ท่านนบี –ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม- ได้กล่าว่า:
ความอายคืออาภรณ์ที่สวยงาม คือเครื่องประดับที่เลอค่ามากที่สุดสำหรับสตรี และเมื่อใดที่เธอได้ปลดเปลื้องอาภรณ์แห่งความอายแล้วไซร้ ความเป็นกุลสตรีและเกียรติของเธอก็จะเลืองลางจางหายไปด้วย
เมื่อครั้นท่านนบีและบรรดาชาวมุฮาญิรีนได้อพยพถึงนครมะดีนะฮฺ ชาวอันศอรฺต่างมาพบและทำสัตยาบันกับท่านนบี และหนึ่งในนั้นก็มีบรรดาสตรีร่วมอยู่ด้วย
ฟาฏิมะฮฺ บินติ อุตบะฮฺ คือหนึ่งในบรรดาสตรีชาวอันศอรฺที่มาร่วมทำสัตยาบันกับท่าน และท่านก็ได้ทำสัตยาบันกับพวกนาง โดยมีเนื้อหาสาระของคำสัตยาบันดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในสูเราะฮฺ อัลมุมตะหินะฮฺว่า:
เมื่อนางได้ยินประโยค “จะไม่ขโมย จะไม่ทำซินา” นางก็ถึงกับเอามือกุมศีรษะ ก้มหน้าก้มตา และม้วนตัวด้วยความเขินอาย เมื่อท่านนบีเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกฉงนสนเท่กับพฤติกรรมของนางยิ่งนัก
สุบหานัลลอฮฺ!
เพียงแค่นางได้ยินคำว่า “ขโมยและซินา” นางก็ถึงกับม้วนตัวอาย แล้วนับประสาอะไรกับการกระทำ แน่แท้พฤติกรรมของนางดังกล่าวเกิดจากความบริสุทธิ์ผุดผ่องของจิตใจ ที่ยากนักจะมีสตรีนางไหนเสมือน ยิ่งในยุคโลกาฟิตนะฮฺที่ห้อมล้อมไปด้วยกิเลสตัณหา ยุคที่มีเสียงเรียกร้องให้ผู้หญิงใช่แค่ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่อหุ้มเรือนร่างของนางเพียงเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องให้ปลดปล่อยความอายที่ห่อหุ้มจรรยาของนางอีกด้วย และเมื่อสตรีไร้ซึ่งความยางอายแล้ว ความวิบัติก็ได้รออยู่ตรงหน้าแล้ว
ท่านนบี –ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม- ได้กล่าวว่า:
โอ้มุสลิมะฮฺ !
เธอจงรักษาเกียรติ สงวนตัว และดูแลหัวใจให้สะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องเถิด และจงอย่าได้ให้จุดด่างดำได้จับเกาะอยู่บนหัวใจของเธอ เพราะหัวใจที่ขาวสะอาดมันจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอมและปฏิกูลที่พยายามจะจับเกาะอยู่บนหัวใจ และเธอก็จะได้เป็นผู้ที่ได้รับความผาสุกในโลกหน้า
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า :
-------------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
เรื่องราวข้างต้นบันทึกโดยอะหฺมัด (6/151) ด้วยสายรายงานที่ถูกต้อง
<a href="http://abir.igetweb.com/index.php?mo=3&art=25592"> แหล่งข้อมูล </a>
ไม่มีความเห็น