เทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ


วิทยากรมืออาชีพ

     สวัสดีค่ะ

             หายไปนานมากทีเดียว มัวแต่ไปอบรมเพื่อรับความรู้จากวิทยากร โดยได้เข้าร่วมอบรมเรื่องเทคนิคการเป็นวิทยากรของสถาบัน สคบศ. เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2552 ณ เดอะรอยัลเจมส์ จ.นครปฐม  ทำให้ได้รับความรู้เรื่องการเป็นวิทยากรที่ดีนั้น จะต้องเป็นอย่างไร ขอเล่าประสบการณ์ตรงที่ได้รับมานะค่ะ

บทบาทและเทคนิคการเป็นวิทยากร

                การเป็นวิทยากรนั้นใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่การเป็นวิทยากรที่ดีคงไม่ง่ายอย่างที่คิดกัน เพราะการทำหน้าที่วิทยากรมีความจำเป็นต้องอาศัยการพูดหรือการสื่อสารเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนอบรมเป็นอย่างดีก็คงจะทำหน้าที่วิทยากรได้ไม่สำเร็จหรือสำเร็จได้ก็ไม่ดีเปรียบไปแล้วการพูดก็เหมือนการว่ายน้ำ ถ้ามัวแต่อ่านหรือท่องตำราโดยไม่ลงน้ำหรือกระโดดลงน้ำเสียบ้างก็ไม่อาจจะว่ายน้ำเป็นได้เลย ผู้ที่ศึกษา หลักการ  ทฤษฎี  วิชา ว่ายน้ำเพียงแต่อ่านตำราก็คงจะจมน้ำตาย  เมื่อต้องลงสระเสมือนผู้ที่ศรัทธาวิชาการพูด เพียงแต่ศึกษาทฤษฎีก็อาจตกม้าตายเมื่อขึ้นเวที

                ดังนั้น การเป็นวิทยากรที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ เทคนิคต่าง ๆ ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การพูด การสื่อสาร การจัดกิจกรรม ฯลฯ

วิทยากร คือ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวการสำคัญ ที่จะทำให้ผู้เข้ารับการอบรม เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดทักษะ เกิดทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับเรื่องที่อบรม จนกระทั่งผู้เข้ารับการอบรมเกิดการเรียนรู้และสามารถจุดประกายความคิด เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ หรือพฤติกรรมไปตามวัตถุประสงค์ของเรื่องหรือวิชานั้น ๆ

 เทคนิคการเตรียมตัวเป็นวิทยากรที่ดี

                บางคนเชื่อว่าการเป็นวิทยากรที่ดีเกิดจากพรสวรรค์      แต่บางท่านก็เชื่อว่าเกิดจากพรแสวง    จะโดยพรประเภทใด ก็ตามวิทยากรที่ดีก็ควรจะรู้จักเทคนิควิธีการเตรียมตัว ซึ่งอาจกระทำได้หลายวิธีด้วยกัน  กล่าวคือ

                ๑. การหาข้อมูล โดยวิธีต่าง ๆ เช่น

                 ๑.๑ อ่านตำราหลาย ๆ ประเภท

                ๑.๒ ฟังจากคนอื่นเล่า หรือฟังจากเทปวิทยุ

                 ๑.๓ ศึกษาจาก วิดี ทัศน์ รายการโทรทัศน์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์

     ๒. สะสมข้อมูลต่าง ๆ โดยจัดเก็บเป็นระบบหรือแบ่งเป็นประเภท  เช่น

                ๒.๑ ประเภทเพลง

                ๒.๒ ประเภทคำขวัญ คำกลอน สุภาษิต คำคม คำพังเพย และคำประพันธ์ต่าง ๆ

                ๒.๓ ประเภทคำผวน

                ๒.๔ ภาษาหักมุม (คิดสวนทางเพื่อให้ผู้ฟังฮา)

                ๒.๕ ลูกเล่นเป็นชุด หรือประเภทนิทานสั้น ๆ

                ๒.๖ ประเภทเชาว์ เช่น คำถามอะไรเอ่ย ฯลฯ

                ๒.๗ ประเภทเกมหรือกิจกรรม

. ศึกษาข้อมูลแต่ละประเภท พยายามจับประเด็นและหักมุมนำเข้าในเรื่องที่จะเสนอให้ได้

. หัดเล่า ให้เพื่อนหรือคนอื่นฟังในวงเล็ก ๆ ก่อนโดยคำนึงถึง

               ๔.๑ การเริ่มเล่าให้เด็กฟังและขยายวงถึงผู้ใหญ่

                ๔.๒ ต้องพยายามหักมุมตอนท้ายให้ได้

                ๔.๓ ใช้น้ำเสียงที่เหมาะสมในการเล่า

                ๔.๔ ใช้ลีลาหรือกิริยาท่าทางประกอบการเล่า

                 อย่างไรก็ดีมีผู้เปรียบเทียบว่าการเป็นนักพูดหรือวิทยากรที่ดีก็เหมือนกับเด็กหัดขี่จักรยานนั่นเอง โดยยกตัวอย่างแสดงไว้ให้เห็นชัดเจนดังนี้

