“เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่ยากหรือง่าย” กันแน่
ผู้เขียนในฐานะเป็นหัวหน้างานพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้มีผู้สอบถามเป็นจำนวนมากว่าเกณฑ์การประเมินแบบใหม่ของข้าราชการครูที่จะคลอดในระยะเวลาที่ใกล้เข้ามานี้เป็นอย่างไร ยากหรือง่ายกว่าเกณฑ์เก่า (ฟังไว้พอทำเนา....เพราะปัจจุบันยังถกกันไม่จบ)
ผู้เขียนก็ไม่รอช้า รีบค้นคว้าหาความรู้คืบหน้าซึ่งได้ใจความดังนี้.........
คำตอบคือ เมื่อเทียบน้ำหนักการประเมินกันแบบตัวต่อตัวแล้ว เกณฑ์ใหม่เปิดโอกาสให้ข้าราชการครูแสดงหลักฐานที่เรียกว่า “ประจักษ์พยานการสอน” ได้มากกว่าเกณฑ์เดิม
กล่าวสรุปให้ตรงประเด็นก็คือ เคยมีเพื่อนครูกลุ่มหนึ่งกล่าวอ้างว่า ครูที่ส่งผลงานทางวิชาการนั้น เป็นครูที่เขียนเก่งแต่สอนไม่เก่ง ไม่เหมือนตนเองที่สอนเก่งแต่เขียนไม่เก่ง
เกณฑ์ใหม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายสำแดงฝีมือกันได้เต็มที่ เพื่อพิสูจน์คำกล่าวหาซึ่งกันและกันว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นไปตามคำกล่าวหาหรือไม่ เช่น ครูที่อ้างว่าครูที่ทำผลงานนั้นเขียนเก่งแต่สอนไม่เก่ง ส่วนตนเองนั้นสอนเก่งแต่เขียนไม่เก่ง ข้อพิสูจน์ของเกณฑ์วิทยฐานะใหม่ที่เพื่อนครูกลุ่มนี้ต้องพิสูจน์ โดยแสดงหลักฐานประจักษ์พยานการสอนให้คณะกรรมการประเมินเห็นก็คือ ที่ว่า สอนเก่งนั้น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนดีกว่า เหนือชั้นกว่าครูที่ทำผลงานตรงไหน
ถ้าไม่ดีกว่า ไม่เหนือกว่า ตามที่กล่าวอ้าง ก็ถือว่ามิใช่ทองแท้ ตามที่กล่าวอ้าง
สำหรับเพื่อนครูที่ทำผลงานทางวิชาการ และถูกกล่าวหาว่า เป็นครูที่สอนไม่เก่ง แต่เขียนเก่ง ก็จะมีโอกาสที่ดีในการแสดงประจักษ์พยานการสอน ให้คณะกรรมการประเมินได้เป็นที่ประจักษ์ว่าตนเองได้สร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการ สื่อ นวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ที่มีประโยชน์ ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนดีกว่า เหนือกว่าเพื่อนครูที่กล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการเทียบเคียงว่า ครูที่ส่งผลงานสอนไม่เก่ง แต่เขียนเก่ง ได้พิสูจน์กันให้กระจ่างว่า ใครกันแน่ที่เป็นทองแท้ หรือ ทองเทียม
เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่ เปิดกว้างมากสำหรับการแสดง “ประจักษ์พยานการสอน” ของทั้งสองฝ่ายที่จะพิสูจน์กันด้วยนิติวิชาการที่ตรงไปตรงมา วิทยาวิชาการ ผลงานวิชาการที่เป็นวิทยาศาสตร์พิสูจน์ผลได้ และวิทยาวิชาการ การพิสูจน์ผลด้วยกระบวนการวิจัย
เดิมเพื่อนครูที่ไม่ส่งผลงานวิชาการกล่าวอ้างว่าตนสอนเก่ง แต่เขียนไม่เก่ง
กระแสโต้กลับที่ได้รับก็คือ การที่เด็กอ่าน เขียน วิเคราะห์มีระดับที่ตกต่ำ เป็นเพราะเรียนกับครูที่เขียนไม่เก่งใช่หรือไม่ เพราะเมื่อครูเขียนไม่เก่ง สะท้อนให้เห็นว่าครูขาดระบบการคิดวิเคราะห์การเรียบเรียง การขยายความ การย่อความ เมื่อไปสอนเด็ก ทำให้เด็กเขียนวิเคราะห์ไม่เป็นไปด้วย
คำโต้กลับนี้นับว่ารุนแรง ไม่แพ้คำที่กล่าวหาเพื่อนครูอีกกลุ่มหนึ่งไป
