จากสภาพบ้านที่ดูเก่าทรุดโทรม หลังคามุงสังกะสี ฝาบ้านเป็นสังกะสีเก่าปิดทึบทั้งสี่ด้าน ไม่มีหน้าต่าง ลักษณะเป็นกระท่อมเล็กๆ ปูพื้นไม้ ภายในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ไม่มีแม้น้ำประปา ไฟฟ้า มีเพียงเทียนไข 1 เล่ม ตั้งอยู่เพื่อจุดให้แสงสว่างยามลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงค่ำคืน ถ้วยชามที่มีเศษอาหารแห้งกรัง ในหม้อไหไม่มีข้าวสารเหลืออยู่ น้ำก็มีเพียงถังเดียวเท่านั้น ส่วนที่นอนมีเพียงมุ้งสีชมพู ผ้าห่ม หมอน 1 ใบ ไม่มีแม้ที่นอนรองหลัง ข้างบ้านมีแผ่นไม้กระดานกองอยู่ประมาณ 20 แผ่น ซึ่งยายทองจะนำไม้เหล่านี้มาผ่าให้เป็นเศษไม้เอาไปมัดขาย
ยายทอง ปัจจุบันหูตึงมาก เวลาสื่อสารต้องตะโกนเสียงดังๆ และทำท่าทางประกอบจึงจะพูดกันรู้เรื่อง โดยยายทองบอกว่า ที่ไม่ได้ออกไปขายฟืนเพราะไปผ่าตัดต้อกระจกตาซ้าย ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีผู้ใจบุญแถวบ้านพาไป และหมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 5 วัน
ยายทอง เล่าว่า ไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว มีเพียงลูกเลี้ยงผู้ชาย 1 คนเท่านั้น แต่ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 9 เดือนก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทำงานตัดฟืนและรับจ้างทั่วไป กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน อาชีพสุดท้ายคือทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เมื่อร้านอาหารที่ทำอยู่ปิดลงก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะแก่มากแล้ว และไม่มีความรู้อะไร จึงไปยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่ทำไม่นานก็เลิกเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จากนั้นจึงหันมาเหลาเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟขายเลี้ยงปากท้องตัวเอง
แต่ละวันต้องหาเก็บเศษไม้เก่าตามสถานที่ต่างๆ นำมาผ่าเป็นไม้ชิ้นเล็ก ตัดแบ่งให้เป็นเศษไม้ขนาดความยาวประมาณ 1 คืบ ต่อ 1 ชิ้น ให้ได้ 8-10 อัน จึงมัดรวมกันเป็นมัด แล้วนำมาขายในราคามัดละ 1 บาท ซึ่งต้องทำเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟให้ได้วันละประมาณ 50-100 มัด จากนั้นนำไปวางขายริมฟุตบาท หน้าร้านทองวัชร หากขายหมดจะมีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท แต่วันไหนมีผู้ใจบุญมาซื้อแล้วไม่เอาเงินทอน ก็ถือว่าโชคดี ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน นอกจากมีค่าข้าวสาร อาหารและน้ำดื่มแล้ว ยังต้องจ่ายค่ารถเดินทางไปกลับในการขายเศษไม้ที่ตลาด ประมาณวันละ 40 บาทอีกด้วย
"ยายเป็นคนไม่มีญาติพี่น้องหรือลูกหลาน จึงต้องต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง และด้วยสภาพร่างกายและอายุที่มากขึ้น ประกอบกับเพิ่งไปผ่าตัดต้อกระจกมองไม่ถนัด หูก็ดึง เลยไม่ได้ออกไปขายเศษไม้มา 3 วันแล้ว ทำให้ไม่มีรายได้ อาหารที่พอมีเหลืออยู่ก็หมดแล้ว ถ้าหมอให้ไปทำงานได้เมื่อไหร่ จะรีบออกไปขายเศษไม้หาเงินมาซื้อข้าวกิน" ยายทอง กล่าว
ยายทอง เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ส่วนบ้านปัจจุบันก็ขออาศัยจากผู้ใจบุญอยู่ ทำให้หลักฐานเอกสารต่างๆ ทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หายไปหมด ไม่สามารถดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์อะไรได้เลย ทั้งการทำบัตร 30 บาท รักษาทุกโรค รวมทั้งการขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ก็ขอไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานไปยื่นขอรับสิทธิประโยชน์
"ที่ผ่านมารู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่ก็ต้องสู้ต่อและอดทนจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่อยากได้ตอนนี้ เป็นเพียงอาหารและน้ำประทังชีวิตเท่านั้นไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย เพราะไม่รู้จะร่ำรวยไปทำไม ขอเพียงมีชีวิตรอดไปวันๆ ก็พอ แต่ยายยึดคติว่า ชีวิตทุกคน ถึงแม้จะยากจนหรือมั่งมีแค่ไหน ก็ต้องสู้ จะมานั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้" ยายทอง กล่าว
สำหรับท่านใดที่ต้องการสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ และต้องการติดต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือคุณยายทอง สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา หมายเลขโทศัพท์ 044- 243-000 หรือ ที่เว็บไซต์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นครราชสีมา
ทุกวันนี้ยายยังนั่งขายฟืนที่ตลาดรึเปล่าคะ อยากจะไปทำทานในวันเกิดที่จะถึง18ตุลาคมนี้แล้วคะต้องการคำตอบด่วนของใช้ยายขาดอะไรบ้าง ตั้งใจจะทำทานเป็นอย่างยิ่งช่วยให้คำตอบด่วนคะใกล้ถึงวันแล้ว