                                ๑. เด็กอยากได้จักรยาน                       :    อยากเป็นวิทยากรมืออาชีพ

                                ๒. หัดขี่แล้วมักจะล้ม                          :    ฝึกพูดอาจจะไม่สำเร็จในบางครั้ง

                                ๓. หัดขี่ให้เป็น                                     :   ฝึกพูดให้เป็นวิธีการ / หลักการ

                                ๔. ขี่ทุกวันก็จะเกิดความชำนาญ      :   ฝึกหรือแสดงบ่อย ๆ จะชำนาญ

 คุณสมบัติของวิทยากรที่ดีและมีประสิทธิภาพมีดังนี้

คุณลักษณะทั่วไป

. มั่นใจในตนเอง เตรียมพร้อม ซ้อมดี มีสื่อและวิธีการ ที่เหมาะสม

. เป็นคนช่างสังเกต คอยสังเกตพฤติกรรมทางกาย วาจา ตลอดจนกระบวนการกลุ่มของผู้เข้ารับการอบรม

. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง

. มีการวางแผนที่ดี ทั้งเนื้อหาและลำดับขั้นตอนการนำเสนอรวมทั้งสื่อและเครื่องมือการสื่อสาร

. มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีและประสานงานเก่ง

. มีบุคลิกภาพที่ดี

. มีความเป็นกัลยาณมิตร ยิ้มแย้ม แจ่มใส เป็นกันเอง คอยช่วยเหลือด้วยน้ำใจ มีความเมตตา ยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคลและมีความเห็นใจของผู้เข้ารับการอบรม

. เป็นนักประชาธิปไตย มีความยืดหยุ่น รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่สรุปตัดบทง่าย ๆ เมื่อมีผู้เสนอความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป

๑๐.มีความจริงใจในการถ่ายทอดความรู้

๑๑.ปฏิบัติตนต่อผู้เข้ารับการอบรมอย่างเสมอภาค ทัดเทียม วางตนเหมาะสมกับทุกคน

๑๒.มีแบบฉบับลีลาที่เป็นของตนเองยอมรับจุดเด่นและจุดด้อยของตนและ มีความภูมิใจและเข้าใจ ในบุคลิกภาพของตนเอง และใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ การเป็นวิทยากร

. ต้องรู้จริง

                ๑. ต้องเป็นคนรอบรู้ ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ

                ๒. ต้องรู้รายละเอียดในเรื่องนั้นอย่างเพียงพอ

                ๓. ต้องเข้าใจเหตุผลของรายละเอียดนั้น

                ๔. ต้องรู้สมมติฐานหรือความเป็นมาของสิ่งนั้น

                ๕. ต้องสามารถประยุกต์สิ่งนั้นให้เห็นเป็นจริงได้

. ถ่ายทอดเป็น

                ๑. มีเทคนิคต่าง ๆ เช่น การบรรยาย การนำอภิปราย การสัมมนา กรณีศึกษา การจัดกิจกรรม ฯลฯ เพื่อทำให้เกิดความรู้ เข้าใจง่าย ได้สาระ

. พูดเป็น คือ พูดแล้วทำให้ผู้ฟังเข้าใจตามที่พูดได้อย่างรวดเร็ว สามารถพูดเรื่องยาก ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย

. ฟังเป็น คือ ตั้งใจฟัง ฟังให้ตลอด ขณะที่ฟังต้องควบคุมอารมณ์ ขณะที่ฟังอย่าคิดคำตอบทันที และเท่อฟัง จงฟัง เอาความหมายมากกว่าถ้อยคำ

. นำเสนอเป็นประเด็นปละสรุปประเด็นให้ชัดเจน

                ๕. มีอารมณ์ขัน สร้างบรรยากาศในการอบรมได้อย่างเหมาะสม

                ๖. มีประสิทธิภาพในการอบรม สามารถเชื่อมโยงทฤษฎีเข้ากับการปฏิบัติได้ดี มองเห็นเป็นรูปธรรม

