นักกิจกรรมบำบัด มีใบประกอบโรคศิลปะ พรก. พ.ศ. 2545 ตาม พรบ. การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 “กิจกรรมบำบัด คือ การกระทำเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย จิตใจ การเรียนรู้ และการพัฒนาเกี่ยวกับเด็ก โดยกระบวนการตรวจ ประเมิน ส่งเสริม ป้องกัน บำบัด และฟื้นฟูสมรรถภาพให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เพื่อให้บุคคลดำเนินชีวิตได้ตามศักยภาพ โดยการนำกิจกรรม วิธีการ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม เป็นกรรมวิธีในการบำบัด” บทบาทนักกิจกรรมบำบัด ที่ต่างจากคุณครู ออกแบบกิจกรรมและปรับสิ่งแวดล้อม เพื่อฝึกทักษะชีวิตเฉพาะบุคคลหรือกลุ่ม ให้เกิดสมดุลของการดูแลตนเอง พักผ่อน ทำงาน เรียนรู้ ใช้เวลาว่าง และเข้าสังคม ประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตในคลินิก โรงเรียน ที่ทำงาน ชุมชน ตามแนวคิดกิจกรรมบำบัดทางการแพทย์และสังคมศาสตร์ ให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาการความสามารถในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตตลอดทุกช่วงวัย นักกิจกรรมบำบัดให้คำปรึกษาคุณครู เช่น การปรับสิ่งแวดล้อมหลายมิติ ระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชน การพัฒนาความสามารถในการทำกิจกรรมในโรงเรียน สำหรับเด็กสมาธิสั้น ไม่อยู่นิ่ง มีปัญหาการเรียนรู้ มีปัญหาจิตสังคม มีปัญหาสุขภาพร่างกาย ที่ส่งผลต่อการการดำเนินชั้นเรียน การประเมินและจัดกิจกรรมเพิ่มทักษะการเรียนรู้ความรู้สึก ◦ การรับสัมผัส การรับรู้ตำแหน่งของข้อ และการทรงท่า ◦ การทรงตัวและปฏิกิริยาการตอบสนองตามพัฒนาการ ◦ การรับรู้ร่างกาย การวางแผนกล้ามเนื้อใหญ่ การใช้ร่างกายขวาซ้าย ◦ การรับรู้ระบบสัมผัส-มองเห็น-ได้ยิน การวางแผนกล้ามเนื้อเล็ก มิติสัมพันธ์ ◦ การอ่าน การเขียน การสร้างแนวคิดด้านตัวเลข ◦ การมีสมาธิ ลำดับเหตุผลทางความคิด ควบคุมความรู้สึกของตนเอง ความเชื่อมั่น ความภาคภูมิใจ การเรียนรู้อย่างไม่จำกัด คุณครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักกิจกรรมบำบัด เช่น เทคนิคการจัดการเรียนรู้วิชาการในชั้นเรียน เทคนิคการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน เทคนิคการจัดสิ่งแวดล้อมวิชาการเสริมประสบการณ์ชีวิตในเด็กวัยเรียน การจัดหลักสูตรการเรียนรู้เฉพาะบุคคลหรือกลุ่ม แนวคิดการสอนแบบมอนเตสซอรี่ แนวคิดการสอนแบบมอนเตสซอรี่ ผู้คิดค้น ดร. มาเรีย มอนเตสซอรี่ (พ.ศ. 2413 – 2495) ผู้สืบทอด บริษัท ไมเคิล โอราฟ มอนเตสซอรี่ (พ.ศ. 2525 – ปัจจุบัน) พัฒนาแนวคิดจากกรณีศึกษาเด็กที่มีความบกพร่องทาง สติปัญญาและอารมณ์ สู่ การสอนเด็กและวัยรุ่นในโรงเรียน หลักการ: เรียนรู้ด้วยตนเอง รู้สึกอิสระ ซึมซับสิ่งแวดล้อมทีจัดประสบการณ์ชีวิต วิชาการ และความรู้สึกขณะเล่นและเรียนกับผู้อื่น เน้นใช้อุปกรณ์อย่างมีรูปธรรมสู่กระบวนการคิดนามธรรม เล่นและเรียนด้วยมอนเตสซอรี่และกิจกรรมบำบัด นักกิจกรรมบำบัดคัดกรองเด็กและวัยรุ่น เพื่อแบ่งกลุ่มตามพัฒนาการความสามารถในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต สำหรับกลุ่มที่เรียนรู้วิชาการได้ดี ... เล่นและเรียนกับคุณครูด้วยมอนเตสซอรี่ สำหรับกลุ่มที่มีแนวโน้มเรียนรู้วิชาการได้ช้า ... นักกิจกรรมบำบัดให้คำปรึกษาคุณครูในโรงเรียน เน้นประเมินและจัดกิจกรรมเพิ่มทักษะการเรียนรู้ความรู้สึก นักกิจกรรมบำบัดและคุณครูร่วมกันคิดจัดสื่อการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงทักษะชีวิตกับวิชาการ จากรูปธรรมที่ง่ายสู่ยาก และประเมินความรู้ความเข้าใจของเด็กและวัยรุ่น เชิงรูปธรรมและนามธรรม
สวัสดีครับอาจารย์ POP อยากถามอาจารย์ว่า มอนเตสซอรี่
แตกต่างจากากรเรียนในระบบทั่วไปอย่างไรบ้างครับ
ข้อดี/ข้อด้อย เป็นอย่างไร ?
ขอบคุณสำหรับคำถามครับคุณโรจน์
ข้อดี ของ มอนเตสซอรี่ คือ การเรียนและเล่นที่ทำให้เด็กรู้สึกมีอิสระทางความคิด และเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิตระหว่างบ้านและโรงเรียน
ข้อด้อย ของ มอนเตสซอรี่ คือ ทักษะทางวิชาการอาจได้ไม่ตรงตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ครูและผู้ปกครองต้องสังเกตและประเมินความก้าวหน้าทางวิชาการให้ครอบคลุมอย่างต่อเนื่องในแต่ละวิชาที่เด็กเลือกอย่างอิสระ
ในความเห็นของผม คือ การเรียนสำหรับเด็กไทย ต้องมีการปรับนำข้อดีของมอนเตสซอรี่และข้อดีของหลักสูตรวิชาการไทยมาใช้ให้สัมพันธ์กันครับ
ติดตามมาหาความรู้และเป็นกำลังใจให้ทำงานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นหลังต่อไปครับ
ขอบคุณครับคุณยงยศ