White Marketing…?


ที่นี่มี ความสะอาด และความสงบ เป็น “สินค้า” ที่เตรียมพร้อมมอบให้ท่าน แต่สิ่งที่นี่ต้องการได้กลับคืนมานั้น “ไม่มี...”

 

หลายครั้งนะที่เราคิดซ้ำ ๆ ว่า “เรา (กู) มาทำอะไรอยู่วะ...” ทำไมต้องมาทนลำบากอยู่แบบนี้ ทำไม ทำไม และ ทำไม...?
เราไม่รู้หรอกว่าทำไม ผ่านมาเกือบสามปีแล้ว เราก็ยังไม่ได้คำตอบว่า เราจะทำไปเพื่ออะไร...?
เราก็ทำไปงั้น ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ทำไปแบบ “โง่ ๆ” นี่แหละ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้
เหนื่อยก็ทำ ไม่เหนื่อยก็ทำ ท้อก็หนีมานอนบ้าง เซ็งก็บ่น ๆ บ้าง แต่ก็ทำ ทำมันไปอย่างนี้แหละ...!

หลายครั้งนะที่เราต้องเจอกับคำถามว่า “ที่นี่เอาเงินมาจากไหน...?” ทำไมถึงสร้างอะไรต่ออะไรได้มากมายขนาดนี้...?
เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมที่นี่ ใครต่อใครเขาก็เงินมา “ให้” ใครต่อใครเขาถึงไว้วางใจให้เราสร้าง
มาที่นี่ก็ไม่มีใครบอกเลข ใบ้ห้วย เครื่องรางค์ของขลังค์ก็ไม่มี ไม่มีอะไรขาย ไม่มีค้ากำไร มาที่นี่มีแต่ให้ ให้ ให้แล้วก็ให้...

การทำและการให้ของเรานั้น เราก็ทำ ทำ และทำไปอย่างนั้น จะได้ผลอะไรตอบแทนมาก็ช่าง จะไม่ได้อะไรตอบแทนมาก็ช่าง “ช่างหัวมัน...” เรามีหน้าที่ทำ ก็ทำมันไปอย่างนี้แหละ
ถ้าคืนนี้นอนหลับแล้ว พรุ่งนี้ยังมี “ชีวิต” ตื่นมาก็ลุกขึ้นมาทำ แดดร้อนก็ทำ ฝนตกก็หยุด...

ตอนนี้เราก็ต้องถามตัวเองเพิ่มขึ้นอีกว่า เฮ้ย... ทำไม ต้องเข้ามาเขียนงานในนี้ (G2K) ด้วย เวลาทำงานก็เหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนไม่ดีกว่าเหรอ...?
คิดไป คิดมาก็ปวดหัว ขี้เกียจคิด มีหน้าที่ทำก็ทำไป “สุขที่ได้ทำ...”

ชีวิตนี้อยู่ได้ก็เพราะ “ได้ทำ” ทำไปเรื่อย
ชีวิตที่มีการกระทำ มีการเคลื่อนไหว ชีวิตจักไม่ “เหี่ยวเฉา...”

การคิดดี พูดดี และกระทำดี การประพฤติ ปฏิบัติเช่นนี้ทำให้ชีวิตมี “ชีวา...”

การกระทำใด ๆ ทางธุรกิจเขาก็คิดแต่เรื่อง “ผลตอบแทน” จะทำอะไรได้สักทีก็ต้องคิดให้ได้ว่า “คุ้ม” หรือ “ไม่คุ้ม..”

แต่การทำงานที่นี่ การทำแบบไม่ต้องคิด ไม่ต้องคำนึง “ผลตอบแทน” เพราะที่นี่มีแต่ “ให้...”

ตอนนี้เราทำเมรุฯ อยู่ เมรุฯที่นี่ก็เผาฟรี ไม่เก็บสตางค์
เอาศพมาไว้นี่ พระก็สวดฟรี ไม่มีเสียสตางค์
เหมือนกับตอนเราบวช เราก็บวชฟรี ไม่ได้เสียสตางค์ เพราะว่าตอนนั้นจนมาก ไม่มีสตางค์ (ตอนนี้ครอบครัวก็ยังจนอยู่...)
เราจำได้ว่า โยมพ่อและโยมแม่เราซื้อของมาถวายสังฆทานประมาณ ๕๐๐ บาทเท่านั้น เป็น “โกโก้” ตรานางพยาบาลแล้วก็น้ำตาล พร้อมคอฟฟี่เมท ที่เราบวชได้ครอบครัวเราก็ถวายไปแค่นี้แหละ เพราะมากกว่านี้ก็จะเป็นการรบกวนท่านแล้ว

 

เราอยู่นี่ เราก็นำแรง นำความรู้ นำความสามารถที่มี มาทำงานแล้วก็ทำงาน
ทำงานที่นี่ได้ค่าจ้าง “วันละบาตร” บาตรเดียว อิ่มเดียว ทำงานได้ ทั้งวัน ทั้งคืน

เมื่อก่อนตอนอยู่เชียงใหม่ เราชอบปลูกต้นไม้ เพาะต้นปาล์ม วัน ๆ หนึ่งตอนคุมงานก่อสร้างก็เที่ยวเดิมเก็บเมล็ดปาล์มไปเรื่อย
เก็บไป เพาะไป ไม่ได้กะทำให้เป็น Green Marketing หรอกนะ แต่เราทำเป็น White Marketing ทำแล้วก็แจก แจกเขาไปทั่ว...

