เสียงจากแดนไกล :กลับมาเป็นนักเรียน ที่Highland


ความแตกต่างที่ทำให้เราเห็นตัวเราชัดขึ้น

ผมมีสี่นาทีก่อนกลับไปอ่านหนังสือต่อครับ ที่นี่ทุกอย่างจริงจังมาก เหมือนที่เค้าชอบพูดกันว่า คนฝรั่งมักจะwork hard play hard หรืออาจจะเป็นเพราะผมมาอยู่ในแวดวงการศึกษาก็ได้ครับ พอมาถึงและเปิดเทอมได้วันแรกก็เริ่มเลย มีงานเข้าให้เราอ่านชิตบทความ แล้วก็Assignment ทันที ไม่เหมือนกับของไทยที่วันแรก นิสิตมักจะมีประเพณี ยังไม่เรียน จนกลายเป็นที่รู้กันว่าวันเปิดคอร์สนั้นเรายังไม่มีการเรียนการสอน

ที่University of Aberdeenนี้สำหหลักสูตรการเตรียมความพร้อมสำหรับศึกษาในระดับปริญญาปริญญาโทนี้ เราจะเรียนกันตั้งแต่เก้าโมงครึ่งตอนเช้า ถึง บ่ายสามโมงครึ่งตอนเย็นครับ โดยจะมีการพัก สองครั้ง ครั้งแรกพักตอนสิบเอ็ดโมง ถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง และตอนที่สองเป็นการพักทานอาหารบ่ายโมงถึงบ่ายสองครับ  สำหรับเนื้อหา จะเน้นการเขียนเชิงวิชาการ และการเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อระดับปริญญาโท เป็นหลัก (Sentence, Topic Sentence,Supporting Sentence, Paragraph, Report writing,presentation, Project) นอกจากนี้นักศึกษาแต่ละคนก็จะมีวิชาที่ต่างกันคือภาษาอังกฤษสำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะศึกษาในสาขาวิชาของตน เช่นอย่างผม ก็จะเป็นวิชาภาษาอังกฤษสำหรับการศึกษากฎหมายครับ  การเรียนนี้จะมี สามคาบในหนึ่งวัน คาบแรกเริ่มตอนเก้าโมงครึ่งจนถึงสิบเอ็ดโมง และพักมาเริ่มเรียนคาบที่สองตอนสิบอ็ดโมงครึ่ง จนถึงบ่ายโมง และกลับมาเรียนคาบที่สามตอนบ่ายสองโมงจนถึงบ่ายสามโมงครึ่ง สำหรับช่วงนี้เราจะเริ่มเรียนด้วยการเขียนเชิงวิชาการ ภาษาอังกฤษสำหรับศึกษากฎหมาย และ รายวิชาการจัดทำรายงาน ครับ

ดูง่าย แต่ยากครับ เนื่องจากที่นี่นักศึกษาไทยอย่างผมยังไม่คุ้นเคยกับสำเนียงการพูด  และเนื่องจากห้องเรียนที่นี่ไม่มีไมโครโฟน ทำให้ได้ยินไม่ชัดมากนัก แม่ท่านอาจารย์จะพยายามพูดช้า แต่ก็ยังฟังทั้งประโยคไม่เข้าใจหมด ต้องอาศัยการใช้สมาธิอย่างสูงครับ รวมทั้งต้องแข่งกันไปนั่งหน้าๆ เพื่อจะได้ฟังชัดครับ  เข้าใจว่าห้องฟังเล็คเชอร์ที่นี่ส่วนใหญ่ยังไม่มีไมโครโฟนครับ และเป็นห้อง ที่มีเพียง เครื่องฉายแผ่นใส  ไม่มี เพาเวอร์พ้อยเหมือนของบ้านเรา คิดแล้วน่าแปลกใจ เด็กไทยมีอุปกรณ์การเรียนพร้อมทำไมยังไปไม่ถึงไหน...

เข้าเรื่องต่อครับตอนนี้ผมพยายามงัดเอาทักษะที่ได้ไปฝึกที่ออสเตรเลียคือการฟังและพยายามเข้าใจอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษมาใช้อยู่ครับ แม้จะยังทำไม่ได้ตลอดแต่ก็พอจับประเด็นได้ครับ เข้าใจว่าต้องปรับอีกสักพัก เพราะตอนไปอยู่ออสเตรเลียตอนแรกกว่าจะเข้าใจเนื้อหาก็ล่วงเข้าอาทิตย์ที่สามครับ ที่นี่น่าจะไม่เกินอีกหนึ่งอาทิตย์น่าจะดีขึ้นครับ ยังไงก็ยังต้องกลับไปใช้วิชาเก่าฟังข่าวเยอะๆไปก่อนครับ เพื่อให้ปรับตัวได้ นอกจากเรื่องการเรียน แล้ว สิ่งที่กดดันนักเรียนไทยอย่างผมยังมีอีกสองอย่างครับ คือเรื่องบ้าน และก็เรื่องอาหาร คือที่นี่เนื่องจากเราเป็นนักศึกษาปริญญาโทและต้องมีการทำรายงาน และวิทยานิพนธ์ทำให้การอยู่หอร่วมกับนิสิตอื่นๆไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะเวลาไม่ตรงกัน อาจจะทำให้การจะทำกิจกรรมบางอย่างนั้นไปรบกวนคนอื่น หรือกิจกรรมของเพื่อนคนอื่นมารบกวนเราได้ ยิ่งผมคนมีคู่แล้ว (อย่าคิดมากครับ ผมต้องทำอาหาร เช้าเย็นครับ อยู่หอพักแชร์กับหกคนต่อห้อง แล้วหอก็แยกผู้ชาย ผู้หญิงเวลาทำอาหารผมก็ต้องวิ่งปรู๊ดไปห้งภรรยาผม ตอนเช้ากับเย็น ก็เลยเกรงใจเพื่อนร่วมห้อง เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมเป็นคนเหมาใช้ห้องครัวคนเดียว เกรงใจเค้า)ยิ่งไม่สะดวกใหญ่ตอนนี้เลยต้องเร่งหาบ้านเช่าราคาถูกกันใหญ่ครับ(แถมหอพักก็อยู่ได้แค่ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ด้วยครับ เพราะต้องใช้รอรับ Under graduate Student)

 อีกทั้งที่นี่อาหาร อย่างต่ำก็ราคาสามปอนด์กว่าๆ ก็เกือบสามร้อยบาทแหละครับ ทานก็ไม่ค่อยไหว เพราะเดี๋ยวหมดตัวก่อนเรียนจบ  แถมถึงมีเงินก็ไม่สามารถซื้ออาหารได้ ยี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนบ้านเรา+ไม่มีเซเว้นอีเลเว่นครับเพราะซุปเปอร์มาเก็ตที่นี่ก็เปิดถึงห้าโมงเท่านั้นครับ เลยต้องทำอาหารกันยกใหญ่ โชคดีที่หอพักในมหาวิทยาลัยเค้าจัดห้องครัวไว้ให้ด้วยครับ งานนี้ ผมเลยต้องเป็นกุ๊กจำเป็น ทำอาหารไว้สามมื้อเลยครับ เรื่องต่างๆ เหล่านี้เองที่มาประกอบกันทำให้เราต้องปรับตัวใหม่ คือการทำอะไรทุกอย่างที่นี่ต้องวางแผนล่วงหน้า ครับ และต้องเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ครับ นี่แหละมั่งครับที่เค้าบอกว่าคนเราต้องถึงขีดสุดก่อนถึงจะได้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง ที่นี่ผมทำอาหารครั้งถึงสองครั้งต่อวัน คือเช้า และเย็น ทำเผื่อกลางวัน บางครั้งก็ทำตอนเย็นเก็บไว้ทานอีกวันทั้งสามมื้อเลยครับ ก็สนุกไปอีกแบบ ยิ่งผมคนชอบทำอาหารและทำกับข้าแล้ว ก็อาศัยการทำอาหารเป็นวิธีคลายความเครียดไปด้วยครับ ... แต่ตอนนี้สะดวกมากครับ เพราะที่เมืองAberdeenมีร้านขายของของชาวจีนอยู่ เลยสบายครับย มีตั้งแต่น้ำปลากะปิจนกระทั้งพริกขี้หนู และแกงผง เลยสะดวกไปใหญ่ แต่ราคาแพงเอาเรื่องครับ ดังนั้นพอซื้ออะไรมาก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า อย่าให้เสียก่อน เช่น ผักชี ที่บ้านเราขายกำละ ห้าบาทที่นี้ชัดไปเกือบ แปดสิบบาท ๑ ปอนด์ กับอีก เจ็ดสิบเพ็นนี อืม แรกๆมาก็จับไม่ลงครับ อยู่ไปก็ จำใจครับ  แต่ผมก็ใช้ทั้งต้นครับ รากต้มน้ำซุป ใบทำอาหาร ไม่มีเหลือ[อาหารฝีมือรุ่นพี่ครับ เด็ด]

อีกอย่างครับที่นี่แม้จะเรียนแค่ห้าชั่วโมงครึ่งต่อวันครับ แต่มีการบ้านทุกวันครับ วันละสามชิ้น ๕๕๕ อ่วมครับวันนี้ผมดีหน่อยทำเสร็จไปบางส่วนแล้ว เลยแวะมาเขียนบล็อกก่อน แล้วจะได้รีบอาบน้ำแล้วไปทำงานต่อ๕๕๕ ที่ยากคือ การหัดเขียนเชิงวิชาการ และ การอ่านจับใจความคดีจากคำพิพากษาและสรุปความครับ เพราะศัพท์แสงต่างๆ ไม่คุ้นเคยอีกทั้งเอกสารเครื่องช่วยต่างๆ ก็ไม่มีครับ เพราะตอนที่เราขนของมานั้น ทางสายการบินอนุญาตคนละ สามสิบกิโล เท่านั้น บางรายอย่างผมโชคดีได้ สี่สิบกว่ากิโลก็ดีหน่อย แต่ผมก็ขนมาได้แค่ของใช่จำเป็นและก็ไม่สามารถขนตำราสำคัญจากเมืองไทยมาได้เลยครับ เอามาสี่ห้าเล่มเป็นเฉพาะ Dictionaryที่ต้องใช่เท่านั้น...

ครับอุปสรรค และแรกกดดัน เป็นเครื่องผลักดันคนครับ มาถึงขั้นนี้แล้วสู้ไม่ถอยครับ นี่แค่เริ่มครับ มั่นใจว่าต้องเจออีกหลายยก แน่ๆครับ เพราะนี่ขนาดยังไม่เจอของจริงเลย ถ้าเข้าเรียนจริงต้องยากกว่านี้แน่นอน แต่ก็สนุกดีครับ กลับมาเป็นนักเรียนอีกที


(ไว้เรียนเสร็จวันนี้ หาแฟลตสำหรับผมและภรรยาได้แล้ว ผมจะมาเขียนเล่าให้ฟังต่อครับ)

หมายเลขบันทึก: 286783เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2009 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

รออ่านอีกครับอาจารย์ เรียนหนักไหมครับ

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่แวะมาให้กำลังใจครับ

อาจารย์ไปถึงเรียบร้อยแล้วหรอค่ะ ฝากระลึกถึงอ.อุ๋มด้วยน่ะค่ะ ขอให้อาจารย์วิวและอาจารย์อุ๋มรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ ไกลบ้านด้วยค่ะ แต่น่าอุ่นใจที่มีสองคนช่วยกันดูแลกันและกัน เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ขอบคุณคุณเตี้ยที่แวะมาให้กำลังใจครับ และขออนุโมทนาบุญกับกองผ้าป่าช่วยเหลือเด็กด้วยครับ

สู้ต่อไปขอรับอาจารย์

success  one  day  at  a  time.

สวัดดีครับ อาจารย์ วิว อยู่ที่ นั่น คงลำบากน่าดูเลย ยังงัยก็สู้ ๆ นะครับ ตอนนี้ ผม ฟิตมากเลยครับ คะเเนนแต่ ละวิชา ค่อยข้างออกมาดีครับ..ผมชักชอบ กฎหมาย มากขึ้นแล้วครับ ขอให้โชคดีนะครับ

กราบนมัสการองค์ครูบาอาจารย์ครับ และกราบขอบพระคุณสำหรับกำลังใจครับ ผมจะใช้ความพยายามให้เต็มที่ครับ

 

อนุรักษ์ ครูขอบใจมากนะครับ สำหรับกำลังใจ ครูจะสู้ต่อไป เดี๋ยวพอเรื่องเรียนเข้าที่เข้าทางครู จะลองหางานพิเศษทำแล้วล่ะ จะได้ช่วยประหยัดตังด้วย และฝึกให้เราเป็นคนอดทนด้วย ขอบใจมากลูก เธอก็สู้ให้จบนะ ปีหน้าพบกันครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ อาจารย์ยังคงจำหนูได้นะคะ

อาจารย์เป็นยังไงบ้างค่ะ ตั้งแต่จบมาก็ไม่ได้เจออาจารย์เลย อาจารย์ไปเรียนต่อหรอค่ะ ตอนนี้หนูอยู่อเมริกาค่ะอยากเรียนต่อโทที่นีกำลังหาข้อมูลอยู่ค่ะ แต่ก็ต้องกลับไปรับปริญญากับขอว๊ซ่านักเรียนมาเรียนใหม่ เพราะตอนนี้มาวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ เข้าใจอาจารย์นะคะอยุ่ต่างบ้านต่างเมืองลำบากแค่ไหนยิ่งเรื่องภาษามีปัญหามากเลยค่ะ เวลาคนที่นี่เค้าถามว่าเรียนอะไรมา บอกเค้าว่าเรียนจบปริญญาตรี เค้างงมากเลยค่ะ ว่าจบถึงปริญญาตรีทำไมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หนูท้อเลยค่ะ คงต้องเรียนภาษาอิกนานกว่าจะเรียนต่อปริญญาโทได้ ขอบคุณอาจารย์นะคะที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง เวลาไปเรียนต่อต่างประเทศจะได้นำไปปรับใช้ค่ะ

กำลังจะไปเรียนที่ aberdeen ปีนี้ อยากรบกวนขออีเมล์ติดต่อหลังไมค์ได้ไหมคะ อยากขอคำแนะนำค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท