ท่ามกลางความปล่อยปละละเลย เมินเฉยไม่ให้ความสนใจ ไม่มีความภาคภูมิใจในตนเองและท้องถิ่นของตน เกิดความอับอายที่จะต้องปฏิบัติตนตามแบบโบราณ ขาดผู้นำที่จะเป็นผู้เสียสละในการนำทางไปสู่ความร่วมมือในการสร้างปัญญา ชุมชนหรือสังคมที่อาศัยอยู่อ่อนแอ ห่างเหินการจัดกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม และยังมีอีกหลาย ๆ ประเด็นปัญหาที่จะนำไปสู่ความล่มสลาย และความไม่สนใจในภูมิปัญญา
ในมุมมองที่ดูจะมีความเลือนรางไปจนถึงมืดมิด ยังมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลทีวี ของ IPM ช่องโชว์ ได้เก็บภาพศิลปวัฒนธรรมทั่วเมืองไทย มีทั้งของเก่าแก่และร่วมยุค ผูกสมัยกับรุ่นใหม่ ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้เรื่องราว ความเป็นมา เป็นไปในแง่มุมต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เรียกว่า สื่อสารมวลชนกลุ่มนี้พุ่งเป้าไปที่เอกลักษณ์ของชาติอย่างแท้จริง มีคำกล่าวของหัวหน้างานช่างเทคนิคที่ทำหน้าที่บันทึกรายการโทรทัศน์กล่าวว่า รายการศิลปะ วัฒนธรรม การแสดงทั่วประเทศไทย มีที่ไหนพวกเขาจะตามไปเก็บข้อมูลเอาไปนำเสนอโดยไม่คำนึงถึงคนดูว่า จะให้ความสนใจมากหรือน้อย เพราะที่นี่คือ แหล่งเรียนรู้ ที่นำเอาสิ่งดี ๆ ที่เคยเป็นรากเหง้าของความเจริญรุ่งเรืองมานำเสนอ และเก็บสาระเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไปอีกยาวนาน เช่น พิธีทำขวัญนาค
พิธีทำขวัญนาคในยุคปัจจุบัน การนำเสนอเนื้อหาสาระ ถ้าเทียบกับในอดีตจะมีข้อแตกต่างกันบ้างซึ่งพิธีทำขวัญนาคในอดีตไม่มีการกำหนดเวลา หมอขวัญจะเลิก จะเสร็จพิธีเมื่อไรก็ได้ ในการนำเสนอเนื้อหาสาระจึงมีความละเอียดครบถ้วนมากกว่า แต่มาในยุคปัจจุบัน จะต้องแบ่งเวลาไปให้กิจกรรมที่สำคัญอื่น ๆ ด้วย จึงต้องมีการตัดทอนในบางเรื่องออกไป แต่ในส่วนที่เป็นเรื่องหลัก ๆ ยังคงมีนำเสนออยู่
ความเปลี่ยนแปลงในพิธีทำขวัญนาค
หมอเก่า ๆ อย่างคุณตาวัน มีชนะ ครูผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ในการทำขวัญนาคให้ผม จะบอกกับผมเสมอว่า สิ่งที่ท่านสอน ท่านได้เรียนรู้มาจากครูของท่านอีกต่อหนึ่ง ท่านให้ผมนึกอยู่เสนอว่า ความรู้ที่เราได้รับมานี้ มีที่มาซึ่งก็อาจจะไม่เหมือนกับครูท่านอื่น ๆ โดยเฉพาะบทบาทลีลา คาถาอาคม การเสริมแรง แต่ในส่วนของเค้าโครงเนื้อหาเรื่องราวจะคล้าย ๆ กันด้วยเป้าหมายคือ เพื่อแนะนำ อบรม สั่งสอนนาคโดยผู้สูงอายุเป็นผู้ประกอบพิธี ช่วยให้ผู้ที่จะอุปสมบทได้ล่วงรู้พระคุณของบิดา มารดาผู้ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมา