คนเกิดมานั้น แต่ละคนย่อมีผู้ที่รักผูกพัน คอยห่วงใย ดูแลซึ่งกันและกัน เป็นเหมือนสายใยซึ่งผูกหัวใจของแต่ละคนไว้ให้อยู่รวมกันอย่างอบอุ่น พร้อมที่จะรับทั้งความสุขและความทุกข์ร่วมกันแต่สำหรับครอบครัวหนึ่งที่ฉันได้พบนั้น ดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากสิ่งที่ฉันพูดมาเหลือเกิน ตาล้วนเป็นชายชราคนหนึ่งที่ผ่านช่วงชีวิตมายาวนาน มีทั้งสุขและทุกข์เหมือนคนทั่ว ๆ ไป ครอบครัวมีลูกมีหลานเหมือนคนอื่น ๆ แต่บั้นปลายชีวิตของตาล้วนนั้นกลับไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นที่มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ลูกหลานถึงแม้บางคนอาจไม่ได้อยู่รวมในบ้านเดียวกัน แต่ก็จะอยู่กันแถว ๆ ละแวกบ้านใกล้ ๆ กัน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตปกติของคนในชนบทอย่างเรา ๆ แต่สำหรับตาล้วนนั้นบัดนี้เหลือเพียงยายพรมเมียคู่ทุกข์คู่ยาก และหลานเล็ก ๆ อีก 2 คนที่ลูกนำมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง แล้วก็ไม่ค่อยจะได้กลับมาดูแล สายใยชีวิตที่มีอยู่ทุกวันนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นห่วงโซ่อันหนักหน่วงที่ผูกรัดพันธนาการไว้กับตัวเอง และยากที่จะปลดปล่อยด้วย 2 ชีวิตเล็ก ๆ นั้นยังต้องพึงตากับยายไปอีกนานกว่าจะดูแลตัวเองได้ ทุกวันนี้ตาล้วนและยายพรมต้องหาเงินเลี้ยงชีพด้วยการทำงานรับจ้างทั่วไป รายได้ที่ได้มานั้นส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับเรื่องการใช้จ่ายสำหรับหลาน ๆ มากกว่าตัวเอง ด้วยหลานทั้ง 2 ยังอยู่ในวัยกำลังกิน กำลังนอน และเรียนหนังสือ ส่วนตาล้วนและป้าพรมนั้น แค่ได้มีอาหารกินครบ 3 มื้อ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ตัวฉันเองเคยได้รับรู้เรื่องราวของครอบครัวนี้มาบ้าง แต่ก็แค่รู้จักว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันมีอาชีพรับจ้างฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรกับครอบครัวนี้อีก แต่สำหรับตัวฉันนั้นในสายตาของผู้คนละแวกบ้านนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญเลยทีเดียว ด้วยในความที่เป็นพยาบาลดังนั้น เมื่อคนแถวนั้นเจ็บป่วยก็มักจะมาหายารักษาจากที่บ้านฉัน บ้านไหนที่สนิทกันเป็นพิเศษก็จะมาขอวัดความดันเพราะรู้ว่าที่บ้านฉันมีเครื่องวัดความดันที่ซื้อไว้สำหรับวัดความดันให้พ่อกับแม่อย่างสม่ำเสมอ อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ฉันเพิ่งกลับจากทำงานยายพรมภรรยาของตาล้วนที่ฉันพูดถึงคนนี้ก็มาหาฉันที่บ้านมาขอร้องให้ฉันไปวัดความดันให้ตาล้วน เนื่องจากตาล้วนมีอาการไม่สบายแต่ยังไม่สะดวกที่จะไปหาหมอ ฉันก็ไปตามที่ขอร้อง เมื่อไปถึงบ้าน นอกจากได้ช่วยวัดความดันแล้วดูอาการของตาล้วนตามที่ยายพรมต้องการแล้ว ฉันได้ทำความรู้จักกับครอบครัวนี้เพิ่มขึ้น ฉันได้รับรู้ว่าและหลาน ๆ อยู่กันอย่างค่อนข้างลำบาก ลักษณะบ้านช่องดูเก่า และทรุดโทรม สภาพไม่มั่นคงแข็งแรง วันนั้นตาล้วนนอนพักอยู่ใต้ถุนบ้านท่าทางเหมือคนไม่สบายมาก โดยมีหลานวิ่งเล่นกันอยู่ใกล้ ๆ อย่างสนุกสนานเหมือนกับยังไม่เข้าใจถึงความเจ็บปวดและสุขภาพที่เริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ของตาล้วน จากเรื่องราวของครอบครัวนี้ที่ฉันเคยรู้มานั้น