คุณคงคุ้นหูคุ้นตากับสโลแกน Change ที่ นายบารัก โอบามา นำมาเป็นสโลแกนสำคัญในการรณรงค์หาเสียงในคราวสมัครเป็นประธานาธิบดีของอเมริกา และได้รับชัยชนะในที่สุด
ถือว่าคำ ๆ นี้โดนใจคนอเมริกันเป็นส่วนมาก และก็โดนใจคนอีกจำนวนมากในหลายมุมโลก
มันเป็นเสมือนสัญญาแกมคำสั่งที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงในภาคการเมืองและสังคม เศรษฐกิจ เพื่อให้สังคมส่วนรวมมีคุณภาพดีขึ้น
ถ้าเรานำมาใช้กับชีวิตส่วนตัวของเรา ก็จะยังคงความหมายและความรู้สึกนั้นได้เช่นเดียวกัน ชีวิตเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแน่ ๆ
คนทั่วไปชินต่อคำว่า “พัฒนา” มากกว่า “เปลี่ยนแปลง” แต่คำว่า “เปลี่ยนแปลง” นี้ ให้ความหมายที่สั้น กระชับ มีภาพของการกำหนดให้มีวิธีที่ต้องทำ ควรทำ เหมือนเป็นคำสั่งนิด ๆ เสี่ยงต่อการที่คนจะปฏิเสธ แต่คนกลับไม่ปฏิเสธ แถมชอบเสียด้วย เพราะเป็นคำที่มีน้ำหนักมองเห็นพฤติกรรมเหมือนมีการบังคับให้ทำ
นับว่าเป็นเสน่ห์ของคำ ๆ นี้ที่นำมาใช้เหมาะกับยุคนี้
ปกติมนุษย์จะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองหรอก นอกจาก
1. ได้รับความทุกข์ หรือ เจ็บปวดมากพอ จึงอยากเปลี่ยนแปลง สังเกตดูคนเวลาเจ็บมาก ๆ หรือใกล้ตายจึงจะอยากเปลี่ยนนิสัยของตัวเอง ลดอีโก้ลง ยอมรับผิด อยากเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ
2. เกิดปัญญาขึ้นมา เมื่อมีอะไรบางอย่างมากระทบความคิดทำให้เชื่อว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงได้จะเกิดความสุขความเจริญมากขึ้น ซึ่งไม่เกิดง่ายนัก
ตกลงการเปลี่ยนแปลงในตัวมนุษย์เกิดขึ้นได้ยากตามเหตุผลทั้ง 2 ข้อ
และมนุษย์ก็มีธรรมชาติที่จะเคยชินและทำอย่างเดิม คิดอย่างเดิม ไม่อยากเปลี่ยนแปลงเพราะคิดว่ามันดีแล้ว เป็นพวกที่คิดแบบ Stereotype เปลี่ยนแปลงยาก
แต่ในช่วงที่คำว่า Change มาแรงนี้ เราน่าจะใช้กระแสนี้ลอง ๆ Change ตัวเราเองบ้าง เพื่อทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ดีไหม
ถือโอกาสในวาระปีใหม่เปลี่ยนให้เป็นชีวิตใหม่ก็ได้
สิ่งที่น่าจะ Change ชีวิตตัวเองดูบ้างก็คือ
1. ให้หวังความสุขเล็ก ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงในทุก ๆ วัน ดีกว่าจะหวังความสุขใหญ่ ๆ ที่เกิดได้ยาก (เช่น ถูกหวย รวยมาก ๆ หาแฟนที่ดีพร้อม) ซึ่งจะผิดหวังมากกว่าสมหวัง
การหวังสิ่งเล็ก ๆ ทำให้สมหวังได้ง่าย เป็นการสะสมความสุขเล็ก ๆ ทุกวัน เช่น เห็นคนขายของยิ้มให้ ได้เห็นดอกไม้บาน ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้จริง ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นในแต่ละวันได้ นำไปสู่นิสัยการมีความสุขได้จริง
ส่วนการหวังจะมีความสุขจากสิ่งใหญ่ ๆ ที่เกิดได้ยาก ทำให้เรารอคอย ผิดหวัง และท้อแท้จนเป็นนิสัยไม่ดีและไม่มีความสุข