ชาวพุทธทั้งหลายต่างก็มีความเชื่อในเรื่องของการอุปสมบทมายาวนานว่า ชายที่มีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ จะต้องบวชเรียนเป็นภิกษุสงฆ์เพื่อสืบต่อพระศาสนาและทดแทนคุณพ่อแม่ แต่วัฒนธรรมหลาย ๆ อย่างรวมทั้งพิธีกรรมได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา พิธีทำขวัญนาคก็เป็นเรื่องหนึ่งที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง ที่เห็นได้ชัดเจน มีหลายประเด็น ได้แก่
1. หลักบายศรี แต่เดิมที่ผมได้เห็นมาก่อนที่ผมจะบวช บายศรีที่ใช้ในพิธีทำขวัญนาค ทำด้วยโลหะที่ม้วนตัวได้ ลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ม้วนเป็นแว่นบายศรีคว่ำหงาย จัดเป็นชั้น ๆ ส่วนมากใช้ 3 ชั้น 5 ชั้น มีหลักตรงกลางทำด้วยไม้ บายศรีชั้นล่างจะมีขนาดใหญ่แล้วค่อย ๆ ลดขนาดลงจนชั้นสูงสุดมีขนาดเล็ก ใช้ผ้าสีห่อหุ้มพันวนขวาจนรอบแล้วคาดด้วยพวงเงินพวงทอง แต่ในปัจจุบันหลักบายศรีมีความสวยงามมาก ประดิษฐ์ด้วยดอกไม้ใบตองสด ๆ ทั้งหมด บางทีบนยอดมีพญานาคพันรอบหลักบายศรีขึ้นไปด้วย เมื่อบายศรีมีความสวยงาม จึงไม่ได้ใช้ผ้าสีห่อหุ้มแบบแต่ก่อน
2. แต่เดิมก่อนที่จะทำขวัญนาค เจ้าภาพ (เจ้าของบ้าน) จะต้องนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีสวดพระพุทธมนต์ก่อน เมื่อพระสงฆ์สวดจบแล้วจึงจะเข้าสู่พิธีทำขวัญนาค มาในยุคปัจจุบัน พิธีการนี้แยกจากกันเป็นคนละส่วน ถ้าบ้านใดนิมนต์พระสงฆ์ ก็จะมีเทศน์สอนนาคไปเลย ส่วนบ้านใดที่ยังยึดแบบโบราณ (ความจริงก็เป็นแบบโบราณทั้ง 2 อย่าง) ก็เชิญหมอขวัญมาทำขวัญนาค จึงทำให้คนรุ่นหลังๆ ได้เห็นพิธีการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
3. ถ้อยทำนองในการร้องทำขวัญนาค แต่เดิมหมอทำขวัญจะร้องเป็นทำนองธรรมวัตร (ทำนองเสนาะ) เป็นส่วนใหญ่ มีร้องทำนองแหล่ (พรรณนา) และเพลงไทยเดิมบ้างก็เฉพาะในตอนสำคัญ แต่การร้องทำขวัญนาคในยุคปัจจุบัน หมอทำขวัญนำเอาท่วงทำนองสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ผสมผสานกับของเดิม รวมทั้งลูกเล่นลูกล้อมาเพิ่มความสนุกสนานเข้าไปด้วย ทั้งเพลงไทยสากล ว่ากลอนสด รานิเกลิง (ลิเก) เพลงลูกทุ่ง มีการร้องรับส่งเพลงเพื่อบรรยายและเล่าเรื่องตามเนื้อหามากขึ้น ตรงนี้กระมังทีทำให้เนื้อหาบางส่วนต้องตัดออกไปบ้าง แต่ก็ได้ความสนุกสนาน ได้รดชาด ได้อารมณ์ที่หลากหลายมาแทนที่
4. เวลาที่ใช้ในการทำขวัญนาค แต่ก่อนหมอขวัญจะต้องร้องบอกเนื้อหาเรื่องราวจนครบถ้อยกระบวนความ ได้แก่
- นะโมแปล, ชุมนุมเทวดา (แปลหรือไม่แปล)
- บทเคารพคุณพระศาสดา
- บทกำเนิดของคน (ปฏิสนธิ)