คราวนี้เพื่อนครูที่ยืนยันว่าผลงานทางวิชาการ สื่อ นวัตกรรมการศึกษาที่ส่งเป็นผลงานทางวิชาการนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นครูที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถรวบรวมผลงานที่สอนจริงมาเป็นเอกสารทางวิชาการ พัฒนาเป็นสื่อ เป็นนวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนได้ ก็จะได้รับการพิสูจน์เช่นกัน
รายละเอียดของเกณฑ์วิทยฐานะใหม่ สรุปแล้ว ผู้ที่สอนจริง และกรรมการที่ประเมินมีความรู้จริง เกณฑ์ใหม่ง่ายกว่าเกณฑ์เก่า เพราะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยระบบวิธีประเมินที่เป็นความจริงแต่ต้องยุติธรรม
ที่มา : ปริทัศน์การศึกษาไทย ปีที่ 8 ฉบับที่ 79 กุมภาพันธ์ 2551
บทความทันเหตุการณ์ดีมากครับ
รออีกสองปี ถึงจะทำประเมินวิทยฐานะค่ะ ขอบคุณบทความดีนะค่ะ
เรื่องประเมินจากของจริงน่ะชอบมากค่ะ ช่วงที่ตัดสินใจทำเรื่องขอประเมินวิทยฐานะก็เพราะว่าคณะกรรมการเขาจะมาดูการสอนของเราจริง ๆ เป็นรุ่นเชิงประจักษ์นะ ก่อนหน้านั้นไม่คิดว่าจะทำหรอก พอรู้ว่าเขามาดูเลยตัดสินใจขอประเมิน ที่ไหนได้ยังต้องส่งเอกสารอีกเพียบ สรุปแล้วกว่าจะผ่านได้เขาดูทั้งการสอนจริง และเอกสารประกอบค่ะ เกณฑ์วิทยฐานะใหม่ถ้าเขาดูของจริงอีกก็จะขอประเมิน คศ.4 ต่อ แต่ต้องรออีก 2 ปีนะ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากเลยค่ะพี่แจ๋น ทั้งเรียน ทั้งสอน จะเป็นมนุษย์เครื่องจักรอยู่แล้วค่ะ
ดีมีประโยชน์กับรุ่นน้อง ส่วนรุ่นพี่...เห็นควรด้วย กับท่านประเทืองเจ้าค่ะ
เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และจงจำคำว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น"
เอาเกณฑ์อะไรมาวัดล่ะครับ
ว่าครูคนไหนสอนเก่ง
คะแนนของเด็ก
ความเข้าใจของเด็ก
ความดีของเด็ก
................
................
หรือความต้องการของครู
ก็อีกแค่1ความเห็นอ่ะครับ :P
ครูจะเก่งดูว่าเก่งด้านไหน แต่ผลอยุ่ที่เด็กเป็นอย่างไร
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ พอดีเป็นครูชำนาญการครบ 1 ปี วันที่ 1 พ.ย ก็เลยตัดสินใจส่งเกณฑ์ครูชำนาญการพิเศษเกณฑ์ใหม่ เมื่อตอนเดือน ธ.ค ตอนแรกจะสอบถามบุคคลที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องหลักฐาน การประเมิน และการส่ง ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ ก็เลยตัดสินใจศึกษาเกณฑ์และจัดทำและส่ง ซึ่งทั้งเขตก็มีส่งคนเดียว ถ้าจะให้บอกว่าง่ายกว่าเกณฑ์เก่าใหม่ รู้สึกจะต้องเขียนรายงานยากส์ กว่าเกณฑ์เก่าอีกนะคะ แล้วต้องแนบหลักฐานมากมายกายกอง ซึ่งเกณฑ์เก่าส่งแค่ วฐ แล้วก็รายงานกับนวัตกรรมก็พอแล้ว ด้าน 1 ด้าน 2 ก็ไม่ต้องพิมพ์รายงานแต่เกณฑ์ใหม่รายงานทุกอย่าง แล้วจะว่าง่ายกว่าอย่างไรค่ะ รู้สึกว่าจะต้องส่งเอกสารมากกว่าเดิมอีกนะคะ แต่ตอนนี้รอประเมินด้าน 1 ด้าน 2 อยู่ ส่วนด้าน 3 ส่งไปแล้วที่เขต ถ้าผลการประเมินออกมาอย่างไรจะแจ้งให้เพื่อนครูทุกคนทราบนะคะ
เกณฑ์ใหม่นี้น่าจะเหมาะสมสำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่ในตัวเมืองเพราะมีเด็กเก่งเด็กคัดอยู่แล้ว
หรืออย่างไร?