หลังจากเล่าเรื่องวัฒนธรรมโลงไม้มาพอสมควรแล้ว คราวนี้ขอเล่าต่อในเรื่องของลักษณะทางกายภาพของคน สังคมและวัฒนธรรมของคนยุคนี้ว่าเป็นอย่างไร เราไขปริศนาเรื่องราวของเขาได้มากน้อยเพียงใด...
สำหรับคนในสมัยวัฒนธรรมโลงไม้สามารถสรุปคร่าว ๆ จากงานวิจัยโดยนักมานุษยวิทยากายภาพนัทธมน ภู่รีพัฒน์พงศ์ได้ว่าฟันของคนในสมัยนี้มีลักษณะเป็นแบบ shovel shape บริเวณระหว่างเบ้าตาทั้งสองข้างกว้างมาก และโหนกแก้มผายออก ซึ่งลักษณะเหล่านี้เป็นคุณสมบัติเด่นของมองโกลอยด์ แต่ก็ยังมีลักษณะบางประการที่พบเป็นส่วนน้อยในกลุ่มมองโกลอยด์ที่เป็นคนไทย-จีนปัจจุบัน คือ พบว่ากะโหลกของคนในวัฒนธรรมโลงไม้ส่วนตรงกึ่งกลางกะโหลกเป็นสันนูนขึ้นมา และรูปร่างกะโหลกแคบและยาว
สังคมและวัฒนธรรม
ระดับของสังคม
น่าจะเป็นสังคมระดับชนเผ่า และอยู่กันเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีผู้อาวุโสเป็นผู้นำทางสังคมและความเชื่อ มีการตั้งถิ่นฐานถาวร ใช้พื้นที่หลากหลายสภาพภูมิศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องการดำรงชีพและความเชื่อของชุมชน
การวิเคราะห์รูปแบบหัวโลงที่พบทำให้ตอบข้อสมมติฐานได้ว่า รูปแบบหัวโลงที่มีความหลากหลายนั้นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม และความแตกต่างของหัวโลง รวมทั้งตำแหน่งที่ตั้ง ขนาดของโลง แสดงว่าเป็นสังคมที่น่าจะมีชนชั้นที่ยังไม่ซับซ้อนเท่ากับสังคมระดับรัฐ
การตั้งถิ่นฐาน
พบรูปแบบของการตั้งถิ่นฐานประเภทเดียวคือสุสาน ปัจจุบันยังไม่สามารถจะยืนยันรูปแบบการตั้งถิ่นฐานของวัฒนธรรมโลงไม้ได้ว่ามีประเภทใดบ้าง โดยเฉพาะแหล่งที่อยู่อาศัยหรือหมู่บ้าน ซึ่งสันนิษฐานเปรียบเทียบกับแหล่งโบราณคดีร่วมสมัยในภาคเหนือ พบว่าส่วนใหญ่จะตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบริมน้ำ ที่ราบหุบเขา สันเขา เป็นต้น การใช้พื้นที่ภายในถ้ำหรือเพิงผาจะไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยถาวร แต่ใช้เป็นที่ฝังศพหรือพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของครอบครัว และชุมชน
เครื่องมือเครื่องใช้
คนในวัฒนธรรมโลงไม้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับป่าและงานช่างไม้เป็นอย่างดี เพราะหลักฐานของการแกะสลักหัวโลงไม้ การคัดเลือกขนาดของต้นไม้เพื่อกานไม้ก่อนที่จะนำมาทำเป็นโลง ส่วนเสาที่รองรับโลงไม่มีการเตรียมการก่อน เพราะขนาดของเสามีความแตกต่างกัน คงจะหาไม้ทำเสาทันทีที่โลงถูกนำมายังสุสานแล้ว จึงตัดไม้บริเวณใกล้เคียงและตกแต่งให้เหมาะสมกับพื้นที่ ดังนั้นไม้จึงมีขนาดไม่เท่ากันตามลักษณะของถ้ำหรือเพิงผา การคัดเลือกไม้ทั้งทำเป็นโลงและเสา ส่วนใหญ่ทำจากไม้สัก
ผลการวิเคราะห์เศษภาชนะดินเผาที่พบจากการขุดค้นและสำรวจด้วยวิธีศิลาวรรณนา แสดงถึงระดับของเทคโนโลยีการผลิตระดับท้องถิ่น เนื้อของภาชนะส่วนใหญ่เป็นภาชนะดินเผาเนื้อดินหยาบ และละเอียดปานกลาง โดยวัตถุดิบน่าจะนำมาจากลำน้ำใกล้เคียงกับแหล่งโบราณคดี และเชิงเขา ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบมีการทาน้ำดิน รมควันที่ผิวอีกครั้งหนึ่ง รูปแบบภาชนะดินเผาไม่มีความหลากหลาย ได้แก่ หม้อ ชาม ถ้วย ขนาดเล็ก-กลาง นอกจากเศษภาชนะดินเผาที่พบแล้วยังพบเครื่องประดับประเภทลูกปัดแก้ว ลูกปัดดินเผา หอยเบี้ยด้วย ซึ่งเป็นวัตถุทางวัฒนธรรมจากต่างถิ่น เพราะไม่มีวัตถุดิบท้องถิ่น สันนิษฐานว่ามีการติดต่อกับชุมชนภายนอกที่มีสิ่งของเหล่านี้โดยการแลกเปลี่ยน
สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของคนในวัฒนธรรมโลงไม้ ไม่มีหลักฐานทางโบราณวัตถุที่ชัดเจนเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวกับการดำรงชีพแต่การพบแกลบข้าวในเนื้อภาชนะดินเผา ทำให้สันนิษฐานว่าอาจจะมีการเพาะปลูกแล้ว ชุมชนในวัฒนธรรมโลงไม้อาจจะมีการติดต่อกันเองภายในชุมชน โดยพิจารณาจากผลการวิเคราะห์ภาชนะดินเผาด้วยวิธีศิลาวรรณนา และนอกชุมชน เพราะพบหลักฐานของเครื่องประดับประเภทลูกปัดแก้ว หอยเบี้ย เครื่องมือเหล็ก เป็นต้น ในขณะนี้ยังไม่พบแหล่งโบราณคดีที่เป็นแหล่งผลิตเลย
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่พบหลักฐานในส่วนของพื้นที่อยู่อาศัยหรือการดำรงชีวิตของคนในวัฒนธรรมโลงไม้ แต่จากการศึกษาร่องรอยของกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจปรากฏให้เห็นบนกระดูกในชิ้นส่วนกระดูกจากแหล่งโบราณคดีวัฒนธรรมโลงไม้หลายแหล่ง พบร่องรอยที่สะท้อนถึงรูปแบบการดำรงชีวิตที่แตกต่างไปจากคนในสมัยไพลสโตซีนตอนปลายและโฮโลซีนตอนต้นอย่างค่อนข้างชัดเจน กล่าวคือ มีรอยเกาะของกล้ามเนื้อปรากฏให้เห็นเด่นชัดที่กระดูกแขนและนิ้วมือหลายชิ้น ซึ่งน่าจะบ่งชี้ได้ว่าสังคมในยุคนี้มีการแบ่งงานหรือหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนแล้ว และคงจะมีผู้ชำนาญการในการทำกิจกรรมหรือการผลิตสิ่งของต่างๆ เช่น การตัดไม้เพื่อทำโลงไม้ การตีเหล็ก หรือการผลิตภาชนะดินเผา เป็นต้น จึงปรากฏร่องรอยเหล่านี้บนกระดูกอย่างเด่นชัด โดย เฉพาะในกระดูกแขนและนิ้วมือ
ส่วนเรื่องของความเชื่อนั้น
มีความเชื่อหลังความตาย และการสร้างสัญลักษณ์ตัวแทน ซึ่งในที่นี้หัวโลงอาจจะหมายถึงตัวแทนของเครือญาติที่อยู่ในสายตระกูลเดียวกัน นอกจากนี้ยังคำนึงถึงการเลือกตำแหน่งสถานที่ที่ใช้ในการฝังศพ การฝังศพนั้นอาจเป็นการฝังศพครั้งที่ 2 เนื่องจากได้ทำการเก็บตัวอย่างคราบและเศษไม้ของโลงไม้ไปทดสอบหาไมโตรคอนเดรียล ดีเอ็นเอ (Mitochondrial DNA) ที่อาจหลงเหลืออยู่ หากเคยมีการฝังศพสดก็ควรจะต้องมีร่องรอยของคราบเลือดและน้ำเหลืองติดอยู่ที่ผิวด้านในของโลงไม้ ผลจากการทดลองปรากฏว่าไม่พบหลักฐานดีเอ็นเอ จึงสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าพิธีกรรมเกี่ยวกับการทำศพในวัฒนธรรมโลงไม้น่าจะเป็นการฝังศพครั้งที่ 2 (secondary burial) ซึ่งเป็นการเอากระดูกจากการฝังครั้งแรกมาจัดเก็บและฝังใหม่ นอกจากนี้ มีการเซ่นไหว้ศพด้วยการใส่ข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตายลงไปด้วย เช่นเครื่องประดับ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ประเภทสิ่ว ขวาน หม้อและชามขนาดเล็ก-ปานกลาง
ค้นคว้าต่อได้ที่ห้องสมุดอิเล็กโทรนิกส์ของสกว. หาคำว่า "โครงการโบราณคดีบนพื้นที่สูงในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดฮ่องสอน ระยะที่หนึ่ง และระยะที่สอง"
ไม่มีความเห็น