ที่วัดในหมู่บ้านม่วงสร้อย ผมได้รู้จักท่านเจ้าอาวาส ท่านอายุราวๆ 46 ปี
ท่านเป็นผู้ป่วยเบาหวาน ที่รักษากับรพ. ปายมาหลายปี มาอยู่ที่นี่ 3 ปีก็มีบุญได้รู้จักท่าน
สิ่งที่ทำให้ต้องรู้จักกันมากขึ้นคือ
ครั้งแรกเมื่อ1 ปีกว่าๆ ผมได้ขอนิมนต์ท่าน ร่วมเป็นจิตอาสาข้างเตียงในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ซึ่งท่านก็ได้ให้ความเมตตาร่วมมือ และช่วยเหลือเเละจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีม EOL รพ.ปาย
เมื่อก่อนเข้าพรรษา ผมได้เชิญท่านเป็นส่วนหนึ่งของทีมโรงพยาบาลปาย 4 คน เข้าร่วมอยรม work shop การเผชิญความตายอย่างสงบของเสมสิกขาลัย
ซึ่งเราได้ขับรถไปกันเองตั้งแต่แม่ฮ่องสอนถึง กำแพงแสนนครปฐม(สารถี คือผม...เองครับ)
เป็นการเดินทางที่ยาวไกล และเป็นที่ๆไม่เคยไป จึงต้องกางแผนที่ช่วงที่ต้องเลี้ยวไปนครปฐม
แต่ก็ถึงด้วยความปลอดภัย ทั้งๆที่ไม่ค่อยรู้ทางเลย ไปกับความมืด
ผมและทีมจึงคิดว่า นี่น่าจะเป็นอานิสงค์ ของการที่ทีมของเรา
ได้รับพระธุดงค์ 3 รูป ขึ้นรถมากรุงเทพกับเราด้วย
ท่านโบกรถเราตั้งแต่ที่เชียงใหม่ ได้ความว่าท่านจะเดินทางไปจำพรรษาที่ภาคใต้ และจะขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง
เราจึงไปส่งท่านก่อนเข้ากรุงเทพ โดยได้เหมา taxi ต่อไปให้ท่าน (ตอน 11 โมงก็ถวายเพล)
เป็นเรื่องของผลบุญที่ให้ผล เร็วมาก (ทั้งการขับรถที่หลวงพ่อบอกว่าไม่เคยนั้งรถเร็ว140 มาก่อนเลย)
เข้าเรื่องครับ..^_^
เมื่อวันพระครั้งที่แล้ว หลังจากการอยู่ร่วมกัน หลายวัน การเดินทางด้วยกัน ทำให้ได้มีโอกาส
สนทนาธรรมกับท่าน... มีความรู้เพิ่มขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้น
แม้ท่านจะเป็นพระบ้านแต่ก็มุ่งมั่นในการทำกิจของพระสฆ์ที่สมบูรณ์
ท่านจึงได้ชักชวนให้ไปร่วมภาวนาเจริญสติ เอาความรุ้และประสบการณ์
ในการปฏิบัติภาวนาของเราไปร่วมแบ่งปันกับ คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่นุ่งขาว ห่มขาว
มานอนที่วัดในวันพระ หลวงพ่อให้เรียกว่าเป็นกลุ่มของพ่อศีล แม่ศีล (โยคี.)
ครั้งที่แล้วนั้นเป็นครั้งแรกก็ได้ไปกราบและเเนะนำตัว หลายคนก็พอรู้จักกันเพราะเป็นคนไข้อยู่
ก็ได้เริ่มกิจกรรมร่วมกัน คือ การเริ่มนั่งสมาธิ เจริญสติภาวนา....
ที่ศาลาวัด ที่ล้อมด้วยทุ่งนา เงียบสงบ นับเป็นที่ๆ สัปปายะมาก
สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความสงบของแต่ละคน
ผมไม่แน่ใจและไม่พยากรณ์ ธรรมของแต่ละท่านนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ได้ร่วมภาวนาและ
ร่วมสนทนาธรรมกับทุกท่าน ด้วยความอ่อนน้อม......
เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิต......
เข้าหัวข้อธรรม เรื่อง สังสารวัฏ ภพ-ภูมิ ความเห็นเรื่องการเกิด-ตาย
อริยสัจย์ 4 การเจริญสติปัฏฐาน 4 แนวทางแห่งการพ้นทุกข์
และเสริมด้วยเรื่องของความตาย และการเผชิญความตายอย่างสงบ
ที่ผมและหลวงพ่อไปเรียนรู้มา เพิ่มเติม........
เสร็จแล้วเราก็ นั่งสมาธิ เจริญสติถาวนากันอีกครั้ง30 นาที
จากนั้นหลวงพ่อก็ได้นำพวกเราแผ่เมตตาอุศส่วนกุศลกับเจ้ากรรมนายเวร + ฯลฯ...
เมื่อวานนนี้ก็เป็นอีกวันหลังจากที่ร่วมภาวนากับชมรมวิถีพุทธ เมื่อตอนเที่ยง
ช่วงเวลาที่ได้ไปภาวนาร่วมกับทุกๆคนที่วัดคือ 16.30-18.30..
กิจกรรมก็เหมือนเดิม แต่วันนี้มีพ่อศีล แม่ศีลเพิ่มขึ้นมาก
แต่ก็มีความสงบเหมือนเดิมเวลาที่นั่งสมาธิ
มีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ การร่วมแบ่งปัน สภาวะธรรม ขณะที่อยู่ที่วัด และขณะที่เจริญสมาธิ...
ฟังหลายคนอธิบายก็รู้สึก ขนลุกเหมือนกัน ....เหมือนได้ความรู้สึกที่ดีๆ เป็นสุข
มีคำถามที่สำคัญเมื่อวานนี้ที่ได้กราบเรียนถามพ่อศีลแม่ศีลแต่ละท่าน
ถึงเป้าหมายของการปฏิบัติ เป็นเป้าหมายสูงสุด
ครึ่งหนึ่งตอบอย่างเด็ดเดี่ยวมั่นใจว่า ที่ทำมาทั้งหมด ทุกวันนี้ คือ
อยากพ้นทุกข์ ไม่อยากต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก.......
อนุโมทนา
ขอให้กุศลผลบุญและการปฏิบัิติของน้องหมอส่งผลให้เกิดความสำเร็จตามใจหวังด้วยค่ะ
เห็นด้วยมากๆ
"อยากพ้นทุกข์ ไม่อยากต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก......."
มาร่วมอนุโมทนาบุญครับ สาธุ สาธุ สาธุ
ถ้าเราอยู่อย่างรู้เนื้อรู้ตัวทุกขณะหายใจเข้าออกเราก็พ้นทุกข์ทันทีขอรับ..
สาธุๆๆ..