2. คิดและเชื่อใหม่ว่าคนทุกคนมีรากฐานชีวิตมาจากความดี และยังคงมีความดีอยู่ จะทำให้เราไม่ระแวงมนุษย์และอยากเป็นมิตรกับทุกคน อย่ามองว่าทุกคนมีความเลวหรือมีข้อบกพร่อง เพราะจะทำให้เราระแวง ไม่เป็นมิตร คอยจับผิดตัวเองและคนอื่นอยู่เสมอ
ถ้าใครมีข้อบกพร่องมากเท่าไร (ซึ่งมีกันทุกคน) เขาก็เดือดร้อนไปเองตามกฎแห่งกรรมและกฎหมาย เราช่วยไม่ได้และให้มองน้อยลง
คือให้มองมนุษย์ในแง่ดี แล้วพัฒนาความคิดที่ดี ๆ นั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่าเริ่มต้นมองมนุษย์ที่ความบกพร่องหรือความเลว เพราะเราจะระแวงและปิดประตูของมิตรภาพทันที ไม่มีทางเกิดความสมานฉันท์ได้
3. ให้คิดว่าความสุขของมนุษย์อยู่ที่ความคิด ทัศนคติที่ดีและเหมะสมของเรา ไม่ได้อยู่ที่ความสำเร็จหรือวัตถุเงินทอง หรือข้อเท็จจริงที่ประจักษ์แล้วจากสิ่งอื่น ๆ หรือคนอื่น ๆ เลย
4. ฝึกสมองทั้งสองข้าง (ซ้าย – ขวา) ให้มีสมดุลมากขึ้น โดยให้มีทั้งความคิดแบบเป็นเหตุผล (ใช้สมองซีกซ้าย) และให้มีทั้งความรู้สึกที่ดี มีความสุนทรีย์ มีมิตรภาพ (ใช้สมองซีกขวา) เราจะมีความสุขแบบสมดุลมากขึ้น ไม่มีชีวิตเอียงไปแบบสุดโต่งไปทางการใช้เหตุผลหรือตรรกะแบบแข็ง ๆ หรืออ่อนหวานเพ้อฝันมากไปแบบไร้หลักการ ซึ่งไม่ดีทั้งคู่
5. ทุกคนรู้จักความเหงา ลองแก้ความเหงาโดยการรู้สึกเป็นมิตรกับตัวเองและเป็นมิตรกับคนอื่น โดยมองตัวเองและทุกคนเป็นคนดีซิ (ตามข้อ 2)
และลองฝึกใจให้มองทุกสิ่งในโลกนี้เป็นส่วนหนึ่งซึ่งกันและกัน ต้องพึ่งพากัน เกี่ยวข้องกัน ไม่มีใครเป็นเอกเทศหรือโดดเดี่ยวได้เลย เป็นลักษณะของ Interbeing หรือฝึกให้มีความรักแบบ Universal Love
แล้วเราจะไม่ต้องพึ่งพาแอลกอฮอล์ ยาเสพติด การเที่ยวเตร่หรือติดเพื่อนอื่น ๆ เพื่อลดความเหงาเลย
6. พึ่งตัวเองให้มากขึ้น โดยใช้หลักการดำเนินชีวิตคือ รักตัวเอง – ช่วยตัวเอง – รักคนอื่น – ช่วยคนอื่น โดยอย่าหวังว่าคนอื่นจะมารักหรือมาช่วยเรา (ซึ่งเขาจะรักหรือไม่รักก็ได้) ทำให้เราไม่ต้องผิดหวังจากการคาดหวังในตัวคนอื่น
การตั้งใจเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต มักจะได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนมาเสมอ
ดีกว่าการขอหรือรอคอยให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจลงมือทำอะไรหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
บางครั้ง ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงครับ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า
การเปลี่ยนแปลงย่อมเจ็บปวดใช่มั๊ยจ๊ะmoopum
กล้าเปลี่ยนอยู่แล้วครับ
ต้องดูจุดมุ่งหมายว่า "เปลี่ยน" เพื่ออะไร?
ถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ต้องเปลี่ยนแน่นอนค่ะ
การเปลี่ยนแปลงในทางทีดีขึ้น ถือเป้นการพัฒนาตนเอง