พระราชพิธีตรียัมปวาย – ตรีปวาย
ลัทธิความเชื่อในศาสนาพราหมณ์มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้พระมหากษัตริย์มีสถานะที่สูงส่งดุจดังเทพเจ้า ทำให้พราหมณ์มีอิทธิพลต่อพิธีกรรมในราชสำนักเป็นอย่างมาก โดยรับแบบอย่างมาจากอาณาจักรขอมในสมัยพระนคร ที่เจริญรุ่งเรืองในดินแดนประเทศไทยราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ ด้วยพิธีกรรมที่ประกอบขึ้นเนื่องในวาระสำคัญต่างๆ ล้วนเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยขั้นตอนและพิธีการที่เข้มงวด และมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมฐานะของพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดในบรรดาพระราชพิธีต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาพราหมณ์ เนื่องจากเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นการสถาปนาบุคคลให้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ เป็นองค์สมมุติเทพที่จะรับภาระแทนทวยเทพ เป็นเสาหลักและที่พักพิงแก่สรรพสัตว์ในมนุษย์โลก ให้ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข นอกเหนือจากพระราชพิธีรัฐเนื่องในการปกครองแล้วยังมีพระราชพิธีประจำเดือนคือ พระราชพิธีสิบสองเดือน
พระราชพิธีที่ปฏิบัติประจำในแต่ละเดือน เป็นมูลเหตุให้สังคมไทยที่ยึดมั่น ผูกพัน และจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ บางพระราชพิธีเป็นประเพณีมาแต่ก่อนสุโขทัย บางพิธีเป็นของศาสนาพราหมณ์ทั้งหมด บางพิธีเป็นพราหมณ์เจือพุทธ พิธีกรรมในพระราชพิธีสิบสองเดือนนี้แตกย่อยไปอีกมากมาย ทั้งนี้ความมุ่งหมายและความสำคัญของการปฏิบัติพระราชพิธีสิบสองเดือนในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้น ก็เพื่อแผ่พระเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ให้เป็นที่ประจักษ์ เช่นการเสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินทางสถลมารถและทางชลมารถนั้นจะมีขบวนใหญ่โต ความเป็นศรีสวัสดิมงคลแก่พระนคร อาณาประชาราษฎร์ และความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง ตลอดจนเป็นการเตรียมความพรักพร้อมด้านกำลังและอาวุธในคราวที่บ้านเมืองจะต้องรบพุ่งเพื่อรักษาเอกราชจากอริราชศัตรู เพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ เป็นเครื่องการันตีความสุขใจของประชาชนในการดำเนินชีวิตภายใต้การปกครองของพระมหากษัตริย์ผู้เปรี่ยมไปด้วยพระบารมีและ รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางจิตใจให้กับสังคมในยุคนั้น ๆ ด้วย
ปรากฏร่องรอยของพระราชพิธีตรียัมปวาย – ตรีปวาย ที่เก่าที่สุดในประเทศไทยคือ จารึกปราสาทพนมรุ้ง หลังที่ ๙ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ จังหวัดบุรีรัมย์ จากนี้ก็ปรากฏหลักฐานกระประกอบพิธีตรียัมปวายเรื่องมาตั่งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ โดยได้กำหนดในมณเฑียรบาล เป็นพระราชพิธีสิบสองเดือนสำหรับพระนคร การประกอบพิธีตรียัมปวาย – ตรียัมปวายนั้นสืบทอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามสถานการณ์บ้านเมือง และมิได้ถือกำหนดไว้ตายตัว
พระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวาย ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากทั้งต่อบ้านเมือง, ผู้ปกครอง, ผู้อยู่ภายใต้ปกครอง, ศาสนาพราหมณ์, คติความเชื่อที่มีต่อความมั่นคงและความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง เนื่องจากพระราชพิธีนี้เป็นพระราชพิธีในเดือนอ้ายอันถือเป็นเดือนแรกของปีตามคติพราหมณ์ และเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระมหาเทพ ๓ องค์ ซึ่งเป็นที่นับถือสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ คือ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระนารายณ์ (ผู้ปกปักรักษา) และพระอิศวร (ผู้ทำลาย เพื่อสร้างใหม่) พระราชพิธีนี้เกิดจากความเชื่อเกี่ยวกับการตำนานการสร้างโลกของศาสนาพราหมณ์ตามคติพราหมณ์กล่าวคือ
เมื่อพระพรหมสร้างโลก และเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกแล้ว พระอิศวรทรงทรงเกรงว่าโลกยังไม่แข็งแรงพอ ประสงค์จะตรวจสอบด้วยพระองค์เองว่าโลกที่สร้างขึ้นนั้นแข็งแรงหรือไม่ โดยการเสด็จมายังโลก เสด็จลงเหยียบโลกด้วยพระบาทเดียว จากนั้นจึงทรงให้พญานาคอันทรงฤทธิ์ใช้ลำตัวยึดขุนเขาทั้งสองที่คั่นด้วยมหาสมุทร แล้วไกวตัวเพื่อทดสอบความแข็งแรงของโลก โล้ยื้อยุดฉุดขุนเขาสองฝั่งมหาสมุทรดู ผลปรากฏว่าเมื่อพญานาคไกวตัวพระอิศวรยังทรงยืนอยู่ได้ซึ่งแสดงว่าโลกมีความมั่นคงแข็งแรงดี ยังมีความโสมนัสแก่พระอิศวร พญานาคทั้งหลายพากันยินดี ต่างลงสู่สาครใหญ่ เล่นน้ำเฉลิมฉลองเป็นที่สนุกสนาน
พราหมณ์ได้สร้างเสาชิงช้าขึ้น โดยสมมุติว่าเสาชิงช้าคือขุนเขาทั้งสอง แล้วตั้งขันสาครบรรจุน้ำเบื้องหน้าเสาชิงช้าระหว่างกลางเสาทั้งสองแทนมหาสมุทร มีนาลิวันสวมเครื่องประดับศีรษะรูปพญานาค สมมุติเป็นตัวแทนพญานาคขึ้นไปโล้กระดานที่ขึงไว้กับเสาชิงช้า ดุจดังพญานาคกำลังไกวตัวระหว่างขุนเขาทั้งสอง มีเจ้าพระยาพลเทพ เป็นพระยายืนชิงช้า สมมุติว่าคือพระอิศวรเป็นประธานของการโล้ชิงช้า เมื่อโล้ชิงช้าเสร็จสิ้นและไม่ตกลงมาจากชิงช้า เป็นอันว่า บ้านเมืองที่สมมติแทนโลกมีความมั่นคงสมบูรณ์ เหล่านาลิวันจะทำการรำเสนงรอบขันสาคร โดยผู้ที่รำเสนงถือเขาโควักน้ำจากขันสาครสาดไปรอบๆ เปรียบเสมือนพญานาคมาแสดงความยินดี พ่นน้ำถวายพระอิศวร เหล่าเทพก็มาเข้าเฝ้าพระอิศวร มีการสร้างแผ่นไม้จำหลักภาพพระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระอาทิตย์ พระจันทร์ ขุดหลุมปักแผ่นไม้จำหลักสมมุติว่าเทพเหล่านั้นลงมาเฝ้าพระอิศวร
พิธีตรียัมปวาย - ตรีปวาย เป็นพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสปีใหม่ของพราหมณ์ โดยถือเอาต้นฤดูหนาวเป็นการเริ่มต้นตามการนับเวลาแบบสุริยคติ มีการประกอบพิธีสวดอัญเชิญเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์จากสรวงสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์เพื่อที่จะได้กระทำการสักการบูชา เป็นการระลึกถึงพระเมตตาและความสำคัญของเทพที่ได้ช่วยอำนวยพรให้มีพืชพันธุ์ธัญญาหารแก่มนุษย์ อาจจะถือได้ว่าเป็นพิธีที่ต่อเนื่องมาจากพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่งก่อนที่จะมีการเพาะปลูกได้มีการขอพรจากเทพเจ้า และถือเป็นการขอพรให้บ้านเมืองมีความมั่นคงสถาพรและมีความอุดมสมบูรณ์ เหล่าพราหมณ์ได้ทำการถือพรตสวดบูชาตลอดพิธีด้วย
