ท.ณเมืองกาฬ
นาย ทรงศักดิ์ พิราบขาว ภูเก้าแก้ว

4.ยายทองโคราช


นักสู้ชีวิต

เกาะติดชีวิต ยายทอง นักสู้ชีวิต ขายเศษไม้มัดละบาท

     เกาะติดชีวิต ยายทอง นักสู้ชีวิต ขายเศษไม้มัดละบาท

  

 



 "สับเศษไม้ขายมัดละบาท" ยาย 85 ป่วยหนักสู้ชีวิตลำพัง (คมชัดลึก)

          เปิดชีวิต "ยายทองโคราช" หญิงชราวัย 85 ปี คนสู้ชีวิต ขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาทหาเลี้ยงชีพ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมชัดเกิดป่วยหนัก ตาเป็นต้อกระจกเริ่มมองไม่เห็น หูตึงไม่ได้ยิน คนใจบุญพาส่งหมอผ่าต้อกระจกให้ อาการดีขึ้นกลับพักฟื้นที่บ้าน ยังต้องฝืนลุกนั่งผ่าไม้มัดไว้เตรียมไปขายที่มุมตึกข้างถนน เผยชีวิตรันทดไม่มีญาติลูกหลานทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนหายเกลี้ยง หมดโอกาสรับสิทธิสงเคราะห์ทุกอย่าง ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ

          ชีวิตรันทดของคุณยายวัย 85 ปีรายนี้ ที่ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่สารถีสามล้อก็คุ้นชินตากับภาพของ "ยายขายฟืน" หรือ "ยายขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาท" หญิงชราที่นั่งกับพื้น หน้าร้านทองวัชร หัวมุมตลาดกิมเฮง ริมถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ด้านหน้าปูผ้าพลาสติกหรือกระดาษวางขายเศษไม้ที่มัดด้วยหนังยางเป็นกำ กำละ 1 บาท เพื่อหาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ

          แม้ว่าอากาศจะร้อน หนาวหรือฝนตก หากฝืนสังขารมาได้ หญิงชราผู้นี้ก็จะมานั่งขายเศษไม้ที่ดูเหมือนไม่มีค่าอะไร แต่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของยายในตอนนี้ เพราะนั่นหมายถึงค่าอาหาร น้ำดื่ม และค่ารถที่ต้องจ่ายในแต่ละวัน แต่ระยะหลายวันมานี้ กลับไม่มีใครพบเห็นหญิงชราขายเศษไม้หัวมุมตลาด จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า "ยายหายไปไหน" ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ไปสอบถามสารถีสามล้อที่บริเวณนั้น ได้รับคำตอบว่า "ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว" สอบถามต่อจนรู้ว่ายายอาศัยอยู่ที่ชุมชนหนองโสน ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยายมานั่งขายเศษไม้ประมาณ 5 กิโลเมตร
เมื่อไปถึงชุมชนหนองโสน สอบถามชาวบ้านถึงยายขายเศษไม้ ชาวบ้านต่างรู้จักกันดี และพาไปที่บ้านเลขที่ 342 ในชุมชนหนองโสน พบ คุณยายทอง หรือ น.ส.ทอง ขอปล้องกลาง อายุ 85 ปี สวมเสื้อคอกระเช้าสีแดง นุ่งผ้าถุงกลางเก่ากลางใหม่ ที่ตาด้านซ้ายถูกปิด กำลังสาละวนกับตัดเศษไม้มัดเป็นกำเพื่อนำไปขาย

         จากสภาพบ้านที่ดูเก่าทรุดโทรม หลังคามุงสังกะสี ฝาบ้านเป็นสังกะสีเก่าปิดทึบทั้งสี่ด้าน ไม่มีหน้าต่าง ลักษณะเป็นกระท่อมเล็กๆ ปูพื้นไม้ ภายในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ไม่มีแม้น้ำประปา ไฟฟ้า มีเพียงเทียนไข 1 เล่ม ตั้งอยู่เพื่อจุดให้แสงสว่างยามลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงค่ำคืน ถ้วยชามที่มีเศษอาหารแห้งกรัง ในหม้อไหไม่มีข้าวสารเหลืออยู่ น้ำก็มีเพียงถังเดียวเท่านั้น ส่วนที่นอนมีเพียงมุ้งสีชมพู ผ้าห่ม หมอน 1 ใบ ไม่มีแม้ที่นอนรองหลัง ข้างบ้านมีแผ่นไม้กระดานกองอยู่ประมาณ 20 แผ่น ซึ่งยายทองจะนำไม้เหล่านี้มาผ่าให้เป็นเศษไม้เอาไปมัดขาย