- บทนามนาค (ที่มาของคำว่านาค)
- บทสำเภาทอง, โล้สำเภา, แหล่แยกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน
- บทสอนนาค, แนะนำข้อคิดที่ควรปฏิบัติตนเมื่อบวชเป็นพระสงฆ์
- บทเรียกขวัญ, เชิญขวัญนาค
- พิธีเวียนเทียน เบิกบายศรี
ในวันนี้หรือยุคนี้ หากจะนำเอาบทสอนทั้งหมดมาว่าในพิธีทำขวัญนาคซึ่งคงจะต้องใช้เวลา ประมาณ 3 ชั่วโมงขึ้นไป ในเมื่อเวลามีเพียง 2 ชั่วโมงเศษ ประกอบกับท่านเจ้าภาพอยากให้เอ่ยชื่อผู้ที่ใกล้ชิดสนิทกันที่มาร่วมในงานด้วย จึงเป็นที่มาของการร้องนอก แยกบทร้องออกไปจากเนื้อหาในพิธี แต่ก็ยังมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ด้วยเจตนาของผู้หา จ้างวานเป็นสำคัญ
5. การเอ่ยชื่อเรียกเงินรางวัล ผู้ฟังเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม ตรงนี้จะต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ในสมัยก่อนไม่มี เจ้าภาพติดต่อหมอขวัญไปทำขวัญนาคก็ว่ากันแต่เนื้อ ๆ เน้นการสอน อบรมให้นาคได้รับรู้เป็นหลัก มาในยุคปัจจุบัน เมื่อเพลงลูกทุ่งเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิต หมอขวัญที่ร้องเพลงได้ดี หรือเสียงดี ๆ ร้องเพลงลูกทุ่งได้ จนถึงเป็นนักร้องลูกทุ่ง แล้วหันมาเป็นผู้ประกอบพิธีทำขวัญนาคจึงถูกขอให้ร้องเพลง ขอให้ร้องแหล่ ขอให้ร้องกลอนสดลิเกเอ่ยชื่อญาติพี่น้องทีมาร่วมงาน เป็นการสร้างสีสันและให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ ในส่วนตัวของผม ในกรณีนี้จะต้องมีผู้มาขอให้ผมร้องจึงจะแสดงความสามารถให้ เพราะผมร้องด้นกลอนสด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการเตรียมเนื้อร้องเอาไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นทำนองแหล่ เสภา ลิเก ฯลฯ ผมจัดให้ตามความต้องการของผู้หา จ้างวาน มิได้ร้องเล่นขอเงินซึ่งไม่ถูกต้องอยู่แล้ว บางท่านไม่เข้าใจ หรืออาจจะมีหมอบางท่านมีวิธีการอื่น ๆ ซึ่งผมไม่อาจที่จะกล่าวในที่นี้ได้
ยังมีข้อแตกต่างในประเด็นอื่น ๆ ของการทำขวัญนาคในปัจจุบัน ที่ผิดไปจากในอดีตอีก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลของค่านิยมที่เกิดจากความพึงพอใจและไม่ทำให้พิธีกรรมเสียหายหรือไปบดบังความสำคัญ ผมจะได้ยกเอามาชี้ให้เห็นในโอกาสต่อ ๆ ไป
ชำเลือง มณีวงษ์ เข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ รางวัลผู้สร้างสรรค์คุณประโยชน์
ต่อประชาชนโดยส่วนรวมอย่างดียิ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี ปี 2552
ของเป็นกํารังใจให้อาจาร์นะครับ อาจารย์เก่งมากครับเพลงอีแซวก็เล่นได้ทําขวัญนาคก็ได้อาจารย์เก่งมากครับ ของเป็นกํารังใจให้ครับ สู้ๆๆ
