รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายกรมบัญชีกลาง


เตรียมการรองรับโครงการไทยเข้มแข็ง และการใช้งบประมาณปี 2553 โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เป็นหลักสำคัญ

รมช. คลัง ประชุมผู้บริหารกรมบัญชีกลาง  ติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด และมอบนโยบายสำคัญโดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  และการแก้ไขกฎหมาย  ระเบียบ ข้อบังคับ ต่างๆ  รวมทั้งเตรียมการรองรับโครงการไทยเข้มแข็ง และการใช้งบประมาณปี 2553 โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เป็นหลักสำคัญ

             นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารกรมบัญชีกลางเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานและมอบนโยบาย เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2552 ว่า นับแต่
ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลงานของกรมบัญชีกลาง  ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางมีภารกิจที่สำคัญหลายด้านโดยเฉพาะการกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินงบประมาณ  เงินนอกงบประมาณ การบริหารเงินคงคลัง ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้  รวมถึงการกำหนดกฎหมาย  ระเบียบ ข้อบังคับ ต่างๆ ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับ
การใช้จ่ายงบประมาณด้วย จึงได้มอบนโยบายที่สำคัญๆ ไว้หลายเรื่อง  เช่น

1.        การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 มีเป้าหมายต้องเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมร้อยละ 94 ของวงเงินงบประมาณ  1.835 ล้านล้านบาท และงบลงทุนร้อยละ 74 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ  จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2552  มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 1.297 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70.73 และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้  รวมถึงงบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 1.1 แสนล้านบาท ก็ได้มีการเบิกจ่ายในโครงการสำคัญ ๆ ตามนโยบายรัฐบาลเป็นจำนวนมากแล้ว โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย
โดยจ่ายเป็นเช็คช่วยชาติ จนถึงปัจจุบันมีผู้รับ
เช็ค
   นำเงินไปขึ้นเงินแล้วจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท คงเหลืออีกจำนวน 526,684 ราย ที่ยังไม่ขึ้นเงิน และขณะนี้ก็ได้มอบหมายให้เร่งดำเนินการประเมินผลว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด บุคลากรภาครัฐและประชาชนมีความพึงพอใจหรือไม่

2.        การเร่งแก้ไข ปรับปรุง กำหนด กฎ ระเบียบ ต่าง ๆ โดยที่มีกฎหมายหลายฉบับผ่านการพิจารณาจาก ครม. แล้ว อยู่ระหว่างการบัญญัติกฎหมาย ก็กำชับให้ติดตามว่าจะสามารถเร่งรัดกฎหมายใดเพื่อดำเนินการต่อไปได้ โดยให้พิจารณาถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ  มีกฎหมายหลายฉบับที่สำคัญซึ่งต้องผลักดันให้
มีผลบังคับใช้ต่อไป  เช่น ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ....
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นต้น

 

 

3.        การดูแลทุกข์สุขเกี่ยวกับสวัสดิการ  ความเป็นอยู่ของบุคลากรภาครัฐ และประชาชน เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี สามารถครองชีพได้ในสภาวะการต่าง ๆ ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เช่น  ค่าเล่าเรียนบุตร  ค่ารักษาพยาบาล  การช่วยเหลือผู้รับบำนาญซึ่งเป็นผู้สูงอายุ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย  และดูแลด้านสุขภาพพลานามัยของคนในครอบครัวด้วย 

4.        การช่วยเหลือภาคเอกชน ในฐานะผู้ประกอบการที่ต้องติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้ได้รับการปฏิบัติจากหน่วยงานภาครัฐด้วยความยุติธรรมเท่าเทียมกัน  มีความโปร่งใส  โดยการพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP)  ซึ่งผู้ประกอบการและประชาชนสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างได้ทุกขั้นตอน และเร่งหาแนวทางปรับปรุงการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์  (e-Auction) ให้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้

             “สุดท้าย นโยบายที่สำคัญของรัฐบาล  คือ ต้องเตรียมมาตรการรองรับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว  รวมถึงงบประมาณสำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (Stimulus Package 2 : SP2) หรือแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555  ซึ่งมีวงเงินรวมถึง 1.43 ล้านล้านบาท และในระยะที่ 2 ปีงบประมาณ
พ.ศ.
2553 นี้ จะมีวงเงินสำหรับการลงทุนทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งต้องดูแลเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นประโยชน์สูงสุด” นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์
  กล่าว

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 281161เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2009 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท