หัวหน้าที่ดีไม่ควรออกคำสั่งกับลูกน้องจริงหรือ
จริงหรือที่เขาบอกว่า การออกคำสั่งกับลูกน้องนั้นเป็นสิ่งที่หัวหน้าไม่ควรกระทำ..
ดิฉันมีโอกาสได้อ่านข้อเขียนแนวคิดเกี่ยวกับการออกคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า เห็นว่าเป็นการมองต่างมุม ที่น่าสนใจ จึงได้นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อน ๆ เผื่อว่าจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งของนักบริหารยุคผู้นำการเปลี่ยนแปลง ลองอ่านดูสิคะ
อย่าออกคำสั่ง
เมื่อท่านออกคำสั่งให้ใครทำอะไร เท่ากับว่าท่านไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้คิดว่าจะต้องทำอะไร และจะต้องทำอย่างไร เพราะท่านได้คิดแทนพวกเขาไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง สิ่งที่พวกเขาพึงกระทำเพื่อให้ท่านพอใจ ก็ไม่อาจมีอะไรที่นอกเหนือไปกว่าการทำตามที่ท่านสั่ง การออกคำสั่ง ทำให้ท่านสูญเสียโอกาส 2 อย่าง คือ อย่างแรก ท่านไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาคิดหาหนทางที่ดีที่สุดในการทำงานชิ้นนั้น หรือทำสิ่งนั้น อย่างที่สองคือ ท่านไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง
จงสอนพวกเขา
เมื่อท่านต้องการให้พวกเขาทำสิ่งใดให้สำเร็จ แทนที่จะออกคำสั่ง ให้เปลี่ยนเป็นการ ให้อิสระ ในการคิดหาสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำงานนั้นให้สำเร็จได้ ถึงแม้บางครั้งสิ่งที่พวกเขาคิดมาอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ท่านมีหน้าที่ เฝ้าดูและให้คำแนะนำ แต่ก็อาจมีบางครั้งที่สิ่งที่พวกเขาคิดมานั้น มันดีกว่าที่ท่านคิดเสียอีก เวลาที่พนักงาน ได้รับการสอนแทนการออกคำสั่ง มันทำให้เขาได้ใช้ความคิด เพราะเขาไม่ได้เพียงทำตามสิ่งที่ท่านบอกให้ทำ เท่านั้น เขาจำเป็นต้องคิด เพื่อให้งานนั้นสำเร็จ พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกแนวทางที่คิดว่าดีที่สุด และพวกเขาต้องทุ่มเทแก้ปัญหาด้วยตัวของพวกเขาเอง และเมื่อพวกเขาได้คิดและลงมือทำด้วยตัวของเขาเอง พวกเขาจะเกิดความเชื่อในสิ่งที่ทำว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณค่าสำหรับพวกเขา เมื่อมีคนตั้งคำถาม เขาจะตอบมันได้ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง
บอกสิ่งที่คาดหวังให้ชัดเจน
เมื่อท่านมอบหมายให้พวกเขาทำงานใดงานหนึ่ง ท่านควรบอกให้ชัดเจน อย่าให้มีช่องว่างของความสงสัยหรือต้องตีความเอาเอง เพราะเขาอาจจะตีความไปคนละเรื่องเลยก็ได้ ดังนั้นท่านจำเป็นต้องบอกความต้องการของท่านให้ชัดเจนว่าต้องการให้เขาทำอะไร ทำไปทำไม ท่านคาดหวังสิ่งใดจากเขาบ้าง และที่สำคัญ อย่าลืมกำหนดเวลาให้เขาด้วย ว่าท่านต้องการให้เขาทำให้สำเร็จเมื่อไร
