เตรียมดูฝนดาวตกลีโอนิดส์
คืนวันอังคารที่ 17 - เช้ามืดวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2552
ข้อมูลโดยสรุป
- เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้ส่วนที่เป็นน้ำแข็งจะระเหิดออกไป เหลือแต่ฝุ่นหินซึ่งถูกทิ้งเป็นแนวยาว เรียกว่า สายธารอุกกาบาต (meteor stream)
-
หากโลกโคจรผ่านบริเวณสายธารอุกกาบาตนี้ ฝุ่นหินก็จะพุ่งเข้าสู่บรรยากาศของโลกอย่างรวดเร็ว และเกิดการเสียดสีจนลุกไหม้ แต่ละก้อนเกิดเป็นดาวตก ซึ่งเมื่อมีจำนวนมากก็จะเรียกว่า ฝนดาวตก (meteor shower)
- ฝนดาวตกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ เกิดในบริเวณกลุ่มดาวสิงโต (Leo) จึงเรียกว่า ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต หรือ ลีโอนิดส์ (Leonids)
- ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโตเกิดจากการที่โลกโคจรผ่านเข้าไปในสายธารอุกกาบาตของ ดาวหาง 55P/เทมเพล-ทัตเทิล (55P/Tempel-Tuttle) ซึ่งมีคาบการโคจร 33 ปี
ดาวหางเทมเพล-ทัตเทิล (แนวจุดประ) โลก (วงกลมสีฟ้า) และดาวพฤหัสบดี (วงกลมสีน้ำตาล)
- ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโตมีความสำคัญและน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเคยแผลงฤทธิ์ในอดีตหลายครั้ง เช่น ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2509 (ค.ศ.1966) เกิดจำนวนดาวตกสูงสุดถึง 144,000 ครั้งต่อชั่วโมง ในกรณีที่มีจำนวนดาวตกมากเช่นนี้ จะยกระดับจาก "ฝน" ไปเป็น "พายุ" และเรียกว่า พายุฝนดาวตก (meteor storm)
- ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2376 (ค.ศ.1833) ได้เกิดพายุฝนดาวตกครั้งสำคัญทางซีกโลกด้านตะวันตก เช่น แอกเนส เคลิร์ก (Agnes Clerke) นักเขียนเรื่องดาราศาสตร์ ได้บันทึกไว้ว่า
"คืนวันที่ 12-13 พฤศจิกายน ค.ศ.1833 เกิดฝนดาวตกอย่างหนักราวดาวตกจะท่วมโลก เห็นในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ลูกไฟสว่างเป็นทางยาวทั่วท้องฟ้าทุกทิศทุกทาง ท้องฟ้าสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ ยากที่จะนับจำนวนดาวตกได้ อาจประมาณราว 240,000 ลูก ในช่วงเวลา 9 ชั่วโมงต่อกัน"
[อ้างอิง : สิทธิชัย จันทรศิลปิน, เรียนรู้และสังเกตการณ์ฝนดาวตก, หน้า 14]
- ตัวอย่างภาพต่อไปนี้แสดงเหตุการณ์พายุฝนดาวตกในปี ค.ศ.1833
ภาพพิมพ์แกะไม้ แสดงปรากฏการณ์พายุฝนดาวตกลีโอนิดส์ในปี ค.ศ. 1833 (พ.ศ. 2376)
โปรดสังเกตปฏิกิริยาของผู้คนในภาพซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป (ภาพนี้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1889)
ภาพแสดงพายุฝนดาวตกปี ค.ศ. 1833 เหนือน้ำตกไนแอการา
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
เตรียมตัวดูฝนดาวตกลีโอนิดส์ 17-18 พ.ย. ศกนี้ (pdf)
หน้า 12-13
หน้า 32-33