หากผู้ที่เกี่ยวข้องได้เห็นภาพอย่างที่ผมเห็น ยังมีอีกหลายแง่หลายมุมในแต่ละท้องถิ่นที่นำมาซึ่งความสับสนเมื่อเยาวชนได้สัมผัส ผมยกเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อขยายความเห็นที่นักเรียนเขากล่าวไว้ในประเด็นปัญหาสาเหตุที่เยาวชนไทยไม่สนใจเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ผมแสดงความเห็นอย่างนี้เพราะผมอยู่บนเวทีการแสดงเพลงพื้นบ้านตั้งแต่เล่นเพลงกันบนพื้นดินจนถึงบนเวทีการแสดงที่โอ่อ่า นานกว่า 40 ปี ผมเห็นภาพจริงที่ยังจำเอาไว้ได้ติดตาแม่นยำในสมองและเห็นภาพในวันนี้ที่แตกต่างออกไปจากเดิม
ผมบันทึกความคิดเห็นของนักเรียนชั้น ม.6 ที่ผมสอน ยังมีอีกหลายประเด็นที่เด็ก ๆ เขาคิด วิเคราะห์ในเรื่องของปัญหาที่ทำให้เยาวชนไม่สนใจเอกลักษณ์ของท้องถิ่น รวมทั้งเขาได้ขยายความเอาไว้ให้เห็นภาพของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นว่า เป็นที่มาของปัญหาจริง ๆ ตามประสาของเยาวชนที่มีอายุในช่วงระหว่าง 17-18 ปี ครับ
นักเรียนให้ข้อคิด ความเห็นกับผมว่า อาจารย์ ครับ “โรงเรียนเรา (หมายถึงโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1) ไม่เหมือนโรงเรียนอื่น ๆ ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนย้ายไปและย้ายมาอยู่ในโรงเรียนของเราหลายท่าน แต่เพลงพื้นบ้าน เพลงอีแซว เพลงฉ่อย ลำตัด ของอาจารย์ยังคงอยู่คู่กับโรงเรียนมาตลอด ไม่เคยขาดตอน ตั้งแต่รุ่นพี่ของผม (บางคนบอกว่าตั้งแต่รุ่นน้า รุ่นอา) ก็มีเพลงฉ่อย เพลงอีแซวในโรงเรียนแล้ว”
ยังมีคำยืนยันจากเด็ก ๆ อีกหลายประโยค ที่สนับสนุนว่า เพลงพื้นบ้านในโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี มีมานาน (ความจริงมีมา 18 ปีแล้ว) ผมไม่เคยบ่นให้เด็ก ๆ ได้ยินเลยว่า “ปีนี้ไม่มีเด็กเก่ง ๆ มาเล่นเพลง หมดคนเก่ง เรียนจบกันไปหมด” ไม่หมดหรอกครับ เด็กจะเก่งไม่เก่งไม่สำคัญ ความสามารถฝึกฝนพัฒนาได้ แต่ว่าจะให้มีความสามารถเทียบเท่ากับรุ่นพี่ ๆ ได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าตัวครูจะต้องทำเต็มที่ รักษาระดับคุณภาพให้มีวงเพลงอยู่คงเดิมให้นานเท่านานหรือคงอยู่ตลอดไป
การสอนให้เด็ก ๆ เขาได้เรียนรู้เรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น จะต้องอ้างอิงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องและเป็นบุคคลที่เด็ก ๆ เขาเคยเห็น จะได้เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และก็เช่นเดียวกัน ตัวครูจะต้องแสดงความสามารถที่ชัดเจน จนเด็ก ๆ เขายอมรับเราในหัวใจ วันนี้ผมสอนนักเรียนชั้นม.6/1 เด็ก ๆ เขาแสดงความสามารถศิลปะกันคนละ 1 อย่าง กลุ่มละ 1อย่าง ผมยังได้รับความสนใจจากเด็ก ๆ ขอให้ผมร้องเพลงเพลงพื้นบ้านให้เขาฟัง ผมก็จัดให้ตามที่เด็ก ๆ ต้องการ (ด้นสดให้ในทันที)
สถานศึกษา หรือโรงเรียนมีความสำคัญมาก ในการที่จะผลักดัน หรือส่งเสริมให้เยาวชนได้รู้จัก ได้เรียนรู้ ได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ว่าคงได้ไม่มาก จนถึงขนาดให้ความสนใจเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ พอมีกลุ่มสนใจ มีกลุ่มผู้นำอยู่บ้างก็ถือว่า ดีแล้ว แต่การเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับการถ่ายทอดศิลปะการแสงของท้องถิ่น เป็นช่องทางหนึ่งที่นำมาซึ่งความรู้ ความเข้าใจในกลุ่มเยาวชน อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เห็นเพื่อนของเขาเป็นตัวแทนของโรงเรียนขึ้นไปแสดงความสามารถอยู่บนเวทีอย่างสง่างาม ท่ามกลางผู้ชมเต็มฮอลล์ เต็มห้องประชุมขนาดใหญ่
ผู้รู้ หรือปราชญ์ชาวบ้าน ค่อย ๆ หมดไป สำหรับภูมปัญญาชาวบ้านที่อยู่ในโรงเรียน (ครูที่มีความสามารถเฉพาะทาง, เป็นช่าง, เป็นนักแสดง) มิใช่จะเกิดขึ้นได้มาก น้อยเต็มทีมีจะมีปรากฏในโรงเรียนใด โรงเรียนหนึ่ง และเป็นไปได้ว่า ตลอดชีวิตราชการ ไม่มีคนต่อไปมารับช่วงต่ออย่างจริงจัง
แล้วจะมีสถาบันไหน โรงเรียนไหน จะเปิดโอกาสให้คุณครูได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากปราชญ์เดินดิน ศิลปินพื้นบ้าน ให้มีบุคคลทำหน้าที่นี้ในสถานศึกษาได้ อย่างต่อเนื่องตลอดไป
(ติดตามตอนที่ 5 สาเหตุที่เยาวชนไทยไม่สนใจเอกลักษณ์ของท้องถิ่น)
ขอเจริญพร
กราบนมัสการ ท่านมหาแล ขำสุข