          ยายทอง ปัจจุบันหูตึงมาก เวลาสื่อสารต้องตะโกนเสียงดังๆ และทำท่าทางประกอบจึงจะพูดกันรู้เรื่อง โดยยายทองบอกว่า ที่ไม่ได้ออกไปขายฟืนเพราะไปผ่าตัดต้อกระจกตาซ้าย ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีผู้ใจบุญแถวบ้านพาไป และหมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 5 วัน

          ยายทอง เล่าว่า ไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว มีเพียงลูกเลี้ยงผู้ชาย 1 คนเท่านั้น แต่ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 9 เดือนก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทำงานตัดฟืนและรับจ้างทั่วไป กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน อาชีพสุดท้ายคือทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เมื่อร้านอาหารที่ทำอยู่ปิดลงก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะแก่มากแล้ว และไม่มีความรู้อะไร จึงไปยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่ทำไม่นานก็เลิกเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จากนั้นจึงหันมาเหลาเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟขายเลี้ยงปากท้องตัวเอง 
แต่ละวันต้องหาเก็บเศษไม้เก่าตามสถานที่ต่างๆ นำมาผ่าเป็นไม้ชิ้นเล็ก ตัดแบ่งให้เป็นเศษไม้ขนาดความยาวประมาณ 1 คืบ ต่อ 1 ชิ้น ให้ได้ 8-10 อัน จึงมัดรวมกันเป็นมัด แล้วนำมาขายในราคามัดละ 1 บาท ซึ่งต้องทำเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟให้ได้วันละประมาณ 50-100 มัด จากนั้นนำไปวางขายริมฟุตบาท หน้าร้านทองวัชร หากขายหมดจะมีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท แต่วันไหนมีผู้ใจบุญมาซื้อแล้วไม่เอาเงินทอน ก็ถือว่าโชคดี ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน นอกจากมีค่าข้าวสาร อาหารและน้ำดื่มแล้ว ยังต้องจ่ายค่ารถเดินทางไปกลับในการขายเศษไม้ที่ตลาด ประมาณวันละ 40 บาทอีกด้วย

          "ยายเป็นคนไม่มีญาติพี่น้องหรือลูกหลาน จึงต้องต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง และด้วยสภาพร่างกายและอายุที่มากขึ้น ประกอบกับเพิ่งไปผ่าตัดต้อกระจกมองไม่ถนัด หูก็ดึง เลยไม่ได้ออกไปขายเศษไม้มา 3 วันแล้ว ทำให้ไม่มีรายได้ อาหารที่พอมีเหลืออยู่ก็หมดแล้ว ถ้าหมอให้ไปทำงานได้เมื่อไหร่ จะรีบออกไปขายเศษไม้หาเงินมาซื้อข้าวกิน" ยายทอง กล่าว

          ยายทอง เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ส่วนบ้านปัจจุบันก็ขออาศัยจากผู้ใจบุญอยู่ ทำให้หลักฐานเอกสารต่างๆ ทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หายไปหมด ไม่สามารถดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์อะไรได้เลย ทั้งการทำบัตร 30 บาท รักษาทุกโรค รวมทั้งการขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ก็ขอไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานไปยื่นขอรับสิทธิประโยชน์
 "ที่ผ่านมารู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่ก็ต้องสู้ต่อและอดทนจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่อยากได้ตอนนี้ เป็นเพียงอาหารและน้ำประทังชีวิตเท่านั้นไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย เพราะไม่รู้จะร่ำรวยไปทำไม ขอเพียงมีชีวิตรอดไปวันๆ ก็พอ แต่ยายยึดคติว่า ชีวิตทุกคน ถึงแม้จะยากจนหรือมั่งมีแค่ไหน ก็ต้องสู้ จะมานั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้" ยายทอง กล่าว


          สำหรับท่านใดที่ต้องการสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ และต้องการติดต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือคุณยายทอง สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา หมายเลขโทศัพท์ 044- 243-000 หรือ ที่เว็บไซต์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นครราชสีมา

คำสำคัญ (Tags): #ความจน
หมายเลขบันทึก: 295416เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2009 09:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2012 14:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ปัทมา ไตรจักรปราณี

ทุกวันนี้ยายยังนั่งขายฟืนที่ตลาดรึเปล่าคะ อยากจะไปทำทานในวันเกิดที่จะถึง18ตุลาคมนี้แล้วคะต้องการคำตอบด่วนของใช้ยายขาดอะไรบ้าง ตั้งใจจะทำทานเป็นอย่างยิ่งช่วยให้คำตอบด่วนคะใกล้ถึงวันแล้ว

  • ยังขายอยู่ครับ
  • ขอบคุณครับคุณปัทมา ไตรจักรปราณี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท