เว็บศูนย์รวม "โยคะสารัตถะ |
Dr. Jayadeva Yogendra เรื่อง
ธำรงดุล แปลและเรียบเรียง
(เข้าอ่านงานเขียนทั้งหมดที่นี่)
จาก Yoga and Total Health Vol.LIV No.4 November2008
กล่าวสั้นๆ ได้ว่ามันคือการจัดการพฤติกรรมของคนหนึ่งที่มีต่อผู้อื่น
พร้อมไปกับการตามรู้กระบวนการทางร่างกายและจิตใจ (อาสนะ, ปราณยาม)
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะนำไปสู่วิถีการสร้างทัศนคติต่อชีวิตอย่างเป็นองค์รวม
เสริมสร้างความกลมกลืนสมดุลของร่างกาย
และยังช่วยการจัดปรับกลไกการทำงานภายใน
โยคะเป็นศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ และได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบของการพัฒนาตนเอง ในปัจจุบันโยคะยังคงเป็นที่นิยมในประเทศต้นกำเนิด (อินเดีย) ซึ่งผู้ปฏิบัติหลายคนนำกระบวนการกาย-จิตสัมพันธ์ไปปรับใช้ หรือนำไปใช้ฝึกสมาธิ โดยผู้ปฏิบัติล้วนได้รับผลดีทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างเท่าเทียมกัน
การปฏิบัติโยคะได้รับความสนใจจากผู้คนแม้จะมีวิถีชีวิตแตกต่างกัน และยังได้รับความสนใจจากผู้คนในประเทศต่างๆ ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะฝึกโยคะจากตำรา หรือจากการได้รู้จักกับคนอินเดีย แล้วนำมาซึ่งความสนใจในศาสตร์โยคะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มปัญญาชน, นักวิทยาศาสตร์, รวมถึงผู้นำทางสังคมต่างๆ
ในปัจจุบันมีการแสดงทัศนะต่อโยคะอย่างหลากหลายจากบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้งชายและหญิง บุคคลในแวดวงวิทยาศาสตร์ และทางการแทพย์ โดยมีบทความ องค์ความรู้ใหม่ต่างๆ มากมาย อาทิ "โยคะคือวิถีปฏิบัติทางกายภาพ", " มีอาสนะที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละโรคโดยเฉพาะ, "โยคะตามตำราโบราณไม่เหมาะกับสภาวะจิตใจของคนรุ่นใหม่" เป็นต้น ซึ่งเป็นความเห็นที่ไม่ได้มาจากผู้ที่ปฏิบัติโยคะ แต่เป็นเพียงความรู้บางส่วนจากคนที่ไม่ได้รู้จักโยคะจากต้นกำเนิดของโยคะโดยตรง การกล่าวถึงโยคะในทำนองนี้ เป็นเพราะไม่มีการศึกษาลึกลงไปถึงศาสตร์ดั้งเดิม หรือศึกษาในระดับจิตวิญญาณอย่างจริงจัง รวมถึงขาดความเข้าใจอย่างเป็นองค์รวมหรือไม่มีประสบการณ์ที่แท้จริง ตัวอย่างเรื่องคนตาบอดคลำช้าง เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดที่แสดงถึงความเข้าใจต่อโยคะของคนทั่วไปในยุคนี้
โยคะยังคงได้รับความนิยม แต่อย่างไรคือโยคะ? การใช้คำว่าอาสนะแทนคำว่าโยคะ ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย เพียงการนั่งขัดสมาธิและท่องมนตราอย่างขาดความเข้าใจนั้นไม่ใช่โยคะ เหมือนคนที่ห้อยหูฟังของแพทย์ไม่ได้ทำให้คนที่ไม่ใช่หมอเป็นหมอได้
เมื่อนำแนวคิดแบบวัตถุนิยมเข้ามาจับกับโยคะ เราพบว่าโยคะแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นในการค้นหาภายในตนเอง กลับถูกบิดเบือนกลายเป็นเพียงยิมนาสติกและแฟชั่นตามสมัยนิยมเท่านั้น
ถ้าเราเข้าใจอย่างถูกต้อง จะพบว่าหลักการโยคะสร้างคุณค่าในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นทัศนคติบนพื้นฐานของความเข้าใจชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งทัศนคตินี้ได้รับการบ่มเพาะขึ้นจากการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม โดยมีวัตรและวินัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงการรักษาความประพฤติต่อสังคม (ยมะ) และความประพฤติต่อบุคคลอื่น (นิยมะ) ตามปรัชญาทางจิตวิญญาณ กล่าวสั้นๆ ได้ว่ามันคือการจัดการพฤติกรรมของคนหนึ่งที่มีต่อผู้อื่น พร้อมไปกับการตามรู้กระบวนการทางร่างกายและจิตใจ (อาสนะ, ปราณยาม) ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะนำไปสู่วิถีการสร้างทัศนคติต่อชีวิตอย่างเป็นองค์รวม เสริมสร้างความกลมกลืนสมดุลของร่างกาย และยังช่วยการจัดปรับกลไกการทำงานภายใน
2220/101 ซอยรามคำแหง 36/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทรศัพท์ 02-732-2016 - 17, โทรสาร 02-732-2811 มือถือ 081-401-7744 ;
E-mail: [email protected] ; www.thaiyogainstitute.com
ไม่มีความเห็น