเราเชื่อมั่น และ มี ศรัทธา ข้างหน้า ย่อม "โอ" ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

แล้วจะมาร่วมวงอีกนะคะ

สาธุค่ะ ดีใจกับทุกท่านที่มีโอกาสดี ๆ ขอบพระคุณพี่ปุ๋มที่ช่วยแบ่งปันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท