· ครอบครัว
14 มีนาคม 2552 - 00:00
หากเป็น 10 ปีที่แล้ว คนไทยอาจวิตกกับสถิติประชากรที่ รู้ หรือ ไม่รู้ หนังสือ แต่ในปี พ.ศ.2552 นี้ สิ่งที่น่าวิเคราะห์ยิ่งกว่าอาจเป็นคำถามที่ว่า ปัจจุบันนี้คนไทยเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์และกลยุทธ์ในการ ใช้ หนังสือ เครื่องมือใกล้ตัวที่จะไขสู่โลกแห่งการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน?
นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวในงานสัมมนาที่จัดโดยนิตยสาร Kids and School ว่า การสอนลูกให้เป็นคนดีต้องเลี้ยงลูกด้วยการอ่าน เพราะการอ่านถือเป็นเครื่องมือเลี้ยงลูกอันแข็งแกร่ง อีกทั้งยังส่งเสริมสายสัมพันธ์ในครอบครัว
"ช่วง 10 ขวบแรกของชีวิตลูก ผมอ่านหนังสือให้ลูกทั้ง 2 คนฟังไม่ต่ำกว่า 300 คืน ใน 1 ปี ตอนนี้ลูกสาวผมหยิบหนังสือติดมือตลอดเวลา แต่ลูกชายผมไม่ ซึ่งผมไม่บังคับ เพราะผมไม่ได้คาดหวังว่าการอ่านจะทำให้ลูกฉลาด ที่ผมคาดหวังคือสายสัมพันธ์ที่จะดึงให้ลูกผูกพันกับพ่อแม่ ไม่ไปวอแวกับอบายมุขง่ายเกินไป อย่างในเรื่องของภาษา ก็ไม่ใช่แค่การประกอบอักษร แต่เป็นเหมือนยานพาหนะของความคิด จะเรียนภาษาต้องรู้เรื่องความคิด"
เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่ขวบปีแรก คือ แรกเกิด-1 ขวบ โดยจะพัฒนาความไว้ใจโลกไปพร้อมวางรากฐานความคิดและภาษา เรียนรู้ความมีอยู่จริงของ 'แม่' ผ่านการเลี้ยงดูอันอบอุ่น สบตา ซึมซับน้ำเสียงพ่อแม่ขณะอ่านหนังสือ ช่วงวัย 2-3 ขวบ จะพัฒนาสายสัมพันธ์ (Attachment) วัยนี้จะปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ได้ดีขึ้น พัฒนาทักษะการคิดและภาษามากขึ้นทีละนิด นำไปสู่การพัฒนาตัวตน (Self) วัย 3-5 ขวบ พัฒนาการเรียนรู้ด้านเพศ สร้างตัวตนที่ชัดเจนผ่านการเลียนแบบคนใกล้ตัว ถ้าพ่อแม่เป็นนักอ่าน ลูกวัยนี้จะเลียนแบบตามโดยปริยาย และวัย 6-10 ขวบ พัฒนาทักษะสังคม วัยนี้อาจเชื่อฟังพ่อแม่น้อยลง เพราะเขาจะเริ่มสร้างมาตรฐานทางศีลธรรมของตนเอง พ่อแม่จึงควรสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เช่น ใช้หนังสือเป็นสื่อกลางกล่อมเกลาลูกให้เติบโตในทางที่เหมาะสม การอ่าน จึงเป็นเครื่องมือต่อเชื่อมให้เส้นสายใยแน่นเหนียว เพื่อวางรากฐานหนทางแก้ปัญหาเมื่อเด็กเติบโตเป็นวัยรุ่นได้ครอบคลุม
นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า แม้การสร้างเด็กให้ดื่มด่ำกับหนังสือดีๆ จะเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อสายสัมพันธ์ของพ่อแม่แข็งแกร่งกว่าสิ่งเร้า จะเป็นฐานของจริยธรรมเมื่อลูกโตขึ้น เพียงพ่อแม่ให้ความสำคัญกับการอ่านไปพร้อมสอนสั่งลูกด้วยความรัก
"เพราะปัจจุบันวัยรุ่นมีปัญหา 4 ข้อ Sex, Game, Drugs และ Violence ที่สะท้อนว่าเด็กสมัยนี้ชอบเสพสุขอย่างรวดเร็ว แต่การอ่านช้ามาก จึงยากที่เด็กจะเสพติดหนังสือ นี่คือปัญหา เหตุนี้เราจึงอยากได้วัยรุ่นที่มีจริยธรรมมาก่อนฉลาด เพราะนี่คือฐานของการพัฒนาไปสู่ Idealism (อุดมการณ์ที่ดี) Value (ความเป็นคนมีคุณค่า) จวบจนถึงสุดยอดการพัฒนาเด็กคือ Spiritual (จิตวิญญาณ)"
ด้าน รศ.ดร.วิลาสีนี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ภาพรวมแนวโน้มการอ่านของเด็กไทยสดใสขึ้น แต่ถ้าเจาะลึกสถิติการอ่านของแต่ละช่วงวัย ควบคู่ไปกับประเภทหนังสือที่เด็กใช้จริงยังน่าห่วง ซึ่งเราพบว่าวัย 5-12 ขวบ มีสถิติการอ่านหนังสือมากที่สุด แต่หนังสือที่วัยนี้ใช้ส่วนใหญ่เป็นแบบเรียนที่มีหลักสูตรบังคับให้อ่าน โดยแทบไม่มีหนังสืออื่นที่เด็กเลือกตามความสนใจของตัวเอง
