ในที่สุด ก็มาถึงฉบับที่ 5 ซึ่งมีอยู่ในมือแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว ชุดเอกสารเผยแพร่ เพื่อการปฏิรูปการเมือง มีทั้งหมด 17 ชุด ซึ่งดูหัวข้อแล้วก็น่าสนใจมาก ได้แก่
1. แผนพัฒนาการเมือง |
10. รัฐบาล: คณะรัฐมนตรี |
2. กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ |
11. ความสัมพันธ์รัฐสภา : รัฐบาล |
3. รัฐธรรมนูญกับประชาชน |
12. ศาลรัฐธรรมนูญ |
4. ประชาชนกับบทบาททางการเมือง |
13. พรรคการเมือง |
5. สิทธิและเสรีภาพ |
14. ศาลปกครอง |
6. ระบบและวิธีการเลือกตั้ง |
15. การกระจายอำนาจ และการปกครองท้องถิ่น |
7. คณะกรรมการเลือกตั้ง |
16. การปฏิรูประบบราชการ และบริการประชาชน |
8. การออกเสียงประชามติ |
17. การปฏิรูปการศึกษา |
9. รัฐสภา: สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา |
|
ศาลปกครอง
ศาลปกครอง : ศาลที่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีปกครองโดยเฉพาะ
คดีปกครอง
คือ คดีที่มีข้อพิพาทกันระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยประชาชนฟ้องร้องกล่าวหาว่าการกระทำของหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า กระทำการไม่ถูกต้องตามกฎหมายใช้ดุลยพินิจไม่ถูกต้อง จึงขอให้เพิกถอน คำสั่ง หรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องนั้น
ตัวอย่างเช่น ราษฎรไปยื่นขออนุญาติปลูกสร้างบ้าน หรืออาคาร แล้วเจ้าพนักงานของเทศบาล หรือของอำเภอมีคำสั่งไม่อนุญาต ซึ่งราษฎรนั้นเห็นว่า คำสั่งนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงฟ้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งไม่อนุญาตนั้นเสีย และสั่งใหม่ให้ถูกต้อง คดีที่ฟ้องศาลปกครองได้ เช่น
คดีปกครองเปรียบเทียบกับคดีแพ่งและคดีอาญา
คดีปกครอง เป็นคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ตามกฎหมายมหาชนที่ฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐเสมอและจุดประสงค์สำคัญ คือ การให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง ที่พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งการไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ กฎกระทรวงที่ออกบังคับเป็นการทั่วไป มิได้มีเจตนาที่จะเอาความผิดกับพนักงานเจ้าหน้าที่นั้นๆ
คดีอาญา จุดประสงค์อยู่ที่ต้องการให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทางอาญา เช่น จำคุก กักขัง ปรับ ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่สั่งการใดๆ ไปโดยไม่ถูกต้องต่อกฎหมาย หากประสงค์จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับโทษฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก็ต้องฟ้องต่อศาลอาญา เป็นคดีอาญา ซึ่งหากศาลเห็นว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะลงโทษทางอาญาแก่เจ้าหน้าที่นั้น แต่คำสั่งนั้นก็ยังมีผลบังคับอยู่
คดีแพ่ง เป็นคดีพิพาทกัน ระหว่างเอกชนกับเอกชน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ตามกฎหมายแพ่ง และจุดประสงค์อยู่ที่ ต้องการให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายและทำให้เสียหายก็ให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย แต่คำสั่งที่เป็นเหตุนั้นก็ยังมีผลบังคับอยู่
สาระสำคัญของศาลปกครอง
1. ผู้ที่จะพิพากษาคดีปกครอง หรือตุลาการศาลปกครองนั้น จะต้อง เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายปกครอง และจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน จึงจะตัดสินคดีปกครองได้อย่างเหมาะสม โดยรู้ว่าเรื่องใดควรควบคุมและควบคุมเพียงใด การบริหารงานของฝ่ายปกครองจึงจะไม่เสียหาย และสิทธิเสีรีภาพของประชาชนก็จะได้รับความคุ้มครองเรื่องใดควรปล่อยให้อยู่ในดุลยพินิจของฝ่ายปกครอง และจะตัดสินคดีปกครองอย่างไร จึงจะรักษาดุลยภาพระหว่างการคุ้มครองประโยชน์ส่วนตัวของเอกชน กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคม ดังนั้น การกำหนดคุณสมบัติของตุลาการศาลปกครองจึงเป็นสิ่งสำคัญ คือต้องมีพื้นฐานทางกฎหมายมหาชนดี และต้องมีประสบการณ์ในการบริหารมาแล้ว
2. หลักประกันความเป็นอิสระ: หัวใจสำคัญของศาล คือความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ดังนั้นจึงต้องทำให้ศาลปกครองเป็นอิสระทั้งจากภายนอกและภายใน มาตรการ ก็คือ การมีองค์กรบริหารงานบุคคล (กตป.) ของตนเอง เพื่อให้เป็นอิสระจากภายนอก และการย้ายตุลาการศาลปกครองนั้น ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวก่อน เพื่อให้เป็นอิสระจากผู้บังคับบัญชาภายในของศาลเองด้วย
3. วิธีพิจารณาที่เหมาะสม: คดีปกครองนั้น จำเลยในคดีเป็นรัฐ ซึ่งหากถือวิธีพิจารณาตามระบบกล่าวหาที่ใช้อยู่ในศาลยุติธรรม ว่าใครกล่าวอ้างข้อเท็จจริงใด ฝ่ายนั้น ต้องนำสืบให้ได้ในข้อเท็จจริงนั้น ดังนั้น เมื่อราษฎรกล่าวหารัฐ ราษฎรต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ว่ารัฐเป็นฝ่ายผิด ซึ่งเอกสารข้อมูลทั้งปวงอยู่ที่ฝ่ายรัฐ ยากที่ราษฎรจะพิสูจน์ได้ ดังนั้นคดีปกครองต้องใช้ระบบไต่สวน ที่ศาลต้องเป็นผู้ค้นหาความจริงเอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ราษฎร
4. จุดเกาะเกี่ยวกับอำนาจ: ศาลปกครองเป็นองค์กรตรวจสอบอำนาจอื่น ดังนั้นที่มาของตุลาการศาลปกครอง จึงต้องมีจุดเกาะเกี่ยวกับอำนาจของประชาชน และต้องเป็นองค์กรที่โปร่งใสต่อการตรวจสอบ
5. หน่วยธุรกการของศาลปกครอง: ต้องมีความรู้ในคดีปกครองเพียงพอที่จะเป็นผู้ช่วยศาลในการแสวงหาความจริง และต้องทำหน้าที่ในการเผยแพร่คำพิพากษาของศาล เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาได้
พิมพ์จาการเรียบเรียงของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุนทร มณีสวัสดิ์
จัดทำโดย อนุกรรมการวิชาการและวางแผนการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปการเมือง คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปการเมือง
ไม่มีความเห็น