สร้างความมีส่วนร่วม
หน้าที่ของหัวหน้าหรือผู้จัดการ คือ การบริหารลูกน้องให้ทำงานให้สำเร็จ หากท่านออกคำสั่ง นั่นคือ ท่านกำลังจำกัดขอบเขตความสามารถของพวกเขา แต่ถ้าท่านสอนพวกเขา นั่นคือ ท่านเปิดโอกาสให้พวกเขาดำเนินการอย่างเต็มกำลังและความสามารถของพวกเขา แม้มันอาจไม่ดีเท่าที่ท่านต้องการ แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจในการทำงาน นอกจากนั้นยังทำให้ท่านดูดีในสายตาพวกเขาอีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างคะหลังจากที่ได้อ่านข้อเขียนนี้แล้ว สำหรับดิฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็มีความสามารถ เพียงแต่ว่าความสามารถและศักยภาพของแต่ละบุคคลไม่เท่ากันเท่านั้นเอง โดยปกติแล้วเมื่อหัวหน้าจะมอบหมายงานสิ่งใด ให้ใครทำก็มักจะตัดสินใจและมองออกแล้วว่าบุคคลใดถนัดงานด้านไหน และมีความสามารถทำได้หรือไม่ เพียงแต่ขณะที่ผู้เป็นหัวหน้ามอบหมายงานท่านอาจจะติดนิสัยชอบสั่ง เพราะมองเห็นวิธีการหรือแนวทางการดำเนินงานอยู่ก่อนแล้ว จนลืมไปว่าลูกน้องก็คิดเป็น และบางคนอาจคิดได้แปลกแหวกแนวออกไปอีกด้วย ลักษณะของลูกน้องที่ดิฉันเคยพบมาก็มีอยู่ 3 ประเภท
ประเภทแรก สั่งงานแล้วต้องอธิบายรายละเอียดให้ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร มากน้อยแค่ไหน และต้องติดตามงานตลอด มิฉะนั้นงานจะเสร็จไม่ทันเวลา
ประเภทที่สอง บอกจุดประสงค์ของงาน และวิธีการทำงานคร่าว ๆ เท่านั้นก็ทำได้ ไม่ต้องตามงาน พอถึงเวลาก็นำมาส่ง
ประเภทที่ 3 นี้ดีมาก แค่บอกจุดประสงค์เท่านั้น เขาไปคิดรูปแบบและวิธีการเอาเอง แถมยังมีการ เพิ่มเติมรายละเอียดให้ดูดียิ่งขึ้นไปอีก แบบที่หัวหน้าบางคนพูดว่าสั่ง 1 ได้ 5 นั่นแหละ ลูกน้องประเภทที่ 3 นี้ หัวหน้างานชอบมาก เรียกว่าเป็นมือขวาเชียวละ
เห็นอย่างนี้แล้วในครั้งต่อไป เมื่อท่านต้องการมอบหมายงานให้แก่ลูกน้อง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะเลือกที่จะสอนพวกเขาแทนการออกคำสั่ง เปิดโอกาสให้พวกเขาเรียนรู้การทำงานด้วยตัวของเขาเองโดยมีท่านคอยเฝ้าดูและสนับสนุน เพื่อให้พวกเขาได้เติบโตทางด้านความคิดและการทำงานต่อไป
เปลี่ยนจากสั่งมาเป็นการบอก.....ก็ได้นะ
ปกติที่โรงเรียนของหนู ผอ.ให้อิสระในการทำงานมากๆเลยค่ะ ขอให้มีงานส่งตามกำหนดถูกต้อง ครบถ้วนถูกต้องตามแผนที่วางไว้ อย่างนี้ก็รับไปทั้งความดีและความชอบค่ะ น้องนางบ้านนา
ถือว่าเป็นความโชคดีของน้องนางบ้านนา ที่มีผู้บริหารยอดเยี่ยมอย่างนี้ และก็เป็นความโชคดีของผู้บริหารด้วยที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเก่ง ๆ อย่างน้อง ขอบคุณพี่แอ๊วกับน้องนางค่ะที่แวะมาร่วมแสดงความคิดเห็น