วันนี้เป็นวันแรกที่กลับเข้ามาสู่สภาวะชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียว เข้าสู่ความคุ้นเคย สารพัดจะข้ออ้าง ว่า เมื่อคืนเหนื่อยบนรถนอนไม่ได้ แกเสียสละมากแล้วนะ พักบ้างเถอะ อยู่ที่บ้าน กินข้าวสามมื้อ มาที่นี่จะอดได้เหรอ ร่างกายจะรับไม่ได้นะ
พอตกลงใจลงไปทานข้าวเที่ยงกลับมา ง่วงมาก ๆ ฟุ๊บลงหน้าโต๊ะ สภาพแทบดูไม่ได้ อะไรกันเนี่ย ให้กิเลสมันครอบหัวได้ไง หายใจไว้ซิวะ จะต้องให้คอยบอกกี่ครั้งกี่ครา หายใจ ๆ
มานั่งคร่ำครวญแล้วจะมีประโยชน์อะไร สู้มันก่อน มันจะนอน ก็สู้มันก่อน ไม่ใช่ว่า ให้กิเลสลากจมูกไป ลากจมูกมา ครูบาอาจารย์สอนไม่รู้จักจำใส่กะลาหัว ว่า
"ทำอะไรให้รู้ตัว มีสติกำกับ ภาวนามันทุกขณะจิต ไม่ใช่ ไหล ๆ ๆ ไปทำสิ่งนั้น ไปทำสิ่งนี้ เดี๋ยวมันจะเป็นบ้า"
ไม่มีสติ อย่างนี้ไม่เรียกศิษย์มีครูนะ
เอานะหายใจไว้ หายใจไว้ ไม่รู้ความตายจะมาเมื่อไหร่ พร้อมตายรึยัง อย่ามัวแต่นอนทับ ขยะกองเก่า ปัด ๆ กวาด ๆ เผา ๆ ขยะเก่ามันทิ้งบ้าง ตั้งอกตั้งใจ ศรัทธาในหนทาง อดทนอดกลั้น มีสติ ทุกอิริยาบท ที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปคร่ำครวญ ไอ้ที่คร่ำครวญหน่ะ มันก็กิเลส หัดไว้ หัดให้อภัยตนเองให้เป็น หัดเริ่มใหม่ เริ่มมันตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวนี้ อภัยตนเองนี่แหละ สู้นะ สู้ ๆ หัดให้กำลังใจตนเองให้เป็น ยืนด้วยขาตนเองให้ได้ ตอนตายก็ตายคนเดียว ต้องพร้อม ตาย
ไม่มีความเห็น