สำนักข่าว BBC ตีพิมพ์เรื่อง 'Healthcare aroung the world' = "การดูแลสุขภาพรอบโลก" เปรียบเทียบประสิทธิผลของสหรัฐฯ (US), สหราชอาณาจักร (UK), ฝรั่งเศส (FR), และสิงคโปร์ (SG) 6 มิติหรือ 6 มุมมองทางสุขภาพ โดยใช้สีแทนประเทศในกราฟวงกลมซ้อนกัน [ BBC ] เรื่องนี้พอจะบอกใบ้ให้เราเข้าใจชัดขึ้นว่า ทำไมตอนนี้สหรัฐฯ ขอไปดูงานการศึกษาในสิงคโปร์ และมีแนวโน้มจะปฏิรูปการศึกษาตามสิงคโปร์ครับ [ BBC ] ภาพที่ 1: รายจ่ายและค่าใช้จ่าย วิธีดูกราฟวงกลมต้นกัน คือ ถ้าความแตกต่างมีมาก... วงกลมสีต่างๆ จะอยู่ห่างกัน, ถ้าความแตกต่างมีน้อย... วงกลมสีต่างๆ จะกระเถิบเข้ามาใกล้กัน, คำอธิบายจะเรียงจากภาพซ้ายไปขวา ภาพที่ 2: อายุขัยเฉลี่ยและอัตราตายเด็กแรกคลอด ปกติอายุขัยของคนในประเทศที่พัฒนาแล้วจะต่างกันค่อนข้างน้อย, ต่างกันมากในประเทศที่กำลังพัฒนา มีคนติดไวรัสเอดส์-ติดยาเสพติด-วัณโรค-อุบัติเหตุสูง ภาพที่ 3: สัดส่วนที่คนไข้จ่ายเอง + คนสหรัฐฯ ที่ไม่มีหลักประกัน ... สหรัฐอเมริกา (US) - ระบบเอกชน (private system) ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากนายจ้าง ส่วนน้อยมาจากภาครัฐและคนไข้ ผู้บริการหลักคือ ภาคเอกชน สหราชอาณาจักร (UK) - ระบบประกันสุขภาพโดยรัฐ ทุกคนได้รับการประกันสุขภาพโดยรัฐ, บริการเกือบทั้งหมดอยู่ในภาครัฐ, ผู้ไปใช้บริการต้องจ่ายสมทบเมื่อมีการจ่ายยา (รัฐจ่าย 85%, คนไข้จ่าย 15%), บริการโรคตา-ช่องปาก, คนที่ไม่ต้องจายคือ เด็ก คนสูงอายุ และคนที่ไม่มีงานทำ คนไข้เกือบทั้งหมดต้องไปรักษากับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GPs) ที่ลงทะเบียนไว้ มีบริการโทรศัพท์สายด่วน 24 ชั่วโมงช่วย, GPs จะดูแลโรคพื้นฐานให้ และส่งต่อถ้าจำเป็น ส่วนน้อยไปตรวจกับคลินิกพิเศษ (เช่น โรคไตวายเรื้อรังที่ต้องฟอกไต ฯลฯ) ... ระบบนี้ตรงข้ามกับสหรัฐฯ คือ ส่วนใหญ่รัฐจ่าย และจ่ายผ่านสำนักบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS), คนที่ใช้บริการประกันสุขภาพส่วนตัวมีน้อยคือ 11% ... ฝรั่งเศส (FR) - ระบบประกันสังคม ระบบนี้ทุกคนต้องเข้าระบบประกันสังคม รัฐ-นายจ้าง-ลูกจ้างร่วมกันจ่าย แต่คนเกือบทั้งหมดมักจะไปซื้อประกันสุขภาพเอกชนเสริมในส่วนที่ระบบประกันสังคมไม่ครอบคลุม ระบบฝรั่งเศสคล้าย UK อย่างหนึ่ง คือ โรงพยาบาลเปิดคลินิกพิเศษให้หมอรักษาคนไข้เอกชนได้ แล้วแบ่งรายได้กัน (รพ.-หมอ) แต่หมอต้องทำงานเต็มเวลาครบเสียก่อน และทำคลินิกพิเศษในเวลาส่วนเกิน ... ระบบบริการอยู่ตรงกลางระหว่าง US-UK คือ บริการผู้ป่วยนอกเกือบทั้งหมดทำโดยภาคเอกชน ส่วนบริการผู้ป่วยในมีทั้งที่บริการโดยภาครัฐและเอกชน (คนไข้ต้องจ่ายส่วนเกินเอง) ... สิงคโปร์ - ระบบคู่ขนาน ระดับปฐมภูมิหรือโรคพื้นฐานบริการโดยภาครัฐ 80%-เอกชน 20%, บริการเหนือระดับนี้หรือบริการพิเศษ เช่น ห้องพิเศษ ฯลฯ ต้องจ่ายเองมากขึ้น และภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้น รัฐบาลเน้นช่วยเหลือการรักษาพยาบาลพื้นฐาน ลักษณะเด่นของระบบนี้ คือ เน้น 'fee-for-service' คือ ใครใช้บริการมากจ่ายมาก-ใช้น้อยจ่ายน้อย ... หมัดเด็ด คือ ระบบสะสมทรัพย์โควต้าค่ารักษาพยาบาล... ถ้าใครไม่ใช้บริการจะสะสมไว้ในบัญชี เกษียณแล้วเลือกได้ว่า จะเบิกไปใช้ หรือให้มืออาชีพบริหารต่อ ทำให้คนสิงคโปร์ไม่ไปใช้บริการโดยไม่จำเป็น หรือยอมจ่ายเงินโดยไม่เบิกบัญชีนี้มาใช้ เงินส่วนนี้ได้รับการยกเว้นภาษี... สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษา การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคเอดส์-ยาเสพติด-อุบัติเหตุ และขนส่งมวลชนที่ดีเยี่ยม ... การศึกษาจาก UK เร็วๆ นี้พบว่า คนที่ใช้ขนส่งมวลชนเดินมากกว่า นั่นคือ ประเทศที่ขนส่งมวลชนดี เช่น สิงคโปร์ อังกฤษ ฝรั่งเศสโอกาสที่จะมีสุขภาพดีกว่าสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ [ Tweeter ] > Thank BBC ที่มา
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