ตอนนี้เรามีแรงอยู่ เราก็ทุ่มเทให้แรงกาย ให้แรงใจเขาไปทั่ว
เรามีประโยชน์อะไร ทำอะไรได้ เราก็ทำให้เขาไปทั่ว
มีความดีอะไรที่ไหน เราก็ทำ ทำไปเรื่อย…

ใครมาเยี่ยมชมเมรุฯ ก็มีให้โปรโมชั่นเขาบ้าง
บอกว่าช่วงนี้มีโปรโมชั่น เผาหนึ่ง “แถมหนึ่ง...” เราแจกขนาดนี้ไม่มีใครกล้ารับ “โปรโมชั่น” กันสักคน
มีแต่คนบอกว่า ยังครับ ยังค่ะ ยังไม่ “อยาก” ตาย...

มาที่นี่เรามี “สัจธรรม” มอบให้
การลงทุน ลงแรงทำอะไร ทำไป ทำไป ทำให้ดี เดี๋ยวคนดี ๆ เขาก็จะเข้ามาร่วมมือ และร่วมแรง
ไม่ต้องคิด ไม่ต้องคำนึงถึงทฤษฎีทางธุรกิจ ไม่ต้องคิดกังวลถึงการส่งเสริมทางการตลาด
เพราะ White Marketing เป็นการทำงานเพื่อให้ เป็น “การตลาดแห่งความดี”

แขกไป ใครมา ก็ให้ทำความดี ให้ทำความดี ให้ “เสียสละ” ไว้ก่อน
มาที่นี่มี “ความดี” ให้ทำ
มาที่นี่ไม่ต้องมีอะไรมาให้ ไม่ต้องมีอะไรติดไม้ ติดมือมา “สบาย ๆ” มีแรง มีใจมาก็พอ
ไม่ต้องมีเงินมาซื้อของ ไม่ต้องเอาเงินใส่ซองมาถวาย ขอเพียงแค่มาแล้ว “สบายใจ” ก็เกินพอ...

ว่างก็มา ไม่ว่างก็ให้มา มาเรื่อย ๆ มาบ่อย ๆ มาเฉย ๆ มางั้น ๆ สุดแล้วแต่จะมา  มาก่อนแล้วค่อยว่ากัน...!

มาที่นี่ไม่มีอะไรมากมาย มีอะไรที่ใช้อยู่ก็นำมา
ไม่มีกฎว่าต้องใส่ชุดโน้น ไม่มีระเบียบว่าต้องสวมชุดนี้ มีก็ใส่ ไม่มีก็ใส่ “แบบธรรมดา ๆ”

ไม่ต้องมีอะไรบังคับกัน ไม่ต้องมีกฎ มีระเบียบไว้ข่มเหงกัน
ถ้ามาที่นี่นั้นเรามีสองอย่างที่จะมอบให้ท่านคือ “ความสะอาด” และ “ความสงบ...”

ที่นี่มี ความสะอาด และความสงบ เป็น “สินค้า” ที่เตรียมพร้อมมอบให้ท่าน
แต่สิ่งที่นี่ต้องการได้กลับคืนมานั้น “ไม่มี...”

ใครอยากทำความดีก็ทำ ใครอยากเสียสละก็ทำ คิดดีก็คิดไป พูดดีก็พูดไป ทำดีก็ทำไป ทำไปเถอะ ทำไปเถอะ

ที่นี่จึงเป็น “ศูนย์การค้า” ที่กว้างใหญ่ ที่นี่มีสินค้า “คือโอกาสทำความดี” ไว้ให้เลือกสรร
ที่นี่มี “ความเสียสละ” เป็นกำลัง ที่นี่มีทำการตลาดอย่างสุขสันต์ (White Marketing) ด้วยใจจริง...

 

หมายเลขบันทึก: 302775เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2009 20:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

 

การตลาดแบบนี้ก็มีเสียนะคะ.........เสียสละ เสียเหงื่อ (^___^)

เป็นการลงทุนด้วยแรงใจ แรงกาย เบาสบายหลังเสร็จงาน

เป็นการทำงานที่ไม่รู้ว่าจะได้อะไร

รู้แต่ว่า ได้ทำแล้วมีความสุข

เจอเพื่อร่วมงาน ที่มาด้วยรอยยิ้ม

ทำงานด้วยรอยยิ้ม

ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เหนื่อย ๆ

ก็มีน้ำแดงโซดา อร่อย ๆ

ลอยมา จากธารน้ำใจเพื่อร่วมงาน

 

อืม....เหมือนเป็นการทำงานที่ไม่มีค่าจ้าง

แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏในใจนั้น ทรงคุณค่า เหลือประมาณเจ้าค่ะ

 

นักกีฬาก่อนที่จะเขาลงสนามแข่งจริง ๆ นั้นเขาต้องฟิต ต้องซ้อม ต้องเหนื่อยมาก่อนทุก ๆ คน

คนเราที่จะได้เหรียญทองโอลิมปิคนั้นไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์อย่างเดียวเสมอไป

บางทีเศรษฐีเก่าตกกระป๋องก็มี เศรษฐีใหม่มาแรงแซงทางโค้งไปหมด...