น่าชื่นชมครูมาก ๆ เลยค่ะ หนูเองมีความสนใจและชอบฟังการแหล่ทำขวัญนาค และเพลงแหล่ต่างๆ ค่ะ อยากจะขับร้องเป็นบ้าง อยากจะเป็นลูกศิษย์ของครูบ้างจังค่ะ
เรียน อาจารย์ ชำเลือง มณีวงษ์ ผมเองโจม ได้อ่านและศึกษาข้อมูลต่างๆในการทำขวัญนาคของอาจารย์ และส่วนตัว ผมเองรู้สึกรักและชอบมากกับการทำขวัญนาคแบบโบราณและสมัยใหม่มาประยุครวมกัน (ชอบฟังเพลงแหล่,ลิเก,อีแซวมากๆครับ)และก็คิดว่าสักวันถ้าผมบวชอยากจะจัดงานการทำขวัญนาคแบบโบราณ และบัดนี้มันก็ใกล้เป็นความจริงแล้วคับซึ่งผมรอเวลามานานถึง33ปี (ด้วยทางด้านการเงินและการงานที่ยังไม่พร้อม) และอีกไม่นานผมเองก็คงได้รับเกียรติจากอาจารย์มาประกอบพิธีทำขวัญนาคให้ ในวันที่ 9 ธค 52 ผมเองขอขอบพระคุณร่วงหน้าอาจารย์เป็นอย่างสูงก่อนนะครับ (รายละเอียดของงานต่างๆผมจะจัดส่งให้ภายหลังครับ)
สวัสดี ครับ สขภณ เอี่ยมใหญ่
อาจาร์ครับจําผมได้หรื่อปล่าวใครเอ้ย ผมหาเว็ปที่อาจารย์บอกผมได้แล้ครับ
สวัสดีครับ อาจารย์...ผทขอชื่นชมครับ ที่อาจารย์ ยังรักษษขนบธรรมเนียมประเพณีดีงามที่กำลังจะสูญหายไว้
จริง ๆ แล้ว ผมชอบในเรื่องนี้ มาก ๆ อยากศึกษาเสียด้วยซ้ำ รบกวนถามครับว่า ผมจะไปเรียนทำขวัญได้ที่ไหนครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้ อาจารย์ มีความสุข และ สุขภาพแข็งแรงฮะ...
ตอบความเห็นที่ 7 น้องพล
ตอบความเห็นที่ 8 คุณวิวัฒน์
ผมมีโอกาสรู้จักอาจารย์ทางเทคโนโลยีสมัยใหม่(INTERNET) ขอชื่นชมและเชียร์อาจารย์ให้มีกำลังใจถ่ายทอดวัฒนธรรมดีๆที่บรรพบุรุษตกทอดไว้ให้และส่งต่อลูกหลานรุ่นต่อไป
ขออาราธนาส่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้อาจารย์มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงตลอดไป
ตอบความเห็นที่ 11 คุณศุภณัฐ ดิสวัสดิ์
อยากทราบว่าจะติดต่ออาจารย์ได้อย่างไร อยากจะติดต่ออาจารย์ให้มาทำขวัญนาคให้ลูก ชายด้วยลูกชายจะบวช เดือน เม.ย. 54 ค่ะ
ตอบความเห็นที่ 13 คุณวรนัน (WORANAN)
หวัดดีคับ สุพรรณ น้ำท่วมหรือเปล่าคับ
ความจริงคุณก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถ ถ้าคุณไม่นำเสนอหัวข้อ ดารา นักร้อง หมอขวัญหนุ่มสาว พระนักเทศน์ ที่หันมายึดอาชีพ ทำขวัญก็เป็นการดี คุณก็นำเสนอผลงานของคุณไป การที่เจ้าภาพจะเชิญหมอขวัญมาแล้วเชิญร้องเพลงก็เป็นความสามารถอีกด้านหนึ่ง คุณอย่ามองเชิงลบ เจ้าภาพไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น ส่วนนางรำตามงานทำขวัญ ซึ่งคุณไปทำขวัญก็มีมาเห็นออกบ่อยๆ และส่วนมากก็มาจาก สุพรรณบุรีซึ่งก็เป็นต้นแบบ