พิธีตรียัมปวาย กระทำต้อนรับพระอิศวรที่จะเสด็จจากเขาไกรลาสมาเยือนโลกมนุษย์ปีละครั้ง ครั้งละ ๑๐ วัน คือในวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือนอ้าย จนถึงวันแรม ๑ ค่ำ ในช่วงที่อยู่บนโลกนั้น มนุษย์มักนิยมมาขอพรและถวายสิ่งของสักการะ เพราะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ตน เป็นโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าเทพเจ้า ผู้ที่ทูลขอประทานพรและได้รับตามความปรารถนาจะได้แก้บนและรับพรใหม่เป็นประจำทุกปี พราหมณ์จะทำพิธีโล้ชิงช้าถวายต้อนรับพระอิศวร ในตลอดระยะเวลา ๑๐ วันจะมีการอ่านโศลกสรรเสริญถวายข้าวตอกดอกไม้ผลไม้ต่าง ๆ ในเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เป็นการสำนึกบุญคุณของพระเจ้าที่ทรงมีพระเมตตากรุณาต่อมมวลมนุษย์ ในวันสุดท้าย พราหมณ์จะประกอบพิธีช้าหงส์เป็นพิธีส่งเสด็จพระอิศวรขึ้นสู่เขาไกรลาส
พิธีตรีปวาย เป็นพิธีที่ต่อเนื่องกับพิธีตรียัมปวาย เป็นการรับพระนารายณ์ที่เสด็จจากเกษียรสมุทรมาให้พรแก่มวลมนุษย์ ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือนยี่ จนถึงวันแรม ๕ ค่ำ เดือนยี่ รวมระยะเวลาที่ประทับอยู่บนโลกมนุษย์เป็นเวลา ๕ วัน ตลอด ๕ วันนั้นพราหมณ์จะประกอบพิธีคล้ายกับพิธีตรียัมปวาย ขาดแต่เพียงการโล้ชิงช้าใหญ่และเปลี่ยนบทสวดบางบทเท่านั้น ในวันสุดท้ายจะมีพิธีช้าหงส์ส่งพระนารายณ์
พระราชพิธีตรียัมปวาย – ตรีปวายในประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น ผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายไปตามยุคตามสมัยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งภูมิประเทศ สภาพเศรษฐกิจ การปกครอง ในบทนี้จะกล่าวถึงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของพระราชพิธีตรียัมปวาย – ตรีปวาย ของแต่ละยุคสมัย
โดย : วาทิน ศานติ์ สันติ
อ้างอิง
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชพิธีสิบสองเดือน. พิมพ์ครั้งที่ ๑๓. กรุงเทพฯ :แพร่พิทยา. ๒๕๑๔.
ศิลปากร, กรม จารึกในประเทศไทย เล่ม ๑ – ๕. กรุงเทพฯ : หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร. ๒๕๒๙.
บำรุง คำเอก. รายงานการวิจัยเรื่องอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในรัชสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น. ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดีได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสถาบันวิจัยและการพัฒนามหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๐.
ท. กล้วยไม้ ณ อยุธยา, ศาสตราจารย์พิเศษ. ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ. เทวสถานโบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า. ไม่ปรากฏครั้งที่พิมพ์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์อัมรินทร์. ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์.
ชลมารคพิจารณ์, พระยา. พระราชพิธีตรียัมปวาย – ตรีปวาย (จากพระราชพิธี ๑๒ เดือน) พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : โรงพิมพ์ท่าพระจันทร์. ๒๔๗๗.
ชวิน รังสิพราหมณ์กุล, วามเทพมุนี, พระราชครู. การพิธี – ช้าหงส์. ไม่ปรากฏครั้งที่พิมพ์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. ๒๕๐๕.
สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร. จดหมายเหตุบูรณปฏิสังขรณ์เสาชิงช้า พุทธศักราช ๒๕๔๙. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : บริษัท ดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (หนึ่งในกลุ่มบริษัททีม). ๒๕๕๑.
ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ. “ช้าเจ้าหงส์ ต้นเค้าพิธีโล้ชิงช้าในสยาม.” มติชน, ฉบับที่ ๑๐๖๖๐, ปีที่ ๓๐ (๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐) ๓๔.
ไม่มีความเห็น