คนที่สมองดี ร่างกายดี ถ้าไม่ฟิต ไม่ซ้อม บางทีก็สู้คนโง่ ๆ อย่างเราที่ฟิต ที่ซ้อมบ่อย ๆ

ยอมเหนื่อย ยอมทน ยอมออกแรงรดน้ำต้นไม้อย่างเต็มที่ แล้ววันหนึ่ง วันใดที่ต้นไม้นี้ผลิดดอก ออกผล เราก็จะสามารถชื่นชม เด็ดดม ผลิตผลแห่งน้ำพัก น้ำแรงของเรานี้ได้อย่างภาคภูมิใจ

คนรวย ๆ ฉลาด ๆ นี้เขาชอบประมาทนะ ทรัพย์สิน เงินทอง และความฉลาดนั้นทำให้คนเราผิดพลาดมาแล้วนักต่อนัก

ดังนั้นเราดีแล้วที่มี "ทุนแห่งความโง่" อยู่ในตัว

ความโง่นี้จะไม่ทำให้เรา "ประมาท"

ความโง่นี้จะเตือนตัวเราเองอยู่เสมอว่าเราต้องออกกำลัง เราต้องพัฒนา เราจะมานอนตีพุงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้

ร่างกายที่ออกกำลังกายเสมอ ก็จะไม่ง่อยเปรี้ยเสียขา

แกว่งแขนไป แกว่งแขนมาอย่างนี้แหละ เดี๋ยว "ปัญญา" ก็จะเกิด จะมีมา

แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ

การที่เราไปวัดนั้นก็เปรียบเสมือนนักกีฬาอยู่ในสนามซ้อม

พอเวลาที่เรากลับเข้ามาในสังคมนี้น่ะสิ กลับบ้าน หรือเข้ามาที่ทำงาน นี่แหละคือ "สนามกีฬาโอลิมปิค"

เพราะชีวิตนี้คือของจริง

ของจริงที่มีแต่คนที่ "เห็นแก่ตัว" มีคนที่จะจ้องแต่เอาเปรียบเรา จ้องจะทำร้ายและทำลายเรา

สิ่งที่ฝึกมาแล้ว ซ้อมมาแล้ว สะสมไว้แล้ว เอามาสู้ เอามาใช้

ความดีและความเสียสละทั้งหลายเขามีไว้ใช้ในชีวิตประจำวันนี้แหละ

ในที่ทำงานเขาให้ค่าจ้างเราร้อย เราทำให้เขาสักสองร้อยก็ได้ มันขึ้นอยู่ที่ "ใจ" ของเรา

เราทำ เราก็ได้เอง ได้กำไรเอง กำไรนั้นเกิดขึ้นจากความดีและความ "เสียสละ..."

เก็บขยะที่วัดได้ ก็ต้องเก็บขยะในที่ทำงานได้

ล้างห้องน้ำที่วัดได้ ก็ต้องล้างห้องน้ำในที่ทำงานได้

ทำกับข้าวให้พระได้ ก็ต้องทำกับข้าวให้กับพ่อและแม่ได้

พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ครอบครัว ที่ทำงาน และสังคมนี้คือสนามกีฬาโอลิมปิค ที่ "นักกีฬาชีวิต" อย่างเรานี้จะต้องแข่งขันด้วยน้ำใจอันดี น้ำใจ น้ำคำ และน้ำแรงที่ "เสียสละ..."

สนามกีฬาโอลิมปิคแห่งชีวิตนี้ยังมีรอยยิ้มและคราบน้ำตารอคอยเราอยู่เบื้องหน้าอีกมากมาย

คู่ต่อสู้ในสนามกีฬา เมื่อจบแมตซ์การแข่งขันก็ย่อมไม่ล้างราจาก "ไมตรี..."

ชีวิตนี้ก็เหมือนเกมส์กีฬานี่แหละ จบแล้วก็จบ หมดแมตซ์แล้ว "ชาติหน้า" ค่อยว่ากันใหม่

การไปปฏิบัติ ถือศีล ภาวนา ก็เหมือนกับการ "พักครึ่งเวลา"

แต่ตอนนี้กลับเข้าสู่ในสนามแข่งขันแล้วก็ขอให้สู้ต่อไป สู้ให้เต็มที่ สู้ด้วยความดีที่ตอนพักครึ่งเวลานี้ได้ "เคย" กระทำ...

แต่ตั้งใจอ่าน และขอนำไป forward ได้ใช่ไหมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท