พักนี้ต้องทบทวนเอกสารทางวิชาการหลายอย่าง แล้วก็ต้องมาตกใจกับข้อมูลที่เป็นความสูญเสียของประเทศไทยที่เราอาจจะมองไม่เห็น อย่างการสูญเสียรายได้ของรัฐเนื่องจากประชาชนเล่นการพนันในประเทศ อันนี้ก็เสียหาย แต่ยังไม่เท่ากับเงินที่ไปเล่นการพนันต่างประเทศ และยังไม่เท่ากับเงินที่หายไปเพราะยาเสพติด ดังที่จะยกมาต่อไปนี้
เมื่อปี 2540 ศูนย์วิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจการเมืองจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยผาสุก พงษ์ไพจิตร และคณะ ได้ทำศึกษาไว้ในช่วงปี พ.ศ.2538-2539 พบว่าประเทศไทยต้องสูญเสียเงินตราไปให้กลุ่มผู้ผลิตสารเสพติดต่างชาติประมาณ 28,000 – 33,000 ล้านบาทต่อปีในขณะนั้น คิดได้เป็นประมาณร้อยละ 1.0-1.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Gross National Product: GNP)
ทีนี้ลองเอามาคิดเทียบในปี 2550 ที่ประเทศเรามีมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเท่ากับ 8.2 ล้านล้านบาท ตามรายงานของสำนักสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2551) ก็จะพบว่าประเทศไทยต้องสูญเสียเงินตราส่วนนี้ไปไม่ต่ำกว่า 0.8 – 1 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศไทย ในภาพรวมของปี 2550 ตามข้อมูลจากสำนักงบประมาณ (2549) ที่มีวงเงินจำนวนทั้งหมด 1.6 ล้านล้านบาท เทียบกันก็จะเห็นความมหาศาลที่หายไปคิดได้ประมาณร้อยละ 5
หรือเมื่อนำมาเทียบกับที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล ทั้งนี้ก็เพื่อดำเนินงานตามแผนเสริมสร้างความมั่นคงของชีวิตและสังคมโดยประมาณจำนวน 1.9 พันล้าน ในปีเดียวกันนี้ จะเห็นว่าส่วนที่หายไปนี้มากกว่าที่สำนักงาน ป.ป.ส.ได้รับเพื่อใช้จ่ายประจำปี ถึง 50 เท่า ที่มากกว่า 50 เท่านี้ บอกอะไร บอกว่าปัญหามันมีขนาดใหญ่มาก มากเสียจนลำพังเท่าที่กำลังจัดการกันอยู่นี้ไม่น่าจะเอาอยู่
ความสูญเสียเหล่านี้ขณะที่ยังไม่ได้นับรวมความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากผลกระทบด้านอื่นๆ ที่ตามมา เช่น งบประมาณที่ต้องใช้เพื่อการบำบัดรักษาและฟื้นฟู งบประมาณที่ต้องเยียวยาชุมชนและสังคม รวมถึงต้นทุนชีวิตที่หายไปทั้งหมดหรือบางส่วนของคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงนับเป็นความสูญเสียร่วมกันของคนในชาติ และสุดท้ายก็จะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศชาติด้วย
อ้างอิง
ไม่มีความเห็น