หลายท่านคงได้ยิน ได้อ่านผ่านหูผ่านตามากมายเกี่ยวกับคำว่า “ฝ่ายขวา” “ฝ่ายซ้าย” “เอียงขวา” “เอียงซ้าย” แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า คำเหล่านี้มีต้นกำเนินมากจากที่ไหน ใช้เรียกเพราะอะไร ในบทความนี้ผู้เขียนจะไขความกระจ่างเพื่อรับใช้ท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่านครับ
สืบเนื่องมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. ๑๗๘๙ เมื่อหลักจากการปฏิวัติแล้ว ประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศยกเลิกใช้รัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศแทนระบบเดิม (Ancient Regime) หรือสมบูรณาญาสิทธิราช เปลี่ยนมาเป็นเป็นระบอบประชาธิปไตย และได้มีการตั่งสภานิติบัญญัติขึ้นในปี ค.ศ. ๑๗๙๑ มีหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อใช้ในการบริหารประเทศโดยมีสมาชิกทั้งหมด ๗๔๕ คนซึ่งได้เกิดการแตกแยกกันออกเป็นสามกลุ่ม
1. กลุ่มเฟยยอง (Feuillant Club) เป็นกลุ่มที่นั่งอยู่ “ด้านขวาในที่ประชุม” กลุ่มนี้จะเชื่อในระบบรัฐธรรมนูญและไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง “อนุรักษ์นิยม”
2. กลุ่มจิรองแดง (Ginrondin Club) จะนั่งอยู่ทาง “ด้านซ้ายของที่ประชุม” มีจุดประสงค์ต้องการล้มล้างในระบอบกษัตริย์ และปกครองประเทศโดยสถาปนาในระบอบสาธารณรัฐขึ้นมาแทน
3. กลุ่มสายกลาย กลุ่มนี้ไม่มีแบบแผนที่แน่นอน มักจะเอนเอียงเข้ากับฝ่ายขวาหรือซ้ายตามโอกาส
“ซ้าย” “ขวา” เห็นจะถูกนำมาใช้มาที่สุดในสมัยที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์
จะเรียกผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกับ ดร.ซุนยัตเซน ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ต้องการจะให้ประเทศจีนรักษาวัฒนธรรม กฎระเบียบอันดีงานตามคติของ “ขอจื้อ” และต้องการให้ประเทศมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยว่าเป็น “ฝ่ายขวา” ส่วนผู้ที่นิยมอุดมการณ์ของ เหมาเจอตุง ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศโดยการรื้อคติขงจื้อออกทั้งหมด และให้ประเทศเป็นแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ว่าเป็น “ฝ่ายซ้าย"
สำหรับในประเทศไทย “ขวา” และ “ซ้าย” ถูกใช้มากในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ นักศึกษา ประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลในเวลานั้น (เผด็จการทหาร) จะถูกเรียกว่า “พวกหัวเอียงซ้าย” หรือพวกนิยมคอมมิวนิสต์
“ซ้าย” จึงมีความหมายที่โอนเอียงไปทางคอมมิวนิสต์ไปตั่งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นการปฏิวัติใหญ่ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางการเมืองทั่วยุโรป โดยมีสาเหตุทางด้านการคลังเป็นพื้นฐาน เป็นการปฏิวัติโดยกลุ่มชนชั้นกลางที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองโดยการล้มล้างการปกครองในระบอบเก่า (Ancient Regime) หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolutism) มาสู่อำนาจอธิปไตยของประชาชน ถือว่าเป็นการนำพายุโรปก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ท่านผู้สนใจสามารถหาอ่านได้จากหนังสือ หรือตาม Webblog ที่มีอยู่อย่างมากมาย แต่ถ้าผู้ใดสนใจบทความการปฏิวัติฝรั่งเศสเชิงวิเคราะห์ที่เข้าใจได้อย่างง่าย ๆ ก็สามรถอ่านได้ในบทความของผู้เขียนที่นี่
วาทิน ศานติ์ สันติ
อ้างอิง
ศฤงคาร พันธุพงศ์, รศ. ประวัติศาสตร์ยุโรป 2 = History of Europe II : HI 352 . กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2553.
ไม่มีความเห็น