สองวันสำหรับการเข้าร่วมสัมมนาเวทีเล็กที่ต่อยอดจากเวทีใหญ่เมื่อเดือนที่แล้วในประเด็น "อิสลามกับความท้าทายในโลกสมัยใหม่" สำหรับสัมมนาในครั้งนี้กับประเด็น "คนหนุ่มสาวมุสลิมกับโลกสมัยใหม่" เต็มอิ่มครับกับปรากฎการณ์ที่เิกิดขึ้นในงานนี้ กับการได้เห็นปรากฏการณ์ของนักวิชาการคนหนุ่มสาวมุสลิมไฟแรง คือสิ่งที่น่าชื่นชม แต่สิ่งที่ผมค่อนข้างเป็นห่วงในฐานะคนหนุ่มสาวมุสลิมเช่นกันคือความเป็นวิชาการของคนหนุ่มสาวที่มาพร้อมไฟที่ยากต่อการดับ เมื่อเจอน้ำที่มาด้วยความตั้งใจในการดับไฟที่เผาไหม้ ซึ่งจัดโดยคณะวาระทางสังคมสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ สิงหาคม ณ ห้องมะปราง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี
ประเด็นที่ได้หยิบยกกันมาพูดคุยและนำเสนอบทความแลกเปลี่ยนในเวทีครั้งนี้ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด ๑๕ บทความ นำเสนออย่างมาราธอนเลยครับ และที่สำคัญแม้จะเป็นเวทีนักวิชาการคนหนุ่มสาวมุสลิม แต่ผู้เข้าร่วมงานและผู้คอมเม้นท์งานในเวทีครั้งนี้ไม่ได้แตกต่างจากเวทีใหญ่เลยครับ
ไม่ว่าจะเป็น ท่านคณบดีของผม ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ ดร.สายพิณ (ธรรมศาสตร์) อาจารย์กาญจนา เด่นอุดม ดร.ศรีสมภพ (ม.อ.ปัตตานี) ดร.มะรอนิง (ม.อ.ปัตตานี) ดร.อะหมัดอุมา (มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา) อ.แพร (มหาวิทยาลัยศิลปากร) และคนไกลจากฮาวาย ดร.ศิโรฒ คล้ามไพบูลย์ งานนี้ขอยกนิ้วให้ทุกภาคส่วนครับที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ ประเด็นต่างๆที่นำเสนอก็น่าสนใจครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พลวัตของสตรีมลายูในสามจังหวัด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ที่ขับเคลื่อนนัยทางการเมือง (ประเด็นนี้เนื่องจากเป็นเรื่องความอ่อนไหวและความมั่นคงของพื้นที่ เพราะฉะนั้นการนำเสนอวันนี้ผู้นำเสนอกล้ามากครับที่หยิบยกประเด็นบางอย่าง ซึ่งขอไม่เอ่ยนะที่นี่มานำเสนอ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ น้องโรงเรียน และน้องร่วมสถาบันของผม ตอนนี้ไปไกลถึงแวดวงวิชาการโลดเล่นในหลายเวทีจากจุฬา ครับ ด้วยความเป็นเรื่องความอ่อนไหวและความมั่นคงในพื้นที่เลยมีข้อเสนอแนะเยอะครับกับงานชิ้นนี้ และผมเองก็ปิดท้ายกับงานชิ้นนี้ด้วยข้อคิดบางประการเพื่อความอยู่รอด อิอิ ของน้องครับ เพราะอยากเห็นเขาโลดเล่นต่อไปในเวทีนักวิชาการคนหนุ่มสาวต่อไป ความจริงประเด็นที่เขานำเสนอน่าสนใจครับแต่อย่างที่บอกครับมันเป็นเรื่องความอ่อนไหว อิอิ)
อีกประเด็นเป็นการพูดถึงเรื่องของอิสลามกับความเป็นรัฐชาติในปัจจุบัน ตลอดจนเรื่องสหกรณือิสลามในพื้นที่สามจังหวัด ซึ่งงานนี้อัลฮัมดุลิลละฮฺครับสำหรับเอกสารทั้ง ๑๕ เปเปอร์ที่ถึงแม้อาจจะไม่สมบูรณ์แต่ก็มีให้เห็นให้ได้อ่านกันครบถ้วนทุกบทความ
ส่วนใครเป็นใครก็ดูกันเอาเองครับ...อ๋อ ลืมไปงานนี้ได้รับเกียรติจากผู้อาวุโส หลายท่านในการสังเกตการณืในครั้งนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็น รศ.ดลมนรรจ บากา อ.อิสมาอีล เบ็ญจสมิตร อ.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ และบาบอมูฮัมหมัด อาดำ (คนหลังนี้พูดชัดครับในหลายประเด็นที่นำเสนอแนะ)
ข้อเห็นร่วมและต่างกันที่เกิดขึ้นในวันนี้บางแง่มุม บางมุมคิดที่สะท้อนออกไป
ผมเชื่อครับว่า...หากเราทุกคนนำไปขบคิดและตริตรองไตร่ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์มากที่สุด
มันจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย ตราบใดที่เราบริสุทธิ์ใจที่จะทำ
ขอเป็นกำลังใจให้นักวิชาการคนหนุ่มสาวมุสลิมรุ่นใหม่
อย่างน้อยเวทีวันนี้มันทำให้พวกเรา (รวมตัวเองในฐานะนักวิชาการคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ อิอิ)
ได้ตระแล้วว่าเราสามารถช่วยอะไรสังคมได้บ้างในบริบทที่สามารถทำได้ และอะไรคือสิ่งที่เราควรตระหนักหากเราต้องเป็นตัวขับเคลื่อนสังคมต่อไป อันนี้ต่างหากครับคือสิ่งที่ท้าทายในโลกสมัยใหม่ๆ
ป.ล. งานนี้ได้ยินสองคำจนมึนเลยครับ (เพราะแทบทุกชิ้นเอ่ยถึงบ่อยมาก)
คือคำว่า "พลวัต" กับ "โลกสมัยใหม่"
ขอจบเพียงแค่นี้ก่อนครับ... ขอพักเตรียมตัวจากภารกิจที่ประดังเข้ามาอย่างไม่เคยหยุด ขอเตรียมตัวเตรียมงานสอนพรุ่งนี้ก่อนครับ อิอิ (ฝันดีทุกคนครับ อิอิ)
-------------------------------------------------------------------
ขอบคุณมากครับอาจารย์
ครับงานน่าสนใจ...และประเด็นก็น่าสนใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องเสนอแนะไปเพราะคนที่นำเสนอไม่ใช่คนทำงานในพื้นที่เพราะฉะนั้นเราควรชี้แนะในบางเรื่องที่ควรปรับโดยเฉพาะประเด็นของความเปราะบางทางความรู้สึก ผมเองก็ทำหน้าที่เท่าที่มีความสามารถครับ วัลลอฮฺอะลัม
ดูแลสุขภาพด้วยครับ...
งานน่าสนใจ โดยเฉพาะมีอาจารย์ นักวิชาการ มาร่วม ประเด็น ด้วย
ขอบคุณครับ...
นายี