                ๗. ใช้ภาษาพูดได้ดี ใช้ภาษาง่าย ๆ รู้จักเลือกภาษาให้ตรงกับเนื้อหาและตรงกับความต้องการและพื้นฐานความรู้ของผู้ฟัง

. มีหลักจิตวิทยาในการสอนผู้ใหญ่

                ๑. ความสนใจในการรับฟังจะเกิดขึ้นจากการรับรู้ถึงเรื่องที่วิทยากรจะพูดหรือบรรยาย

                ๒. มุ่งประโยชน์ในการรับฟังเป็นสำคัญ

                ๓. จะตั้งใจแลเรียนรู้ได้ดี ถ้าวิทยากรแยกเรื่องที่สอนออกเป็นประเด็น / ขั้นตอน

                ๔. จะเรียนรู้ได้ดีถ้าได้ฝึกปฏิบัติไปด้วยพร้อม ๆ กับการรับฟัง

                ๕. จะเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าฝึกแล้วได้ทราบผลของการปฏิบัติอย่างรวดเร็ว

                ๖. จะ เรียนรู้ได้ดีเมื่อมีการฝึกหัดอยู่เสมอ

                ๗. จะเรียนรู้ได้ดีเมื่อเปิดโอกาสให้ใช้เวลาในการทำความเข้าใจ อย่าเร่งรัด เพราะแต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้ต่างกัน

. มีจรรยาบรรณของวิทยากร

                ๑. เมื่อจะสอนต้องมั่นใจว่ามีความรู้จริงในเรื่องที่จะสอน

                ๒. ต้องมุ่งประโยชน์ของผู้ฟังเป็นที่ตั้ง

                ๓. ไม่ควรฉกฉวยโอกาสในการเป็นวิทยากรเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

                ๕. ความประพฤติและการปฏิบัติตนของวิทยากร ควรจะสอดคล้องกับเรื่องที่สอน

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะที่สำคัญในการเป็นวิทยากรที่ควรเสนอไว้เพิ่มเติมอีกด้วยว่าวิทยากรที่ดีจะ

                ๑. ต้องมีกิจกรรมมากกว่าการบรรยาย

                ๒. ต้องมีการเตรียมตัวที่ดี

                ๓. ต้องมีสื่อช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ดี

                ๔. ต้องมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหา เวลา และตรงเวลา

                ๕. ต้องให้คนติดใจในการเรียนรู้ มิใช่ติดใจในลีลาการแสดงเพราะวิทยากรไม่ใช่นักแสดง

                ๖. ต้องคำนึงอยู่ตลอดเวลาว่าวิทยากรมีหน้าที่ไปทำให้เขารู้อย่าไปอวดความรู้แก่เขา      และวิทยากรไม่มีหน้าที่พูดให้คนอื่นงง

                                                             ครูอ้อ กศน.

               

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 279810เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2009 18:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 13:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

แวะมาอ่านวิทยากร ได้ประโยชน์มาก ขอบคุณที่นำเสนอ

  • ปิ๊งหลายข้อค่ะ  ตัดใจยกมาสักข้อ ซึ่งน่าจะมาจากฉันทะ
  • "ต้องเป็นคนรอบรู้ ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ"
  • จริงเลยค่ะ ข้อนี้ เพราะถึงเวลาสิ่งที่เราพูดคืออะไรก็ได้ที่เราบ่มเพาะสะสมเอาไว้จนตกผลึกนานพอสมควรแล้วค่ะ
  • ส่วนเรื่องการถ่ายทอดเป็นและเทคนิคด้านจิตวิทยาคงต้องนำไปหมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ ค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะ

ค่ะต้องขอบคุณ อ.อ้อค่ะ ทำงานกศน.จะต้องมีความรู้ในเรื่องของการพูดเป็น พูดในชุมชน เป็นวิทยากรกระบวนการ หรืออยู่ในพื้นทีอาจถูกเชิญ ให้เราไปกล่าวอวยพรงานต่าง ๆ หรือขอให้เป็นพิธีกรจำเป็น ฯลฯ เราจึงต้องมีความพร้อม ได้อ่านบทความแล้วมีประโยชน์ใช้ได้หลายข้อเลย หูนูก็รับมอบหมายจาก ผอ.ให้เป็นพิธีกรอยู่เป็นประจำ คิดว่าตนเองมีความพร้อม และความกล้าแสดงออก แต่กลับมองว่า เราควรจะรู้เรื่องลำดับขั้นตอนด้วยใช่ม๊ะค่ะ ครู กศน.ก็ต้องศึกษา แสวงหาด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท