|
เว็บศูนย์รวม "โยคะสารัตถะ |
ผมบอกครูว่า หากคำว่า identify ที่ครูพูดถึง
หมายถึงการค้นพบ เข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับอะไรบางอย่าง
ผมก็คงอยู่ในขีดขั้นของการค้นพบและเป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินชีวิต
ในมิติของการงาน หรือเป็นหนึ่งเดียวและมีความสุขกับทุกๆ เนื้องานที่ได้ลงมือทำ
ซึ่งผมประจักษ์ว่านี่ก็น่าจะเป็นความหมายของโยคะในอีกมิติหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นระดับของ self-idenfication
หรือการเข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนที่แท้จริงที่ครูถามในตอนแรกนั้น
ผมน่าจะยังอยู่อีกไกลชนิดไม่เห็นฝุ่นก็ว่าได้
"เธอเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ self-identification บ้างไหม?"
ครูชาวอินเดียผู้มีส่วนสำคัญในการทำให้ผมค้นพบที่ทางที่ลงตัวของตัวเอง ถามผมในบ่ายวันหนึ่ง
สายตาสำรวจตรวจตราของครูเปี่ยมด้วยแววอ่อนโยน - เฉกเช่นที่ครูเป็นเสมอมา
"คำว่า self-identification หมายความว่าอย่างไรครับ?"
ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจคำว่า self-identification ถูกหรือไม่ ผมจึงขอให้ครูช่วยขยายความให้ฟัง
ครูจึงอธิบายว่า
self-identification หมายถึงการที่คนๆ หนึ่งค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
หรือพูดให้ถึงที่สุดคือเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนที่แท้จริงของตน
ซึ่งคนที่บรรลุถึงสภาวะที่ว่านี้ จะไปพ้นจากความอยาก
ไม่ว่าจะในทางบวกหรือลบ
ไม่ไขว่คว้าในความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เกียรติยศ หรือทรัพย์สินเงินทอง
ทว่าจะกระทำทุกอย่างที่พึงทำ รับใช้และเกื้อกูลผู้คนและส่ำสัตว์อย่างสุดจิตสุดใจ
โดยไม่ยึดติดหรือใยดีว่าใครจะคิดหรือมองตัวเองอย่างไร
หลังจากอธิบายคำว่า self-identification จบ ครูบอกผมว่าตัวครูเองก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่พอจะตระหนักว่าตัวตนที่เป็นร่างกายและจิตใจนี้ หาใช่ตัวตนที่แท้จริงไม่
พูดอีกอย่างว่า จนถึงบัดนี้ครูรู้ว่าอะไรไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ทว่าตัวตนแท้จริงที่ไม่ใช่เป็นเพียงความคิดหรือจินตนาการจะเป็นเช่นไรนั้น ครูเองก็ยังไม่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้
ครูเล่าต่อว่าในชีวิตที่ผ่านมา ครูได้พบกับผู้ที่ครูเชื่อว่าเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว อย่างเช่น พระสงฆ์ในพุทธศาสนาบางรูป รวมทั้งคุรุสองคนของครู
คุรุคนแรก ครูเคยเล่าให้ผมฟังเมื่อหลายปีก่อนว่า เป็นเพียงผู้เฒ่าจนๆ ที่ไม่สะสมทรัพย์สินเงินทอง คอยทำหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูที่เคารพบูชาภายในวัดฮินดูเล็กๆ แห่งหนึ่ง ถึงกระนั้นก็มักมีผู้คนที่ทุกข์ยากทั้งทางกายและใจมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งท่านก็ให้ความช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
เรียกได้ว่าทุกๆ การเอื้อเฟื้อเกื้อกูลล้วนทำในนามและอุทิศแด่พระเจ้าที่ตนศรัทธาและเคารพบูชาอยู่ทุกลมหายใจ กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตท่านก็ยังบริกรรมนามของพระเจ้าองค์นั้น
ส่วนคุรุคนที่สองของครูเป็นผู้หญิงซึ่งครูเรียกว่าแม่ ผมจึงเรียกท่านว่าแม่ครูจนติดปาก
ผมพบแม่ครู ตอนที่ท่านไปทำพิธีบูชาในวันเปิดคลินิกของภรรยาของครูซึ่งเป็นหมออายุรเวท วันนั้นมีผู้คนมากหน้าหลายตาไปกราบขอพรจากแม่ครูทีละคน หนึ่งในนั้นมีผมรวมอยู่ด้วย
แม่ครูจะหลับตานิ่งและใช้มือแตะไปที่ศีรษะหรือไม่ก็ที่หน้าอกของผู้ที่มาขอพร ก่อนจะลืมตามองคนที่อยู่ตรงหน้า และบอกว่าท่านสัมผัสหรือรู้สึกถึงปัญหาและอุปสรรคอะไรที่คนๆ นั้นเผชิญอยู่ และให้คำแนะนำเป็นรายคน