นอกจากนี้ อุปสรรคการอ่านของเด็กเล็ก 3-5 ขวบ ซึ่งเด็กต้องการบรรยากาศอบอุ่นขณะที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้ฟัง แต่เด็กบางคนไม่มีโอกาสได้สัมผัสหนังสือ เพราะพ่อแม่อ้างว่าไม่มีเวลา ส่วนอุปสรรคของวัย 6 ขวบขึ้นไป คือเมื่อเขาไม่ได้สัมผัสหนังสือตั้งแต่เล็ก บวกกับตลาดหนังสือที่รองรับความต้องการของวัยนี้มีน้อย การจูงใจวัยนี้ให้รักการอ่านจึงยากมาก ดังนั้น กลไกที่ขับเคลื่อนอย่างรุดหน้าคือ การรณรงค์ให้ครอบครัวใส่ใจการอ่าน รวมทั้งกระตุ้นสังคมให้เกิดการร่วมมือสร้างฐานหนังสือดีมารองรับประชากรนักอ่าน เพราะกลุ่มเด็กเล็ก 3-5 ขวบ พ่อแม่ต้องเข้าใจความสามารถในการรับรู้ตามวัยของเขา ต้องเปิดอ่านก่อนว่าเนื้อหาในหนังสือเข้าใจง่ายไหม เหมาะกับการเรียนรู้ตามวัย รวมถึงสอดรับกับวัฒนธรรมไทยหรือไม่ ขณะที่เราอาจต้องให้อิสระกับลูกวัย 6 ขวบขึ้นไปบ้าง ถ้าเขาหันเหความสนใจไปเป็นเกมหรือของเล่นอื่นๆ เพราะถ้าเราบังคับให้อ่าน วัยนี้อาจเกิดการต่อต้านได้
รศ.ดร.วิลาสินี ยังกล่าวต่อว่า แม้ครูจะมีจุดยืนชัดในการกระตุ้นเด็กไทยรักการอ่าน ขณะเดียวกันก็ไม่ปฏิเสธถึงช่องทางค้นความรู้ผ่านสื่อออนไลน์ แต่ที่พ่อแม่ต้องตระหนักคือ ความไวและความมีประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ต อาจนำมาซึ่งผลกระทบอันรุนแรง เช่น สร้างวงจรการ 'ติด' สื่อที่ปลุกเร้าอารมณ์ได้ง่าย ซึ่งสื่อเหล่านี้พัฒนาทักษะน้อยมาก ขณะที่การอ่านต้องใช้ทักษะการรับรู้ทุกด้านอย่างเป็นองค์รวม เช่น สายตาอ่าน-ฟังเสียงเล่า นำไปสู่จินตนาการ ทักษะการคิดและสติปัญญา ดังที่มีหลายงานวิจัยรองรับว่า เด็กที่พัฒนาทักษะด้วยการอ่านตั้งแต่เล็ก จะเติบโตมามีวุฒิภาวะรอบด้าน บทบาทสำคัญของพ่อแม่จึงเป็นการเพลินอ่านร่วมไปกับลูกวัยเล็ก พร้อมกับการตั้งรับพฤติกรรมการเสพสื่อของลูกที่ย่างเข้าวัยรุ่น ด้วยการสร้างวินัยในการอ่านควบคู่กับการให้อิสระเรียนรู้ตามใจ เช่น กำหนดช่วงเวลาอ่านหนังสือให้เท่าเทียมกับเวลาเล่นเกม
คงต้องทวงถามพ่อแม่ยุคใหม่ว่า คุณอยากให้การอ่านพัฒนาตัวตนของลูกในรูปแบบไหน เพราะอนาคต...จะกลายเป็นโลกที่ 1 ชั่วโมงมิใช่เพียง 60 นาทีที่ไร้ความหมาย ทว่าทุกนาทีคือช่วงเวลาทองแห่งการรับข้อมูลข่าวสาร การฝึกฝนทักษะการอ่านจึงต้องมุ่งสู่เป้าหมายที่มากกว่าการอ่านออกเขียนได้ แต่เป็นการอ่านอย่างเข้าใจ ตระหนักรู้ถึงหนทางนำไปใช้ประโยชน์เพื่อตัวเรา และสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่.
ดีจ้าโอ๋ แวะมาทักทาย และเป็นกำลังใจให้ในการทำงานต่อไป
ขอบคุณค่ะอาจารย์
ขอบคุณค่ะอาจารย์
ขอบคุณค่ะอาจารย์
หนูจะนำความรู้ที่ได้จากอาจารย์มาปรับปรุงและพัฒนางานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ( สงสารประเทศชาติ )
รออ่านเรื่องฐานการอ่าน มาเขียนโดยไว ฮ่าๆๆๆๆๆ
หนูอยู่ฐานการอ่าน หนูสนุกกับกิจกรรมครั้งนี้มากสุด ๆๆๆ
มีนักศึกษาประมาณ 100 คน นักศึกษาทุกคนให้ความสนใจกับทุกกิจกรรมมาก
รออ่านกิจกรรมอีกครับ
เหลือกิจกรรมวันที่ 12 ก.ค. 2552 ( กิจกรรม 3 วัน )
อีกวันเดียว ไว้รวมกิจกรรมทั้งหมดให้อาจารย์ดูทีเดียว
ได้ครับ กรุณาอย่าให้รอนาน ฮ่าๆๆ น้องโตต้าหายดีแล้วใช่ไหมครับ