เนื้อหาสาระและประสบการณ์ที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนในระดับปริญญาตรีประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวิชาปรับวิธีคิด(กระบวนทัศน์) กลุ่มวิชาจัดการชีวิต และกลุ่มวิชาที่เกี่ยวกับการจัดการชุมชนในด้านต่างๆ ตามสาขาวิชาที่ผู้เรียนสนใจ
วิชาในกลุ่มแรกและกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มวิชาว่าด้วย ความเป็นมนุษย์ ซึ่งสถาบันนำมาแทนกลุ่มวิชาที่ในระบบการศึกษาทั่วไปเรียกว่า วิชาศึกษาทั่วไป ส่วนวิชาในกลุ่มที่สามเป็นวิชาว่าด้วยการจัดการในแต่ละสาขา ซึ่งในขณะนี้มีสาขาการพัฒนาท้องถิ่น(โดยบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขา) สาขาสุขภาพชุมชน และสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อชุมชน
ระดับปริญญาโท มีสาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น และสาขาสุขภาพชุมชน วิชาที่เรียนมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อเข้าใจท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งเข้าใจบริบทและปฏิสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นกับสังคมใหญ่ เข้าใจหลักวิชาการที่ว่าด้วยการพัฒนาท้องถิ่น ตั้งแต่การวางแผนในภาพรวม รวมทั้งเครื่องมือในการสำรวจ การวิจัยเพื่อให้เข้าถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของท้องถิ่น ไปจนถึงการนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์สังเคราะห์จนเกิดแผนพัฒนาท้องถิ่นที่สอดคล้องกับความเป็นจริง การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ ก่อให้เกิดผลการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพด้วยกลยุทธ์ที่ดีและมีธรรมาภิบาล โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอน ซึ่งวัดได้จากขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองของชุมชนท้องถิ่น การเชื่อมประสานพลังของประชาสังคมให้ร่วมมือกันทำงานแบบภาคีที่เท่าเทียม การสร้างเครือข่ายชุมชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดขบวนการภาคประชาชนที่เข้มแข็ง เป็นรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน
วิชาที่เรียนในระดับปริญญาโทได้แก่ วิชากระบวนทัศน์การพัฒนา วิชาบูรณาการทฤษฎีความรู้และวิธีวิจัย วิชายุทธศาสตร์ทุน วิชายุทธศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม วิชายุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น วิชายุทธศาสตร์วิสาหกิจชุมชน วิชายุทธศาสตร์การเกษตร วิชายุทธศาสตร์สุขภาพ วิชาการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการกินเป็นอยู่เป็น วิชาการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการจัดการอาชีพ รายได้ หนี้สินและสวัสดิการ วิชาการสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตวิญญาณ วิชาระบบการดูแลสุขภาพในชุมชน วิชายุทธศาสตร์การพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพชุมชน วิชาการสัมมนาหัวข้อเฉพาะ การฝึกปฏิบัติการภาคสนาม การศึกษาอิสระ และการทำวิทยานิพนธ์
มาเยี่ยมเพื่อนครับ สบายดีนะครับ
สบายดี ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ที่มีโครงการดีๆเกิดขึ้น
ในทิศทางของปูทะเลย์มหาวิชชาลัย
วานนี้ ได้ติดตามพระอาจารย์ไปที่รัฐสภา
ในฐานะลูกศิษย์ขอนำจึงขอนำเรื่องราวการทำงานด้านการศึกษาของพระอาจารย์มาฝาก
ฝ่าวิกฤติการศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ (33378.59 Kb)
การศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ เป็นตัวเร่งให้สังคมไทยล่มสลายเร็วขึ้น
เราจะฝ่าวิกฤติเหล่านี้ไปได้อย่างไร หากไม่แก้ที่ต้นเหตุคือการศึกษาของคนในชาติ ?
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเห็นผลได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หรือตามนโยบายด่วนได้ของฝ่ายการเมือง
แต่ต้องใช้เวลาเป็น10ปี เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ให้หลุดพ้นจากภาวะของสังคมโมหะภูมิ และแน่นอนว่า ต้องใช้เลือดใหม่ล้างเลือดเก่า!!
หาก ครูและนักการศึกษา โชคดีที่ได้มีโอกาสฟัง ไฟล์นี้จบ ตลอด 2 ชั่วโมง ท่านจะเห็นว่า ภาพรวมของสังคมเราอยู่ในภาวะโมหะภูมิและวิกฤติเช่นไร?
..........................................................................................................................
พระ ราชาตรัสว่า "..เหตุการณ์ในวันนี้แสดงความจำเป็น นับแต่อุปราช จนถึงคนรักษาช้างรักษาม้า และนับจากคนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้ทางวิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรดา พวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนี้ชอบผลมะม่วง แต่ก็ทำลายต้นมะม่วง " ความตอนหนึ่งจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ...........................................................................................................................
ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย คือทางออก ทางรอดของประเทศชาติ ....ที่พระองค์ทรงชี้ทางด้วยปริศนาธรรม ในพระมหาชนก