หลังการประชุมคณะกรรมการTM คุณหมอโสภณได้ส่งโครงการที่แก้ไขให้คณะกรรมการดูเป็นเบื้องต้นค่ะ
2-9-52
Dear Sopon,
Thanks for your proactive contribution krub.
Best,
Somsak
Sent via BlackBerry® from AIS
From: Sopon Iamsirithaworn
Date: Sun, 30 Aug 2009 05:45:31 -0700 (PDT)
To: Somsak Akksilp<[email protected]>; Achara<[email protected]>; Kumnuan Ungchusak<[email protected]>; Wantanee<[email protected]>; Teerawit Tangchitpaisarn<[email protected]>; ploygirl fongbeer<[email protected]>
Subject: โครงการสร้างผู้ เชี่ยวชาญ ฉบับแ ก้ไข
เรียน ทุกท่าน
ผมส่งเอกสารโครงการฯที่ปรับแก้ตามที่กรรมการเสนอแนะ
ในการประชุมวันที่ 25 สค มาให้พิจารณาอีกครั้ง
และขอรบกวนทาง กองการเจ้าหน้าที่ หรือ TM
เริ่มเปิดรับสมัครแพทย์และนวก.ที่สนใจโดยเร็ว
หากเสร็จทันได้ตัวผู้เข้าร่วมโครงการฯ ภายในกย.นี้
จะทำให้โครงการเริ่มได้ตามแผนที่กำหนดไว้
ขอบคุณครับ
1.หลักการและเหตุผล
โรคติดต่อและไม่ติดต่อ รวมถึงภัยคุกคามสุขภาพต่างๆที่เกิดขึ้นกับประชาชน จำเป็นต้องมีการควบคุมป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ แพทย์และสมาชิกในทีมมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาสาธารณสุขที่เกิดขึ้นโดยใช้ความรู้และทักษะทางระบาดวิทยาภาคสนามในการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ในการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ เพื่อจะได้นำผลการศึกษาไปใช้ดำเนินการบรรเทาผลกระทบของภัยสุขภาพต่อประชาชน
กรมควบคุมโรค เป็นกรมวิชาการที่ต้องรับผิดชอบภารกิจสำคัญของประเทศ ในการควบคุมป้องกันโรคทั้งโรคติดต่อและไม่ติดต่อ รวมถึงภัยคุกคามสุขภาพต่างๆ เพื่อให้ภารกิจสามารถดำเนินไปด้วยดีอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงมีความจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมป้องกันโรคและภัยสุขภาพทั้งบุคลากรที่เป็นแพทย์และนักวิชาการ จากข้อมูลการสำรวจอัตราการเกษียณอายุข้าราชการสายงานด้านสาธารณสุข พบว่ากรมควบคุมโรคขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและการควบคุมป้องกันโรคมาตลอด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นอุปสรรคการดำเนินงานตามบทบาทภารกิจ และเป็นปัจจัยพื้นฐานของความอ่อนแอในการปฏิบัติภารกิจระยะยาว จึงควรได้มีแนวทางการพัฒนาบุคลากรเพื่อทดแทนการขาดแคลน ให้มีจำนวนที่เพียงพอในอนาคต
เพื่อการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและการควบคุมป้องกันโรคของกรมควบคุมโรค รวมทั้งสามารถบริหารจัดการทีม และร่วมงานกับเครือข่าย โดยใช้ความรู้อย่างมีหลักวิชาผ่านกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และนำวิธีการทางระบาดวิทยามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม นโยบายกรมควบคุมโรค จึงเห็นควรให้สร้างคนรุ่นใหม่ เพื่อให้มีทีมงานที่จะทำงานร่วมกันในอนาคต โดยใช้วิธีการเรียนรู้และแก้ปัญหาจากการปฏิบัติงานจริงด้วยระบบพี่เลี้ยงร่วมกับการพัฒนาความรู้ใหม่ ตามโครงการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและควบคุมป้องกันโรคโดยระบบพี่เลี้ยง ปี 2553
2.วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาและผลิตบุคลากรทางการแพทย์และนักวิชาการของหน่วยงานในสังกัดกรมควบคุมโรค ให้มีความเชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและควบคุมป้องกันโรค
2. เพื่อสร้างผลงานการสอบสวนทางระบาดวิทยา และหรือผลงานจากโครงการป้องกันควบคุมปัญหาสาธารณสุขสำคัญในพื้นที่
3.ผลผลิตและตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ
1.ผลผลิต คือ รายงานผลการศึกษา
2.ตัวชี้วัด คือ จำนวนแพทย์และนักวิชาการที่ผ่านการพัฒนาทักษะด้านระบาดวิทยาและควบคุมป้องกันโรค
3.ประเมินผล รายงานการศึกษา และ ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมและผลงานวิชาการที่เกิดจากการปฏิบัติจริงโดยผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
4.วิธีดำเนินงาน
1. การสรรหา กลุ่มเป้าหมายจำนวน 10 คน
1.1 การรับสมัครแพทย์และนักวิชาการรุ่นใหม่
รับสมัครและจัดเลือกแพทย์และนักวิชาการรุ่นใหม่ กรมควบคุมโรค 10 คน จากทุกหน่วยงานในสำนัก
ส่วนกลาง และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค โดยมีคุณสมบัติ คือ ประสบการณ์ทำงานสาธารณสุข 5-7 ปี มีความพร้อมเข้ารับการอบรมได้เต็มเวลาและได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชา
1.1.1 จะทำการรับสมัครในเดือนกันยายน 2552 พร้อมแนบเอกสารหลักฐานและคำรับรองของหัวหน้าส่วนราชการมายังกองการเจ้าหน้าที่
1.1.2. แจ้งผู้ได้รับการคัดเลือกรายงานตัวที่กองการเจ้าหน้าที่ และเข้ารับการอบรมฯ
2 การสร้างระบบพี่เลี้ยง
2.1ทีมสร้างความเชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและควบคุมป้องกันโรค 5 ทีมๆละ 4 คน ประกอบด้วย
2.1.1 หัวหน้าทีมพี่เลี้ยง 5 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการระดับสูง ด้านโรคเอดส์ วัณโรค โรคติดต่อ
นำโดยแมลง โรคติดต่อทั่วไป โรคไม่ติดต่อและโรคจากการประกอบอาชีพ เป็นต้น
2.1.2 แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการ 5 คน ที่ได้รับการสรรหา
2.1.3 ผู้สมัครเข้ารับการอบรม ได้แก่ แพทย์และนักวิชาการรุ่นใหม่ 10 คน
2.2 พิจารณาโครงการสำคัญที่มีผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการดำเนินการจริงอยู่โดยผู้เข้าอบรมใช้เวลาในการศึกษา 1 ปี เช่น การระบาดของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ กรณีน้ำท่วม การรั่วของสารเคมี อุบัติเหตุขนส่ง การควบคุมป้องกันโรคที่มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนสูงฯลฯ 2.3 การศึกษาปัญหาสาธารณสุขโดยประยุกต์วิธีการทางระบาดวิทยาภาคสนามมีขั้นตอนดังนี้ 1. การบริหารจัดการโครงการ 2.การเก็บและรวบรวมข้อมูล 3.การวิเคราะห์ข้อมูล 4. การเขียนบทคัดย่อ 5. การเขียนรายงานฉบับสมบูรณ์ 6. การนำเสนอผลงาน 7. การเขียนบทความเผยแพร่ 3. การเข้ารับการพัฒนาความรู้ 3.1. การพัฒนาศักยภาพพี่เลี้ยง (Mentor) ในการฝึกสอนให้กับแพทย์และนักวิชาการ 3.2.การให้ความรู้ด้วยการบรรยายความรู้พื้นฐานทางระบาดวิทยา และสาธารณสุข โดยเน้นที่หลักการควบคุมป้องกันโรคให้กับแพทย์และนักวิชาการในโครงการฯ 3.3.ทำโครงการหรือศึกษาทางระบาดวิทยา 1 เรื่อง/คน ตามที่พี่เลี้ยงและผู้บังคับบัญชาเห็นชอบ 3.4.และจัดทำรายงานผลการศึกษาในข้อที่ 3.3 3.5.จัดประชุมวิชาการเชิงปฏิบัติการสำหรับการใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล และการประยุกต์ใช้ทักษะทางระบาดวิทยาเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถในการควบคุมป้องกันโรค หรือร่วมคณะทำงาน 3 ครั้งๆละ 3 วัน ขอบเขตเนื้อหาวิชา 1. ทักษะการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ 2. การใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลทางระบาดวิทยาเพื่อประยุกต์ใช้ในการควบคุมป้องกันโรค เช่น Basic and Intermediate Data Analysis โดยใช้ Epi Info ,GIS ฯลฯ 3. ศึกษาดูงานโครงการความร่วมมือเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาในแถบลุ่มแม่น้ำโขง (MBDS) 4. เข้าร่วมประชุมนานาชาติ (International conference) ในประเทศไทย 5. นำเสนอผลงานระบาดวิทยา/ควบคุมป้องกันโรคในเวทีวิชาการไทย/อังกฤษ 6. เนื้อหาวิชาด้านอื่นที่มีความจำเป็นสำหรับผู้เข้าอบรม วิทยากร เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจาก · อาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ · สำนักระบาดวิทยา และสำนักวิชาการ ในกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข · ศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US CDC) 4. การประเมินผล 4.1.การประเมิน (Performance report) ทุก 4 เดือน ในความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบพี่เลี้ยง 4.2 ผลงานวิชาการ และการนำเสนอผลงาน 4.3 ประเมินผลโดยการสัมภาษณ์ 4.4 การประเมินผลแบบ 360 องศา เพื่อประเมินความสามารถผู้ปฏิบัติงานโดยอาศัยมุมมองของคนรอบข้าง
5 ........
6.งบประมาณ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมาจากงบประมาณ กองการเจ้าหน้าที่ กรมควบคุมโรค จำนวนทั้งสิ้น = 2,657,000 บาท (สองล้านหกแสนห้าหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน) และงบประมาณอีกส่วนหนึ่งในการศึกษา รับการสนับสนุนจากงบหน่วยงานต้นสังกัด เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดประชุมทีมงานในพื้นที่การศึกษา ค่าใช้จ่ายทีมงานในพื้นที่ ค่าตอบแทนวิทยากร ที่ปรึกษา ค่าเดินทางไปราชการของวิทยากร และทีมที่ปรึกษา
ค่าใช้จ่ายงบประมาณกองการเจ้าหน้าที่ = 2,657,000 บาท มีรายละเอียดดังนี้
1.ค่าใช้จ่ายดูงานโครงการความร่วมมือเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง (MBDS) ที่จังหวัดน่าน และแขวงชัยบุรี ประเทศลาว
1.1.ค่าเบี้ยเลี้ยง 210 บาท จำนวน 15 คน 1 ครั้ง 5 วัน = 15,750 บาท
1.2.ค่าที่พัก 800 บาท จำนวน 15 คน 1 ครั้ง 5 วัน = 60,000 บาท
1.3.ค่าพาหนะ 20,000 บาท จำนวน 15 คน 1 ครั้ง = 300,000 บาท
รวม = 375,750 บาท
2.ค่าใช้จ่ายเข้าร่วมประชุมนานาชาติ (International conference) ในประเทศไทย
และการเข้าร่วมนำเสนอผลงานวิชาการในการประชุมวิชาการ
2.1ค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายอื่น คนละ 20,000 บาท 2 ครั้ง 15 คน รวม = 600,000 บาท
3.ค่าใช้จ่ายการศึกษาทางระบาดวิทยาในการเดินทางไปราชการขึ้นอยู่กับผู้ศึกษา
3.1.ค่าเบี้ยเลี้ยง 210 บาท จำนวน 4 คน 2 ครั้ง 5 วัน จำนวน 10 เรื่อง = 84,000 บาท
3.2.ค่าที่พัก 800 บาท จำนวน 4 คน 2 ครั้ง 5 วัน จำนวน 10 เรื่อง = 320,000 บาท
3.3. ค่าพาหนะ 5,000 บาท จำนวน 4 คน 2 ครั้ง จำนวน 10 เรื่อง = 400,000 บาท
3.4. ค่าถ่ายเอกสารในการศึกษา และทำรายงาน เรื่องละ 2,625 บาท 10 เรื่อง =26,250 บาท
3.5.ค่าวัสดุอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 10 เรื่องๆละ 25,000 บาท = 250,000
รวม = 1,080,250 บาท
4.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการ
4.1 ประชุมเชิงปฏิบัติการผู้เข้าฝึกอบรม 4 ครั้งละ 3 วันรวม = 352,800 บาท
ไม่มีความเห็น