ฉันอดคิดไม่ได้ว่าสักวันหนึ่งถ้าตาล้วนและยายพรมไม่อยู่แล้วเด็กพวกนี้จะเป็นอย่างไร ฉันมองไปรอบ ๆ ตัวแอบสำรวจชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ นอกจากบ้านที่ทรุดโทรมแล้วสภาพแวดล้อมยังเกะกะรกไม่เป็นระเบียบ และดูไม่ค่อยสะอาด เด็กๆ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เลอะเทอะ มอมแมม บนโต๊ะตัวใหญ่ที่ตาล้วนนอนอยู่น่าจะเรียกว่าเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ เพราะมีทั้งจานอาหารที่เด็ก ๆ กินเหลือไว้แล้ว กองเสื้อผ้าที่ใส่แล้วรอการทำความสะอาด และยังของจุกจิกอีกหลายอย่างที่เจ้าตัวต้องการหยิบใช้ วันนั้นฉันกลับไปพร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าตาล้วนไม่สบายอีกก็ให้ไปตามฉันได้ที่บ้าน พร้อมกับมอบยา Para ไว้ให้กินแก้อาการปวดศีรษะแล้วกำชับว่าถ้าไม่หายให้ไปรักษาต่อที่อนามัย อีกประมาณ 2 เดือนต่อมา ยายพรมก็มาหาฉันอีก ตอนนั้นฉันเริ่มลืม ๆ เรื่องของตาล้วนไปแล้ว เพราะงานที่โรงพยาบาลเองก็มากพอดูแล้วยังจะภาระงานในครอบครัวที่บ้านทั้งการดูแลพ่อ แม่ และลูก ๆ ทำให้ฉันไม่ค่อยมีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นอีก พอฉันเห็นยายพรมฉันจึงนึกขึ้นได้ ยายพรมบอกว่าตาล้วนไม่ค่อยสบายอีกแล้ว “อ้าวแล้วทำไมไม่พาไปหาหมอล่ะ” ฉันถาม “ตาล้วนมึนหัวลุกไม่ค่อยไหวถ้าจะให้ขี่จักรยานไปอนามัยก็คงลำบาก” ยายพรมตอบพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างเกรงใจ ฉันจึงบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปดูให้” ฉันพายายพรมซ้อนรถมอเตอร์ไซด์กลับไปส่งที่บ้าน ตาล้วนนอนอยู่ในสภาพเดิมเหมือนวันก่อน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวก็ยังคงเหมือนวันก่อน เด็ก ๆ ยังคงเล่นกันเหมือนเดิม ฉันเริ่มทำความรู้จักกับครอบครัวนี้มากขึ้น ยายพรมบอกฉันว่า ตาล้วนเป็นโรคความดันสูง และมักมีอาการมึนศีรษะ ปวดท้ายทอย บ้านหมุนอยู่บ่อย ๆ หมอที่โรงพยาบาลเคยตรวจเลือดให้แล้วบอกว่ามีไขมันในเส้นเลือดสูงด้วย หมอสั่งว่า ตาล้วนต้องไปหาหมอและกินยาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแนะนำตามสูตรคือ ห้ามกินเค็ม ห้ามกินของมัน ๆ ฉันคุยรายละเอียดเรื่องการไปหาหมอของตาล้วน บอกว่า ไม่สะดวกที่จะไปโรงพยาบาล เพราะไม่ค่อยมีเงินไปโรงพยาบาลแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ต้องใช้จ่ายเงิน โดยเฉพาะการว่าจ้างรถเครื่องเมล์ เขาคิดค่าจ้างครั้งละ 200 บาท ทำให้รู้สึกเสียดายเงินมาก ฉันคุยถึงเรื่องอาหารการกินตามข้อปฏิบัติของคนไข้ความดันสูง ก็ตอบในลักษณะที่ว่า ส่วนใหญ่กับข้าวที่ราคาถูก ๆ ก็มักจะเป็นปลาเค็ม หากต้องการให้หลาน ๆ กินเนื้อสัตว์บ้างก็ต้องซื้อแบบหมูสามชั้น เพราะถูกกว่าเนื้อแดง ฉันเข้าใจถึงความจำเป็นในข้อนี้ แต่ก็ได้ให้คำแนะนำไปตามสมควร ฉันเน้นให้กินปลาที่สามารถหาได้เองในคลองแถว ๆ บ้าน และปลูกผักกินเองบ้าง โดยให้พวกหลาน ๆ ช่วยดูแล เด็ก ๆ จะได้มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ฉันแนะนำให้ฝึกเด็ก ๆให้ช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน เป็นการแบ่งเบาภาระของตา ยาย ฉันคุยกับครอบครัวนี้อยู่ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ โดยทำตัวเจ้ากี้เจ้าการแนะนำเรื่องนั้น เรื่องนี้ ไม่เว้นแม้แต่การอบรมหลาน ๆ ให้ช่วยดูแลและแบ่งเบาภาวะตากับยาย ก่อนกลับฉันวัดความดันให้ทั้งตาล้วนและยายพรม วันนั้นตาล้วนความดัน 144/86 mmHg สิ่งที่ฉันแก้ไขได้ดีที่สุดขณะนั้นคือ ให้ยา Para ไว้ พร้อมกับขอร้องให้ไปโรงพยาบาลสักครั้งเพื่อไปพบแพทย์ 2 วันต่อมาตาล้วนรู้สึกดีขึ้นบ้าง วันนั้นญาติแก่พาตาล้วนไปโรงพยาบาลและได้ไปพบฉัน เนื่องจากฉันทำงานอยู่ที่ OPD อยู่แล้ว ฉันจึงได้มีโอกาสดูแลในขณะที่รอรับบริการ เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าไปพบแพทย์ ฉันจึงรายงานอาการเจ็บป่วยของด้วยตนเองพร้อมทั้งเล่าถึงความลำบากในการมารับบริการแต่ละครั้ง ฉัน ตาล้วน และแพทย์ จึงตกลงกันว่าจะให้ตาล้วนไปรับยาที่สถานีอนามัยต่อ โดยให้ฉันมีหน้าที่ดูแลติดตามอาการของอย่างต่อเนื่อง ฉันรับปากตกลง เนื่องจากบ้านฉันก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของนัก ในระยะแรก ๆ ของการรักษา เมื่อตาล้วนอาการดีขึ้น ก็จะออกไปทำงานเหมือนเดิม แต่พอกลับมาก็จะมีอาการมันศีรษะบ้าง เพราะต้องทำงานอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ประกอบกับอายุที่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีความอดทน เพราะนั่นคือความจำเป็นนั่นเอง ฉันติดตามไปวัดความดันให้ตาล้อมที่บ้าน พร้อมทั้ง ตรวจสอบเรื่องการกินยาของ อยู่เป็นเวลา 2 เดือน ช่วงนี้ตาล้วนเริ่มไปรับยาที่อนามัยเองแล้ว ครั้งแรกที่ไปอนามัย ฉันก็ได้โทรศัพท์ไปประสานกับเจ้าหน้าที่อนามัยไว้ก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย เพราะทางโรงพยาบาลกับอนามัยก็คุ้นเคยกันดีอยู่ เมื่อตาล้วนได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาการของก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และตัวฉันเองก็ได้ใช้เวลาช่วง 2 เดือนที่ว่านี้ ปรับพฤติกรรมของพวกเด็ก ๆ ทุกครั้งที่ฉันไปวัดความดันให้ตาล้วน ฉันจะดูแลกำกับให้เด็กทำความสะอาดโต๊ะตัวที่ตาล้วนใช้นอนพัก และจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ ฉันสอนให้เด็กรู้จักดูแลความสะอาดของเสื้อผ้า ที่นอน หมอน มุ้งต่าง ๆ รวมถึงการช่วยตากับยายซักทำความสะอาดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เด็ก ๆ รับปากฉันว่าจะทำ ซึ่งก็คงต้องดูความสำเร็จกันต่อไป ตอนนี้อาการเจ็บป่วยของตาล้วนดีขึ้นมากแล้ว ยังไปรับยาที่อนามัยไม่ได้ขาดและยังสามารถออกไปทำงานรับจ้างได้ตามปกติ ฉันได้ทำความเข้าใจกับในเรื่องการไปรับการรักษาที่สถานีอนามัย หรือแม้แต่การไปติดตามวัดความดันที่ศูนย์ ศสมช. ในหมู่บ้าน ฉันปิดการดูแลผู้ป่วยรายหนึ่งด้วยความสบายใจ และเกิดความภูมิใจเล็ก ๆ ทุกครั้งที่ฉันนึกถึง ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยได้รับความไว้วางใจจากครอบครัว ครอบครัวหนึ่งให้ฉันได้ดูแล และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงด้านการดูแลสุขภาพในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกิดสายใยแห่งความห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยไม่ต้องจำกัดว่าบุคคลนั้นจะต้องเป็นเพียงเฉพาะญาติพี่น้องของเราเท่านั้น ตอนนี้ฉันจึงมีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันขึ้นมาอีก 1 ครอบครัว ก็คือครอบครัวของตาล้วนกับยายพรมนั่นเอง
ไม่มีความเห็น