ดิฉันศึกษาเรื่องโรคเอสแอลอีในเด็กมาเกือบ 10 ปี จากประสบการณ์ที่ได้ดูแลเด็กโรคเอสแอลอีทำให้ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจหลายประการเกี่ยวกับการเรียกชื่อโรคนี้
1. น้อยคนนักที่จะทราบว่าโรคเอสแอลอีมีพยาธิสภาพอย่างไร แม้แต่บุคลากรทางสุขภาพที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับผู้ปวยกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถอธิบายให้ผู้ป่วยทราบได้อย่างละเอียด
2. บุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล เป็นต้น มักเรียกชื่อโรคแตกต่างกันไป แต่ละชื่ออาจทำให้เด็กและผู้ดูแลเข้าใจคลาดเคลื่อนได้
โรคภูมิแพ้ : เป็นชื่อที่บุคลากรใช้บอกเด็กและผู้ดูแลมากที่สุด แต่ทำให้เกิดวามสับสนมากที่สุด เมื่อเด็กเกิดอาการกำเริบ แล้วเข้ารับการรักษาในสถานบริการสุขภาพใกล้บ้าน พอบอกว่ามีโรคประจำตัวภูมิแพ้ เด็กจะได้รับการดูแลเหมือนคนไข้ "หอบหืด" หรือกลุ่มที่มีอาการแพ้ต่างๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นละออง เป็นต้น ทำให้ได้รับการรักษาที่ไม่ตรงกับความเจ็บป่วย มีหลายรายที่มายื่นบัตรนัดแล้วบอกห้องบัตรว่าเป็นภูมิแพ้ ห้องบัตรจะให้รหัสส่งไปที่ห้องตรวจทางเดินหายใจ ทำให้เกิดความล่าช้าในการเข้าตรวจ กว่าจะได้กลับเข้าระบบการตรวจที่ถูกต้องก็ใช้เวลานาน
โรคพุ่มพวง : เด็กที่เข้าสู่วัยเรียนหรือวัยรุ่นไม่ชอบให้เรียกชื่อโรคแบบนี้ เพราะเด็กไม่ต้องการมีสภาพเหมือนพุ่มพวง ทำให้เด็กกลัวและคิดว่าตนจะต้องเสียชีวิตเหมือนพุ่มพวง ผู้ดูแลบางคนต้องกระซิบพูดเบาๆกลัวเด็กจะได้ยินว่าตนป่วยเป็นโรคอะไร หากบอกว่าเป็นชื่อโรคอื่นๆก็จะพูดได้สะดวกใจกว่า
โรคไต : แพทย์บางคนจะบอกเด็กและผู้ดูแลว่าเป็นโรคไต ซึ่งเมื่อซักประวัติก็ต้องมาถามว่าเป็นโรคไตแบบใด ใช่เป็นโรคเอสแอลอีหรือไม่ กว่าจะได้คำตอบชัดเจนก็ใช้เวลามาก เพราะพยาบาลต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกับการเจ็บป่วยของเด็ก
ดิฉันคิดว่าควรเรียกชื่อโรคว่า "โรคเอสแอลอี" จะเหมาะสมที่สุด แม้จะไม่คุ้นหูนัก แต่หากใช้บ่อยๆก็จะคุ้นชิน เหมือนโรคอื่นๆทั่วไปที่มีการใช้ชื่อทับศัพท์เลย เช่น โรคเอดส์ โรคธาลาศซีเมีย โรคเกาต์ เป็นต้น เพราะจะทำให้การสื่อสารเกิดควมเข้าใจได้ถูกต้อง และเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเด็กและผู้ดูแลด้วย
แนวทางการแก้ปัญหา : หากเกรงว่าเด็กหรือผู้ดูแลจะจำชื่อโรคที่ตนเจ็บป่วยไม่ได้ ด้วยการทำบัตรประจำตัวผู้ป่วยที่เขียนบอกชื่อโรคเอสแอลอีชัดเจน ให้เด็กพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เมื่อเกิดอาการผิดปกติขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็สามารถแสดงบัตรให้แก่สถานบริการสุขภาพได้ ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เด็กโรคเอสแอลอีได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว และตรงกับการเจ็บป่วยแท้จริง
สวัสดีค่ะพี่ต๊ะ ดีใจจังที่เจอกันที่นี ขอบคุณความรู้ที่นำมาเเลกเปลี่ยนคงได้เจอกันอีกนะคะ
ดีใจที่ได้ งานของพี่ต๊ะหนูกำลัง สนใจศึกษาวิจัยเด็กโรคเอส แอล อี อยู่พอดีค่ะ