5 ปี กว่า ที่ข้าพเจ้าได้เทียวไปเทียวมาระหว่างหาดใหญ่และพัทลุง และวันหนึ่งก็ได้ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดพัทลุง ระยะแรกข้าพเจ้าก็สนุกกับชีวิตแบบใหม่ที่ได้พบได้เห็น พึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันไม่ง่ายนักที่จะทำงานในโรงพยาบาลชุมชนแห่งนี้ รวมทั้งงานในชุมชนด้วย เพราะเหมือนมีอิทธิพลมืดอยู่ทุกที่ นอกจากนี้ วิถีการดำเนินชีวิต และ วัฒนธรรมท้องถิ่น ฯลฯ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าคงจะลำบากหากต้องลงพื้นที่เพื่อทำวิจัย แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ ข้าพเจ้าก็ได้ไปทำงานหรือลงพื้นที่กับมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ในส่วนของวิทยาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้บุคลากรในมหาวิทยาลัยทักษิณสอนและเล่าเรื่องการทำงานในชุมชนให้ฟัง ข้าพเจ้าก็พยายามร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเขามากมายจนนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจชีวิตและโลกมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาข้าพเจ้าก็ลงทำงานวิจัยเป็นของตัวเองซึ่งในระยะแรกไม่ทราบว่าจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้เขียนโครงการ ขอทุนอะไรทั้งสิ้น ใช้เงินเอง ไปอบรมเอง หาทางไปบ้านผู้ป่วยเองจนไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เทือกเขาบรรทัด ข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่ว่าจะมีอิทธิพลอะไรอยู่รอบตัวหากเราเป็นผู้ให้และหวังดี ให้ความเคารพในความมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของเขาเราก็ไม่ต้องกลัวอะไร เหมือนที่เขาว่า “คนดีผีคุ้ม”
วันหนึ่งข้าพเจ้าก็ได้รู้จักหมอนวดพื้นบ้าน เป็นไทยพุทธ ท่านเป็นคนเก่งมาก มีแนวคิดดี สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เยอะมาก มีคนไปเรียนรู้มากมาย ซึ่งท่านใช้พื้นที่บริเวณบ้านเป็นที่สอน และมีการฝึกปฏิบัติที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง อีกทั้งนำไปประกอบอาชีพได้จริงด้วย
ต่อมาข้าพเจ้าได้รู้จักหมอยาพื้นบ้าน หรือท่านแทนตัวว่าปราชญ์ชาวบ้าน เป็นไทยมุสลิม เป็นคนเก่งเหมือนกัน มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เสียสละ ท่านอยู่แบบเรียบง่าย บริเวณบ้านท่านมีสมุนไพรมากมาย มีขนำไว้สอนหนังสือให้กับผู้ไปเรียนรู้ และมีการสอบสมุนไพรแต่ละชนิดโดยดูจากของจริง และท่านได้พาไปดูสมุนไพรในป่าจริง (เทือกเขาบรรทัด)
ท่านทั้งสองมีซีดี และหนังสือถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดของท่านออกมา ทำงานสัมพันธ์กัน หรือเชื่อมโยงกันตลอดเวลา อีกทั้งยังทำงานระดับประเทศด้วยกันทั้งคู่ ข้าพเจ้าเห็นท่านเป็นผู้ให้ เห็นถึงความอดทน เห็นความหมายของคำว่าครู ท่านค่อย ๆ ให้ทานความรู้ข้าพเจ้าเมื่อเจอกันครั้งละเล็กครั้งละน้อยค่อยเป็นค่อยไป ท่านทั้งสองเล่าชีวิตท่านให้ฟัง และให้พิจารณาเองว่าท่านเป็นอย่างไร
จากการเล่าเรื่องสั้น ๆ จะเห็นได้ว่าในชุมชนก็สามารถเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ หรือ เรียกให้ดีว่าชุมชนแห่งการเรียนรู้ได้เหมือนกัน เนื่องจากมีการจัดการความรู้ในชุมชน ซึ่งข้าพเจ้าหมายถึง มีการรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในชุมชน ที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งในตัวบุคคลหรือเอกสารต่าง ๆ มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งมีการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและสามารถดูแลชุมชนอันเองได้
สวัสดีครับ
แวะมาเยี่ยม ชุมชนเรียนรู้ ชุมชนดูแล ชุมชนแก้ไข ชุมชนพัฒนา ชุมชนเป็นสุข ครับ
สวัสดีครับ คุณ กบนอกพรก
จริงๆแล้ว ชุมชนชายเขาบรรทัด ตั้งแต่ป่าบอนถึงป่ายอม เป็นชุมชนเข้มแข็ง ตัวจริง ชัดเจน และบางชุมชนเขา
ไม่ต้องรอ งปม. เขามีทุนทางสังคมสูง และเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพี่เลี้ยง ให้กันมาตลอด เช่น โรงเรียนร้อยหวัน พันป่า / ชุมชน โงกน้ำ /ชุมชนสวัสดิการบ้านนา / เครือข่ายชุมชนสัมพันธ์ / สินแพรทอง/ กงหรา ชมรมคนรักเขาบรรทัด/ตะโหมด มีกลุ่สมุนไพรหลายกลุ่ม/ มาถึงป่าบอน ทุ่งนารี กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์/กลุ่มรักซาไก/ กลุ่มรักไก่เถื่อน ...นี้ว่ากันเฉพาะต้นน้ำ ยังกลางน้ำ และปลายน้ำลงทะเลสาบ ยังมีหลายที่น่าทำการวิจัยในเรื่องสุขภาพชุมชน ถ้าต้องการ ข้อมูลพื้นที่ ที่ผู้เฒ่าพอมีอยู่บ้าง ก็ยินดีมากครับ ต่อที่โรงพยาบาลปากพะยูนครับ ด้วยความยินดี....