การปฏิวัติทางการศึกษา (Education revolution)
วิธีการเรียนรู้ของนักเรียนนักศึกษาในอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างมาก คือจะเน้นตัวผู้เรียนเป็นหลัก แทนการเน้นตัวผู้สอนที่สอนนักเรียนจำนวนมากพร้อมกันทั้งห้อง ซึ่งเป็นวิธีที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อประมาณสองศตวรรษก่อน วิธีการเรียนในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ นี้จะเป็นการเรียนรู้แบบสร้างประสบการณ์โดยเน้นให้นักเรียนค้นพบด้วยตัวเอง (learning by discovery) เป็นการศึกษาที่นักเรียนจะเรียนรู้ว่าจะเรียนรู้เองต่อไปได้อย่างไร (learning how to learn) ที่เป็นดังนี้ได้ เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทำงานมัลติมีเดียจะทำให้เราสามารถกลับไปใช้ระบบที่ครูทำหน้าที่สำคัญในการสอน และชี้นำนักเรียนเป็นรายบุคคล คอมพิวเตอร์จะช่วยให้ครูไม่ต้องทำงานซ้ำๆกันในการสอนกิจกรรม อย่างง่าย และสามารถใช้เวลามากขึ้นกับนักเรียนที่ต้องการความเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ การศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี (technology aided education)มีข้อได้เปรียบหลายประการคือ
- การเรียนรู้เป็นแบบโต้ตอบกัน
- นักเรียนจะเรียนรู้ได้ในอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับตนเอง
- การเรียนรู้จะเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ โดยผ่านระบบการเรียนทางไกล (distance learning) ที่ต่อโยงผู้เรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียไปยังศูนย์การศึกษา
- อุปกรณ์ประกอบการเรียนจะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น เพราะจะมีทั้งอักษร ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว และเสียง และการต่อโยงของเนื้อหาในแบบไฮเปอร์มีเดีย (hypermedia) ซึ่งช่วยให้นักเรียนสามารถถามถึงสิ่งที่ตนสนใจต่อโยงกันไปได้เรื่อยๆโดยไม่ถูกจำกัดให้เห็นเฉพาะส่วนที่กำหนดไว้
วิธีการเรียนรู้เช่นนี้จะมีใช้ในทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา รวมทั้งระดับการฝึกอบรมวิชาชีพต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้ วิธีการสอนเช่นนี้ก็ทำให้สามารถรวมเนื้อหาของวิชาที่เกี่ยวเนื่องกัน(content integration) ให้สามารถสอนไปพร้อมกันเช่น สามารถสอนเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ วิชาการเงิน และวิชาจริยธรรม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกันไปพร้อมกัน แทนที่จะต้องสอนแยกกันเป็น ๓วิชา ซึ่งจะทำให้เข้าใจยาก เช่น การประยุกต์ใช้งานเนื้อหาส่วนที่เป็นเรื่องของจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานด้านการเงิน เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีหลายกรณีที่สามารถทำการทดสอบผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังศูนย์การศึกษา ซึ่งสะดวกต่อการวัดผลการเรียน และการกำหนดมาตรฐานคุณภาพของการศึกษาในระบบการสอบด้วยคอมพิวเตอร์แบบมาตรฐาน (computerbased uniform testing) นักศึกษาที่เรียนรู้ได้ช้าก็สามารถเรียนต่อเนื่องไปได้โดยใช้เวลามากขึ้นขณะที่นักเรียนที่เรียนรู้ได้เร็ว ก็สามารถก้าวหน้าไปได้เร็วขึ้น แทนที่จะต้องรอขึ้นชั้นใหม่พร้อมกันทุกคน การสอบก็สามารถทำได้เมื่อนักศึกษาพร้อมที่จะสอบ โดยตัวข้อสอบจะถูกสร้างขึ้นใหม่สำหรับนักศึกษาแต่ละคน เป็นการตัดปัญหาการทุจริตหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในห้องสอบ
การนำ ICT เข้ามาเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมในการเรียนรู้ จำเป็นต้องอาศัยหลักการหลายอย่างประกอบกัน เช่น ทฤษฎีทางจิตวิทยา หลักการออกแบบสื่อ การบริหารจัดการข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้สอนและผู้เรียน เป็นต้น มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้บกพร่องทางด้านการเรียนรู้ ทำให้ช่องว่างแห่งการเรียนรู้ลดลงบ้าง
ปัจจุบันนี้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้แพร่หลาย และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจำนวนมากสามารถเข้าถึงได้ง่าย ดังนั้นการเรียนรู้ในโลกออนไลน์ หรือที่เรียกกันติดปาก ว่า E-learning ได้เป็นเริ่มมีการใช้มากขึ้น สถาบันการศึกษาทั้งในและนอกระบบได้ใช้ศักยภาพของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มที่ เริ่มมีการทดลองจัดหลักสูตรออนไลน์ โดยมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ผู้สอนสามารถประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้ ซึ่งทำให้ครบวงจรของการจัดการเรียนการสอน คือ มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และมีการวัดและประเมินผล
เทคโนโลยีนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด ซึ่งผู้สอนหรือผู้มีหน้าที่จัดการเรียนรู้ต้องเลือกให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่จะนำเสนอ ตลอดจนการวิเคราะห์ผู้เรียนว่ามีความพร้อมหรือมีความสะดวกที่จะใช้เทคโนโลยีนั้นหรือไม่ หลักการสำคัญของการเรียนการสอนไม่ใช่การพยายามจะนำสิ่งที่ล้ำสมัยมาใช้เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือ ทำอย่างไรผู้เรียนถึงจะเกิดการเรียนรู้ได้ดีสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งจะเป็นทักษะที่สำคัญเพื่อทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีคุณภาพและมีความสุข
ดังนั้นเราจึงสามารถนำเอา ICT มาช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ได้ดังนี้
1. การจัดระบบการเรียน-การสอน โดยใช้ ICT สามารถลดข้อจำกัดในเรื่องระยะทาง ผู้เรียนสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ได้ทั่วโลกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2. ในการใช้ ICT ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเวลา นักเรียนสามารถเรียนรู้เรื่องราวที่ตนสนใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาเปิด-ปิดโรงเรียนมาเป็นข้อจำกัด
3. ICT ช่วยแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จาก E-books ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบมัลติมีเดีย หรือระบบ E-Learning ที่มีการจัดการเรียน-การสอนโดยจำลองแบบมาจากห้องเรียนจริง
4. เมื่อมองในภาพรวม ICT ช่วยลดต้นทุนการจัดการศึกษา เมื่อมองในภาพรวม เพราะสามารถกระจายชุดการเรียน-การสอนไปยังผู้เรียนโดยผ่านเครือข่ายได้อย่างทั่วถึง
ที่มา: http://www.sci.nu.ac.th/information-it/index.php?topic=2439.0
Posted by: Ratchanee....
ไม่มีความเห็น