ตอนที่ผมสบสายตาเฉียบคมบนใบหน้าเปี่ยมเมตตาของแม่ครู ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังมองเข้าไปในความเวิ้งว้างที่ไร้ขอบเขต ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือในความเวิ้งว้างกลับแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นอันปราณี
ครูบอกผมว่าตั้งแต่ได้พบและรู้จักแม่ครูมาหลายสิบปี เธอมักจะเกื้อกูลผู้อื่นอยู่เสมอ - ในนามของเทวีที่เธอเคารพ และสถิตอยู่กับเธอทุกขณะจิต
ครูบอกว่าต่อให้คุรุทั้งสองคนของครูยังไม่เข้าถึงตัวตนที่แท้จริง แต่อย่างน้อยๆ วิถีของความเคารพศรัทธา ผ่านการบริกรรมมนตรา และผ่านการอุทิศทุกๆ กรรมดีที่ตนกระทำแด่พระเจ้าและเทวี
ก็น่าจะเป็น "ภักติมรรค" หรือหนทางแห่งความภักดีที่นำพาท่านทั้งสองไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเทวีที่สถิตอยู่ในใจทุกห้วงยาม
ครูแหงนหน้าและเหลือบตามองขึ้นบนเพดาน พร้อมกับหงายฝ่ามือและยกขึ้นมาอยู่ที่ระดับหน้าอก ก่อนจะพูดว่า ไม่แน่ว่าเมื่อถึงวันหนึ่ง คุรุทั้งสองของครูก็อาจละวางแม้กระทั่งพระเจ้าและเทวีที่ตนเชื่อมร้อยเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากฟังครูพูดจบ ผมบอกครูอย่างไม่ลังเลว่า ผมเองยังไม่ไปถึงไหนเลย อย่างเก่งก็อาจพอพูดได้ว่าค้นพบที่ทางที่ลงตัวของชีวิต หรือวิถีของตนในระดับของวิชาชีพและการดำเนินชีวิตเท่านั้น
ผมบอกครูว่านับตั้งแต่ร่ำเรียน ศึกษาและฝึกอาสนะอย่างต่อเนื่อง และแลกเปลี่ยนการฝึกอาสนะกับผู้คนในวงเล็กๆ เรื่อยมาจนถึงการก้าวย่างบนเส้นทางของการเป็นผู้เยียวยาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมค่อยๆ ประจักษ์ในความหมายและสภาวะของโยคะในมิติของความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างองค์ประกอบซึ่งสัมพันธ์กับสิ่งที่ผมเกี่ยวข้องหรือกระทำในแต่ละขณะมากขึ้น
อย่างเช่น ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างร่างกาย ลมหายใจ และจิตใจในขณะฝึกอาสนะ หรือดื่มด่ำกับการแลกเปลี่ยนแง่คิดมุมมองเรื่องการฝึกอาสนะกับคนที่มีความสนใจเชิงลึกคล้ายกัน
เวลาเคี่ยวปรุงหยูกยาซึ่งผมมักจะบริกรรมมนตรา ทั้งก่อนลงมือเคี่ยวยาและระหว่างเคี่ยวยา ทำให้จิตจดจ่อกับการคนยากวนยาที่อยู่ตรงหน้า
หรือเวลาที่ผมนวดน้ำมันให้คนไข้ ผมมักจะดื่มด่ำ ดิ่งลึกและเพลิดเพลินกับการใช้น้ำมันโชลมและกดลูบไปตามร่างกายของคนไข้ พร้อมๆ ไปกับการเรียนรู้ที่จะจัดปรับแรงกด ค้นหาจังหวะและลีลาในการเคลื่อนมือให้สอดรับกับส่วนโค้งเว้าของร่างกายคนไข้แต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน
ผมบอกครูว่า หากคำว่า identify ที่ครูพูดถึง หมายถึงการค้นพบ เข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับอะไรบางอย่าง ผมก็คงอยู่ในขีดขั้นของการค้นพบและเป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินชีวิตในมิติของการงาน หรือเป็นหนึ่งเดียวและมีความสุขกับทุกๆ เนื้องานที่ได้ลงมือทำ
ซึ่งผมประจักษ์ว่านี่ก็น่าจะเป็นความหมายของโยคะในอีกมิติหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นระดับของ self-idenfication หรือการเข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนที่แท้จริงที่ครูถามในตอนแรกนั้น ผมน่าจะยังอยู่อีกไกลชนิดไม่เห็นฝุ่นก็ว่าได้
ครูบอกว่า การค่อยๆ คลี่คลายและประจักษ์ในความหมายของโยคะจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้าวย่างที่จะนำพาผมไปสู่วิถีที่รออยู่เบื้องหน้าก็เป็นได้ เพราะครูเชื่อว่าการเข้าถึงวิถีแห่งตัวตนที่แท้จริงอาจมีหลายเส้นทาง
คำของครูทำให้ผมหวนนึกถึงก้าวย่างบนเส้นทางสายโยคะของตัวเอง....
ไม่มีความเห็น